Entertainment

BOWIE’S LEGACY: เพราะการสนับสนุนศิลปินรุ่นหลังคือมรดกล้ำค่าจากราชาเพลงร็อกในตำนาน

By: Synthkid January 9, 2020

วันที่ 10 มกราคม 2020 คือวันครบรอบ 4 ปีที่ราชาเพลงร็อกตลอดกาลอย่าง David Bowie (เดวิด โบอี) ได้จากโลกใบนี้ไป หลายคนจดจำผลงานเพลงของเขา บ้างก็จดจำเขาในฐานะนักแสดง หรือแม้กระทั่งบางคนที่ไม่เคยเสพผลงานของเขาเลยก็ยังสามารถจดจำเขาได้จากแฟชั่นและการแต่งกายอันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แถมยังมีหลากหลายลุคและมีบุคลิกที่ชวนจดจำ

เขาคนนี้เป็นดั่งผลงานศิลปะที่มีชีวิต แถมยังรู้จักเปลี่ยนแปลงปรับตัวตามยุคสมัย ทำให้ตลอดชั่วชีวิตของเขาเต็มไปด้วยสีสันและควาฟน่าสนใจ แถมยังกลายเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้คนบนโลกในทุก ๆ วงการ ไม่ว่าจะเป็นในแง่งานเพลง การแสดง จนไปถึงการวงการแฟชั่น คนอย่างเดวิด โบอีไม่จำเป็นต้องตามแฟชั่น แต่เป็นแฟชั่นต่างหากที่มีเขาเป็น Trendsetter!

เพลง Space Oddity – David Bowie

โบอีล้ำหน้ากว่าผู้คนไปก้าวหนึ่งเสมอ ลองคิดดูสิครับว่าเพลง Space Oddity ที่แต่งออกมาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เหตุใดเรานำมาเปิดฟังในวันนี้มันก็ยังคงเข้ากับความไซไฟในทุกยุคทุกสมัย ต่อมาช่วงปลาย 70 เขาก็ยังเป็นคนแรก ๆ ที่นำซาวด์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในเพลงก่อนดนตรีแนวซินธ์ป๊อปจะเฟื่องฟู หรือแม้กระทั่งในยุค 90 ที่โลกเต็มไปด้วยเพลงกรันจ์ร็อกและบริทป๊อป เดวิด โบอีกลับเลือกที่จะทำเพลงแนว Drums and Bass ซึ่งกลายเป็นรากฐานเพลงอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปในยุค 2000 แถมดีเจ EDM ยุคใหม่หลายคนยังมีเพลงแนวนี้เป็นตัวตั้งต้น

ในยุคที่ผู้คนยังไม่ตาสีตาสากับอินเทอร์เน็ต เดวิด โบอีเป็นศิลปินคนแรก ๆ ที่พยายามสร้างเว็บบอร์ดขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับแฟนคลับ เพราะเชื่อว่าอินเทอร์เน็ตจะครองโลกในสักวันหนึ่ง ซึ่งวาทะนี้ของเขาถูกพูดไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 แล้ว!

โบอีได้รับฉายาว่าเป็น Fabric Of Universe ดั่งเส้นใยที่ถักทอจักรวาลเข้าด้วยกัน เพราะไม่ว่าคุณจะหันหน้าไปทางไหน บรรดาหัวกะทิของวงการหลายคนล้วนแล้วแต่เอ่ยว่ามีเขาคนนี้เป็นแรงบันดาลใจ อันที่จริงมันยากมาก ๆ หากจะนั่งไล่ทีละข้อว่า ‘เหตุใด เดวิด โบอี จึงทรงอิทธิพลต่อวงการดนตรี’

เรื่องที่เราจะหยิบยกมาพูดถึงต่อไปนี้จึงเป็นอีกมุมหนึ่งของเขาที่หลายคนก็อาจจะรู้มาบ้างหรือยังไม่รู้เลย เพราะมันไม่ใช่แค่ผู้คนชื่นชอบเขาครับ ตัวเขาเองก็ชอบสนับสนุนคนอื่นเช่นกัน

Iggy Pops & David Bowie

ปัจจุบัน Iggy Pop (อิกกี้ ป็อป) เป็นศิลปินระดับตำนานของโลก ชายผู้ได้รับฉายาว่า Godfather of Punk  เป็นดั่งปรมาจารย์ของศิลปินแนวพังก์ร็อกหลายคนที่ได้รับการยอมรับนับถือ แต่เชื่อไหมครับว่ากว่าจะมีวันนี้ได้มันก็ล้วนแล้วแต่ผ่านจากการช่วยเหลือจากเพื่อนรักอย่างโบอีช่วยเป็นป๋าดันให้

เรื่องมันเริ่มจากเดวิด โบอีได้ฟังเพลงของ The Stooges วงดนตรีเก่าของอิกกี้ ป็อปแล้วรู้สึกถูกใจ ราวปี 1970 เมื่อเขาไปนิวยอร์ก ผู้จัดการเลยโทรนัดอิกกี้ให้มาทานข้าวด้วย พอคุยกันถูกคอเขาสองคนจึงกลายเป็นเพื่อนกัน ในตอนนั้นอิกกี้ ป็อปมีปัญหาเรื่องการใช้ยาเสพติดและปัญหาสุขภาพจิตจนเสียการเสียงาน ส่วนเดวิด โบอีก็ตั้งปณิธานจะลดละเลิกผงขาวเช่นกัน ปลายปี 1976 เขาสองคนจึงตัดสินใจหอบข้าวของหนีไปอยู่เบอร์ลินด้วยกันเพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต บำบัดตัวเองและช่วยกันทำงานเพลงที่รัก

ในตอนนั้นเองที่อัลบั้มในตำนานทั้ง 3 อัลบั้มของเดวิด โบอีที่ทุกคนเรียกว่า ‘Berlin Trilogy’ (1977-1979) ถือกำเนิดขึ้น ได้แก่ Low, Heroes และ Lodger ซึ่งตัวอิกกี้ ป็อปเองก็มีส่วนเอี่ยวในสามอัลบั้มนี้ อีกทั้งโบอีก็ยังช่วยให้อิกกี้ได้ทำเพลงของตัวเองในฐานะศิลปินเดี่ยว จนอัลบั้ม The Idiot และ Lust For Life ถูกเข็นออกมาสู่หูประชาชนด้วยแรงผลักดันจากโบอี ชื่อเสียงของอิกกี้ ป็อป ถูกกอบกู้ขึ้นมาอีกครั้งและเหมือนจะรุ่งยิ่งกว่าเดิม แม้กระทั่งในการทัวร์ผลงานเดี่ยวของอิกกี้ ป็อป คนที่เคยเป็นยืนเฉิดฉายหน้าเวทีอย่างโบอียังยอมผันตัวไปเป็นมือเปียโนเพื่อสนับสนุนเพื่อนรักของเขา

ต่อมาในปี 1984 อัลบั้ม Tonight ของเดวิด โบอี ยังหยิบยกบางเพลงของอิกกี้ ป็อปขึ้นมาคัฟเวอร์ซ้ำ เพื่อผลักดันให้คนรู้จักเพลงของเพื่อนเพิ่มขึ้นอีก คิดเอานะครับว่าโบอีเขาเป็นพ่อบุญทุ่มขนาดไหน!

Nine Inch Nails & David Bowie

credit: www.imdb.com

Nine Inch Nails จัดว่าเป็นวงอินดัสเทรียลร็อกแถวหน้าที่มีบทบาทอย่างมากในวงการเพลงยุค 2000 รู้หรือไม่ครับว่า Trent Reznor (เทรนต์ เรซเนอร์) ตัวเทพผู้คุมบังเหียนก็เป็นหนึ่งในแฟนเพลงของเดวิด โบอีมาก่อนเช่นกัน หลังจากที่วงได้ปล่อยอัลบั้มแรกอย่าง Pretty Hate Machine ออกไป เดวิด โบอีก็สนใจในอัลบั้มนี้เป็นอย่างมาก จนตัวเขาเองเป็นฝ่ายติดต่อเรซเนอร์มาเองและวิจารณ์ผลงานอัลบั้มชุดนั้นด้วยปากของเขาเอง! มิตรภาพของพวกเขาจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น

หลังจากนั้นเดวิด โบอีก็แสดงความเป็นป๋าดันขั้นสุดด้วยการเปลี่ยน The Outside Tour ของเขาให้กลายเป็น “Sharing Stage” คู่กับ Nine Inch Nails เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่แค่การให้อีกฝ่ายมาเป็นวงเปิด แต่ศิลปินทั้งคู่จะได้จัดเซตลิสต์ในปริมาณพอ ๆ กันและมีบทบาทสำคัญอย่างเท่าเทียม หลังจากนั้นเทรนต์ยังมีส่วนร่วมในการทำเพลงอื่น ๆ กับเดวิด โบอี และได้มาร่วมงานกันอีกครั้งอย่างเป็นทางการในซิงเกิ้ล I’m Afraid of Americans จากอัลบั้ม Earthlings ปี 1997 นั่นเอง

Placebo & David Bowie

Placebo เป็นวงอัลเทอร์เนทีฟร็อก 3 ชิ้นจากอังกฤษที่เฟื่องฟูมากในปี 2000 พวกเขาก็เป็นอีกหนึ่งวงที่ได้รับความเอ็นดูและได้รับการผลักดันอย่างมากจากเดวิด โบอี (แม้จะไม่ได้รับความสนใจในไทยเท่าที่ควรในยุคนี้) เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ เดวิด โบอีจัด The Outside Tour (European) เขาได้เลือกเจ้าพ่อดราม่าอย่าง Morrissey (มอร์ริซซีย์) อดีตฟรอนต์แมน The Smiths มาเป็นศิลปินซัพพอร์ต อนิจจาตามอร์ริซซีย์แกเกิดไม่สะดวกใจอะไรบางอย่างที่ต้องมาเป็นวงเปิดให้ชาวบ้านเลยชิ่งหนีไปเสียอย่างนั้น! นั่นทำให้โบอีและทีมงานต้องหาวงใหม่มาเสริมอย่างปัจจุบันทันด่วน

เดชะบุญที่หนึ่งในทีมงานของเดวิดมีเดโมของวง Placebo อยู่พอดี จึงลองเปิดให้เจ้าตัวฟังว่าจะถูกใจหรือไม่ ปรากฏว่าโบอีชอบเพลงของ Placebo เป็นอย่างมาก จึงตกลงเชิญพวกเขามาเล่นเป็นวงเปิดทันที โดยที่ตอนนั้น Placebo ยังไม่ได้ออกอัลบั้มอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ! ทำให้พวกเขามีฐานแฟนเพลงตั้งแต่ยังไม่เดบิวต์กันเลยทีเดียว มีวันนี้ก็เพราะป๋าโบอีให้ นอกจากนั้นในอัลบั้มที่ 2 พวกเขาทั้งคู่ยังได้มาแจมกันอย่างเป็นทางการในเพลง Without You I’m Nothing อีกด้วย

 

Alexander Mcqueen & David Bowie

ไม่ใช่แค่วงการเพลง วงการแฟชั่นก็เช่นกันที่โบอีมีส่วนผลักดันใครบางคนให้มีชื่อเสียง ย้อนกลับไปปี 1996 Alexander Mcqueen (อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน) ยังไม่ใช่ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกเฉกเช่นปัจจุบัน เดวิด โบอีพบเขาในนิตยสารอินดี้อังกฤษเล่มหนึ่งและสนใจเขาเป็นอย่างมาก จึงเป็นฝ่ายติดต่อไปว่าอยากจะทำงานร่วมกับแม็กควีน ดีไซเนอร์หนุ่มคนนี้จึงได้มาเป็นคนออกแบบชุดทั้งหมดใน The Outside Tour ปี 1996-1997 ให้เดวิด โบอี ซึ่งชุดที่สะดุดตาชาวโลกที่สุดก็คือเสื้อโค้ตยาวลายธงยูเนียนแจ็ก

credit: genuis.com

ต่อมาเดวิด โบอีจึงเลือกใช้เสื้อโค้ตลายยูเนียนแจ็กตัวนี้ถ่ายขึ้นปกอัลบั้ม Earthlings ปี 1997 ตรงนี้นี่เองที่ทำให้ฝีมือของแม็กควีนไปเข้าตาศิลปินแถวหน้าอีกหลายคน และทำให้เขาได้พบกับ Björk และได้กำกับมิวสิกวิดีโอเพลง Alarm Call ให้เธอในเวลาต่อมา

Arcade Fire & David Bowie

เดวิด โบอีเป็นแฟนเพลงตัวยงของวง Arcade Fire ก่อนที่วงอินดี้ร็อกจากแคนาดาวงนี้จะมีชื่อเสียง เขานี่แหละเป็นผู้ที่นำเอาความดีงามของวงไปบอกเพื่อน ๆ ในวงการ รวมถึงพูดชมออกสื่อเป็นประจำ เรื่องราวมันเริ่มขึ้นจากครั้งหนึ่งที่โบอีมีโอกาสได้ชมการแสดงของ Arcade Fire สด ๆ ที่ Webster Hall ตั้งแต่สมัยวงยังไม่ดัง และดูเหมือนเขาจะถูกใจเป็นอย่างมาก ชอบขนาดที่ว่าแอบไปเหมาซีดีอัลบั้ม Funeral ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของวงไปแจกจ่ายให้เพื่อนฟัง!

ต่อมาเมื่อเขาได้ทำความรู้จักกับ Win Butler (วิน บัทเลอร์) ฟรอนต์แมน Arcade Fire อย่างเป็นทางการ พวกเขาก็ได้แจมกันบ่อยครั้ง มีทั้งไปช่วยร้องคอรัสให้วงในเพลง Reflektor ขึ้นไปร้องเพลง Wake Up ในรายการทีวีด้วยกัน และหลังจากเดวิด โบอีเสียชีวิต พวกเขาก็ยังแต่งเพลงที่ชื่อว่า Electric Blue (ถูกบรรจุในอัลบั้ม Everything Now) เพื่ออุทิศแด่โบอี เพราะคำว่า ‘Electric Blue’ เป็นท่อนสำคัญในเพลง Sound and Vision ของเดวิด โบอีนั่นเอง

“เดวิด โบอี เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและผลักดันวง Arcade Fire ในช่วงแรกๆ เขาไม่ได้เพียงแค่สร้างโลกที่เป็นไปได้สำหรับวงเราขึ้นมา

เขายังเชื้อเชิญให้เราเข้าไปด้วยความกรุณาและความอบอุ่น”

– ข้อความที่ Arcade Fire เขียนถึงเดวิด โบอีอย่างเป็นทางการหลังเขาเสียชีวิต

ถึงวันนี้เราจะยกศิลปินที่ร่วมงานกับเดวิด โบอีมาเพียง 5 คนเท่านั้น แต่อันที่จริงยังมีผู้คนอีกมากมายจากหลากหลายวงการที่ได้รับการผลักดันจากเขา และนี่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเหตุใด ดวงดาวที่ลาลับไปแล้วแบบเขาจึงไม่อาจดับแสงลงได้ เพราะถึงแม้ตัวเขาจะจากไป แต่ผลงาน แรงบันดาลใจ และสิ่งดี ๆ มากมายที่เดวิด โบอีได้ทำเอาไว้ ยังคงเปล่งประกาย งดงามในใจแฟนเพลงเสมอมา

 

Source: 1 / 2 / 3 / 4 / 5

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line