Entertainment

สถานที่อันตราย…ไม่ใช่ที่ท่องเที่ยว รวมหนังประสบการณ์เฉียดตาย ที่การท่องเที่ยวคือความเสี่ยงถึงชีวิต

By: Chaipohn August 10, 2021

เพราะโลกใบนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันตรายแต่ก็มีเสน่ห์น่าค้นหา ที่เย้ายวนใจให้ผู้ชื่นชอบความเสี่ยงได้ลองไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต แต่ “ความท้าทาย” อาจจะเป็น “ความท้าตาย” แทนที่จะได้ประสบการณ์อันตื่นเต้น กลับได้เป็น “ประสบการณ์เฉียดตาย” โดยที่คุณไม่รู้ตัว

มีภาพยนตร์มากมายนำความตื่นเต้นของสถานที่ หรือสถานการณ์สุดดิบเถื่อนนี้มาทำเป็นภาพยนตร์เพื่อเติมเต็มทุกความสะใจ หรือไม่ก็เป็นการส่งสัญญาณบอกคนดูกลาย ๆ ว่า มันคือสถานที่อันตราย…ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เรามาดูกันว่ามีที่ไหนกันบ้างที่คุณไม่ควรจะไป

 

Chernobyl Diaries (2012)

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน คืออนุสรณ์สถานที่สะท้อนความหละหลวมของรัฐในการจัดการรับมือเหตุร้าย เมื่อเกิดเหตุระเบิดโรงไฟฟ้า นำมาซึ่งการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี กลายเป็นหายนะที่กลืนกินชีวิตของผู้อาศัยในย่านนั้นที่ต่างพากันบาดเจ็บล้มตาย จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 4,000 ราย และเป็นสถานที่รกร้างที่ห้ามทุกคนเข้าไป แม้เหตุการณ์จะผ่านไปกว่า 35 ปีแล้วก็ตาม

แต่มันกลับเป็นสถานที่ยอดฮิตที่กลุ่มวัยรุ่นท้าตายชอบพาตัวเองไปสัมผัสความอันตรายนี้โดยไม่สนใจข้อห้ามใด ๆ และ Chernobyl Diaries คือหนังที่เล่าถึงแก๊งวัยรุ่นทั้ง 6 ที่ชอบออกเดินทางไปรอบโลก โดยมีเชอร์โนบิล เป็นหนึ่งใน The Bucket List ที่อยากไปสัมผัสความเสียวสยองด้วยตาตนเอง พวกเขาและเธอจ้างไกด์เถื่อนให้พาไปยังเมืองร้างที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง กะจะแค่ถ่ายรูปอัพลงโซเชี่ยลแล้วกลับ แต่ความซวยก็เกิดเมื่อรถของไกด์เถื่อนเกิดเสีย และค่ำคืนนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมันยากจะอธิบายว่ามันเป็นผีหรืออะไร

ปัจจุบัน เชอร์โนบิล ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากไปสัมผัสสักครั้ง เพราะมันรวมไว้ซึ่งเรื่องราวครั้งสำคัญ ความรกร้างว่างเปล่า ความตื่นเต้น รวมไปถึงสถาปัตยกรรมในยุค 70s-80s ที่ยังคงสภาพความขลังและความน่ากลัวเอาไว้ และบางโซนนั้นยังเป็นโซนอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปอย่างเด็ดขาด


 

Colonia (2015)

โคโลเนีย ดิกนิแดด คือชุมชนในอุดมคติที่เปรียบเสมือนโลกยูโทเปียในเมืองเล็ก ๆ ของประเทศชิลี ภายหลังจากการรัฐประหารครองอำนาจของนายพลออกุสโต ปิโนเชต์ ได้นำกองทัพเข้ายึดอำนาจจากประธานาธิบดีซัลวาดอร์ อัลเยนเด พวกเขาสร้างชุมชน โคโลเนีย โดยกวาดต้อนผู้คนที่กระด้างกระเดื่องต่อการควบรวมอำนาจของเขา ด้วยการล้างสมองจนกว่าจะเชื่องและเชื่อฟังเขา

แม้ในนั้นจะเป็นการสร้างเมืองในฝัน ที่เต็มไปด้วยการแต่งกายแบบย้อนยุค มีการทำไร่ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หากแต่กำแพงด้านนอกกลับหนาแน่นไปด้วยรั้วไฟฟ้าแรงสูง ยากที่ใครจะหนีรอดไปได้ ซึ่งหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่แห่งนี้ไม่ต่างกับสถานกักกันชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เลย

Colonia จึงเป็นหนังที่เล่าจากเหตุการณ์จริง ถึงคู่รักที่ฝ่ายชายถูกจับระหว่างออกมาทำข่าวการปฏิวัติในครั้งนี้ ฝ่ายหญิงที่นำแสดงโดย Emma Watson จึงพยายามตามหา จนได้พบคนรักของเธออยู่ใน Colonia เธอจึงแฝงตัวเข้าไปเพื่อพบกับความวิปริตบ้าอำนาจ ที่ฉาบเคลือบด้วยการบังคับขู่เข็ญให้คนยอมทำตาม ก่อนจะพบประสบการณ์อันยากที่จะลืมเลือน

ปัจจุบัน แม้สถานที่แห่งนี้จะล่มสลายไปพร้อมการแฉว่าเป็นสถานที่ ๆ เต็มไปด้วยความหดหู่ เด็กชายหญิงหลายคนถูกทหารข่มขืน หลายคนถูกทรมานจนตาย ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองชิลี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเคยฝังความทรงจำอันเลวร้ายชวนหดหู่ของคนยุค 60s ที่ถูกทรมานอย่างเลวร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์


 

Cannibal Holocaust (1980)

หนึ่งในหนังต้องสยองสุดหลอนที่ใครดูต่างพากันฝันร้ายและหวาดกลัวการเดินป่าไปเลย เรื่องราวของนักศึกษาชาวอเมริกัน เดินทางมาถ่ายทำสารคดีชาวเผ่ายาคุโมะในป่าดงดิบที่อยู่ทางอเมริกาใต้ จนได้พบชนเผ่ากำลังออกหาเหยื่อมาทำพิธีบูชายัญอันน่าสยดสยอง และสิ่งที่พวกเขาต่างต้องเจอคือมหกรรมการทรมาณสุดโหด

หนังวางตัวเป็น Found Footage การค้นพบฟิล์มลึกลับกลางป่าใหญ่ จนคนดูต่างเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เห็นในหนังนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงขั้นออกตามล่าหาผู้สร้างมาลงโทษกันเลยทีเดียว จนต้องมาเฉลยว่ามันคือการถ่ายทำ ไม่มีใครตาย ที่เห็นตับไตไส้พุงนั้นล้วนมาจากสัตว์แทบทั้งสิ้น


 

No Escape (2015)

นักผจญภัยท่องเที่ยวหลายคนเลือกไปเที่ยวประเทศด้อยพัฒนา เพียงเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ ธรรมชาติ ความเป็นอยู่ของผู้คน ซึ่งหากคุณทำการบ้านไม่ดี ทริปในฝัน อาจจะกลายเป็นทริปอันตรายก็เป็นได้

No Escape เล่าเรื่องของวิศวะกร (นำแสดงโดย Owen Wilson) ยกครอบครัวมาทำงานในประเทศสมมติที่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ดันแจ๊คพ็อตเกิดการรัฐประหารและก่อการจราจลขึ้นเมื่อพวกเขาเดินทางถึงประเทศนั้น ความตึงเครียดทางการเมือง นำมาซึ่งสงครามกลางเมืองที่พวกเขาต้องพากันหนีตาย มิเช่นนั้นพวกเขาอาจกลายเป็นศพสังเวยความเลวร้ายของการเมือง

คนไทยน่าจะอินหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากกองถ่ายได้มาถ่ายทำกันที่เชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร ในช่วงเวลาที่การเมืองร้อนระอุจากความต่างของสีเสื้อ ถึงแม้หนังจะไม่ได้กล่าวว่ามันคือประเทศไทยก็ตาม เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความระทึกใจ และสะท้อนความโหดร้ายของสงครามกลางเมืองได้เป็นอย่างดี หนังเรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนให้คนที่ชอบเดินทางไปยังเมืองแปลก ๆ ควรศึกษาช่วงเวลาปัจจุบันของแบ๊คกราวด์ทางการเมืองให้ดี มิเช่นนั้นคุณอาจจะอยู่ท่ามกลางไฟสงครามได้อย่างที่คุณไม่รู้ตัวก็เป็นได้


 

Midsommar (2019)

กลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นชาวอเมริกา เดินทางมายังหมู่บ้านเล็กๆห่างไกลความเจริญในประเทศสวีเดน เพื่อสัมผัสประสบการอันชวนแปลกตาในเทศกาล Midsommar พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ 90 ปีจะมีครั้ง นั่นคือวันที่พระอาทิตย์จะไม่หลับใหล ท่ามกลางความตื่นเต้นเร้าใจในประเพณีอันชวนแปลกตานี้เอง กลับซ่อนความสยองของพิธีกรรมที่ทำให้หนุ่มสาวต้องเจอเรื่องชวนช็อคที่ไม่อาจจะก้าวขาออกจากหมู่บ้านเร้นลับนี้ได้

Midsommar คือหนังสยองขวัญแนวใหม่ที่ได้ใจนักวิจารณ์และคนดูที่ต้องการเสพความหลอนแบบกลางวันแสก ๆ เมื่อหนังนำเสนอผ่านความเชื่อที่เต็มไปด้วยความเร้นลับและความน่ากลัวจนขนหัวลุกนี้ อ้างอิงจากเทศกาลจริงของชาวสวีเดน แม้ในเหตุการณ์จริงนั้นจะเต็มไปด้วยสีสันและความสุข แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกที่ในโลกนี้ ล้วนมีพิธีกรรมความเชื่อที่แปลกและแตกต่างที่คุณอาจจะไม่รู้ ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจไปเที่ยวในที่แปลกๆ ลองดูหน่อยก็ได้ว่า ที่ๆคุณจะไปนั้น จะเป็นที่เที่ยว หรือเป็นที่ๆคุณจะเอาชีวิตไปทิ้ง


 

Bashing (2005)

หนึ่งในหนังญี่ปุ่น ที่กลับมาได้รับการพูดถึงกันมากในตอนนี้ ในฐานะหนังที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงของอาสาสมัครหญิงที่เดินทางไปยังอิรัคเพื่อช่วยเหลือเด็กและคนบาดเจ็บจากสงคราม แต่แล้วเธอก็ถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจับเป็นตัวประกัน โดยรัฐบาลญี่ปุ่นต้องวิ่งวุ่นเพื่อช่วยเหลือให้เธอปลอดภัย แม้สุดท้ายเธอจะได้รับอิสรภาพกลับญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย แต่สังคมกลับรุมประณามหยามเหยียดเธออย่างหนัก

หนังเล่าความทุกข์ยากลำบากของตัวยูโกะ ที่เป็นขี้ปากชาวบ้าน ครอบครัวล่มสลาย คนรักตีตัวออกห่าง แม้ว่าหนังจะไม่ได้ฉายภาพการที่เธอถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ปฏิกิริยาของผู้คนที่มองเธอด้วยความรังเกียจก็ทำให้รู้ว่ามันเจ็บปวดเพียงไร แม้เธอจะรอดตายจากการถูกจับเป็นตัวประกัน แต่สังคมก็ลงทัณฑ์เธอจนเหมือนตายทั้งเป็น

แม้หนังจะนิ่งตามสไตล์หนังอาร์ตสายประกวดในเทศกาลเมืองคานส์ แต่ Bashing ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ถึงสังคมคนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ทั้งตัวเอกที่ถูกจับเป็นตัวประกันว่าสมควรหรือไม่ที่จะไปในที่เสี่ยงแห่งนั้น กับสภาพสังคมที่โกรธแค้นและแทบไม่สงสารหรือยินดีกับตัวเอกที่รอดจากการโดนจับกลับมาได้เลย

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line