CARS

DRIVE: BMW Z4 M40i นี่คือ ROADSTER ที่ขับสนุก ดิบ หรูหราและก้าวร้าว เร้าใจสมกับเป็น BMW

By: Chaipohn October 12, 2020

หน้าที่ของรถ Roadster คืออะไร?

ขับสนุก มันส์ เร้า เท่ และมีความรู้สึกพิเศษเมื่ออยู่บนท้องถนน และเป็นรถที่คุณอยากจะหาเรื่องขับมันโดยไม่มีสาเหตุ

ทั้งหมดคือความพิเศษที่คุณจะได้รับจาก BMW Z4 generation ที่ 3 กับรหัสแรง M40i มันเป็นรถที่ขับดีจริง ๆ

ก่อนจะลงไปในรายละเอียด ต้องออกตัวก่อนว่าเราไม่เคยขับ Z4 sDrive30i จึงไม่แน่ใจว่าฟีลลิ่งที่ได้จะต่างกับ M40i มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ คือถ้าการเงินไม่ใช่อุปสรรค เราอยากแนะนำให้คุณเพิ่มงบประมาณเป็น 4,999,000 บาท เพื่อรถ two-seat convertible ที่แรง เท่ ไม่ซ้ำใครบนถนน และอยู่กับมันได้นานแบบไม่มีเบื่อ

อันที่จริง BMW Z4 G29 เปิดตัวในประเทศไทยมาได้ร่วมปีแล้ว และหลายคนคงเบื่อกับมุกว่า นั่น Supra หรือ Z4 เราจึงจะขอข้ามรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ไป เราจะมุ่งไปที่ความรู้สึก ข้อดี ข้อเสีย ที่ได้รับจาก Roadster คันนี้เท่านั้น

ไม่แปลกและขอยอมรับ ถ้าใครอ่านแล้วรู้สึกว่าเราจะชื่นชอบมันอย่างออกนอกหน้า เพราะมันดีจริงครับ ใครได้ขับก็รู้สึกแบบเดียวกันหมด แค่เปิดบทความจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ล้นหลามของผู้เขียนอย่างช่วยไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าเราไม่ได้ลำเอียงหรือพูดเกินจริงแต่อย่างใด

ถ้าให้นึกภาพ two-seat Roadster สักคันที่มีขายอยู่ในตลาดตอนนี้ แน่นอนว่าแต่ละรุ่นย่อมมีข้อดี ข้อด้อย ในตัวเอง Mazda MX5 สวย แต่ไม่แรง หรือ Audi TTS convertible แรงพอประมาณ แต่ฟีลความสปอร์ตและความพิเศษอาจจะไม่มากนัก เพราะทุกวันนี้เราเจอ TT ได้ทุกหัวถนน หรือเทียบกับพี่น้องท้องเดียวกันอย่าง Supra ที่แรง เน้นความสปอร์ต แต่อาจจะให้ความรู้สึกหรูหรา premium น้อยกว่า Z4

 

 

แต่สำหรับ BMW Z4 M40i ความหรูหรา มี, ความแรง มาก แถมยังมาในอารมณ์ดิบห่ามพร้อมความมั่นใจกับระบบช่วยควบคุม, ความสปอร์ต เหลือเฟือ, ความพิเศษ พบเห็นได้ไม่ง่ายบนท้องถนน สามารถเปิดปิดหลังคาผ้าใบได้ภายใน 10 วินาที ด้วยความเร็ว 40 km/h ต่อให้เจอฝนตกเราก็ปิดหลังคาทันโดยไม่เปียกแน่นอน

และที่สำคัญ มันเป็นรถที่ทำหน้าที่ได้ดีทั้งในวันที่อยากขับนุ่มนวลและวันที่อยากขับให้เร้าใจ ซึ่งสื่อต่างประเทศหลายแห่งที่รีวิวรถคันนี้ต่างเรียกมันว่าเป็น Greatest Hits ที่บาลานซ์ทุกอย่างไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

BMW Z4 M40i ด้านหน้าวางเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง Turbocharged แบบ TwinScroll ความแรงระดับ 340 แรงม้าที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,600 รอบต่อนาที ในบอดี้กะทัดรัดแต่น้ำหนักที่มีมากถึง 1,610 กิโลกรัมซึ่งไม่เบามากนักเมื่อเทียบกับ Roadster ค่ายอื่น เพิ่มอีกแค่ 25 กิโลกรัมก็จะหนักเท่า BMW 520d แล้ว แต่ก็สามารถทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 4.6 วินาที  ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8-speed ซึ่งการขับขี่จริงนั้น แรงบิดจะมาอย่างหนักหน่วงทันทีที่กดคันเร่ง เหมือนมีใครมากระชารถให้ทะยานจนหลังติดเบาะ

ความดิบห่ามแบบ BMW ที่ทำให้ผู้ชายทุกคนต้องเลือดสูบฉีด อาจจะเพราะความเป็นรถสปอร์ตหน้ายาว ท้ายสั้น และหลังคาผ้าใบที่ทำให้เราได้ยินเสียงเครื่องยนต์ผ่านท่อไอเสียที่ผ่านการออกแบบมาให้ดุดัน ไพเราะ และดังสะใจแต่ไม่กวนหูชาวบ้าน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในโหมด Comfort หรือโหมด Sport+

ช่องดักอากาศทั้งหมดใน Z4 M40i เป็นช่องจริง ไม่ใช่ช่องหลอกเหมือนใน Toyota Supra ไม่มีรายละเอียดที่มีเกินเลยสำหรับรถคันนี้ ด้านท้ายเป็นมุมที่เราชอบที่สุด การออกแบบไฟท้ายตัวและเส้นสายของชุดแต่ง M Sport รอบคัน ล้อ M ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Pilot Super Sport ชุดเบรกมาพร้อมคาร์ลิเปอร์ M สีฟ้า ระบบเฟืองท้าย M Sport differential, ช่วงล่าง Adaptive M ปรับความหนืดได้

ทุกรายละเอียดทำให้มันเป็นรถ Roadster ขับสนุก เหมาะสำหรับขับให้ความเครียดหลังเลิกงานกระจายหายไป แทนที่ด้วยความสนุกตื่นเต้น เป็นรถที่ถูกสร้างมาเพื่อ DNA ที่ชัดเจนมาก ๆ


แม้ภายนอกจะดูเล็กตามสไตล์ two-seat Readster แต่ในการใช้งานจริงมันก็เป็นรถที่นุ่มนวลพอ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ในโหมดปกติ ห้องโดยสารที่กว้างขวางสำหรับสองคนจะไม่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัดหรือปวดเมื่อยในการขับ ไม่ว่าจะในเมืองหรือขับเป็นระยะเวลานานเมื่อต้องออกต่างจังหวัด ตำแหน่งท่านั่งถูกออกแบบให้เตี้ยและลาด เป็นความรู้สึกสปอร์ตยิ่งกว่าที่นั่งใน Audi TT ที่เมื่อเทียบกันจะรู้สึกว่าตำแหน่งนั่งสูงกว่า

การประกอบภายในห้องโดยสารของ BMW Z4 ต้องเรียกว่า “แน่นทุกจุด” (จินตนาการเสียงน้าค่อม ชวนชื่น)

คุณภาพการประกอบดี วัสดุที่ใช้ดี ไม่มีพลาสติกราคาถูก เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบมาสำหรับ Z4 โดยเฉพาะ เป็นเบาะชิ้นเดียวกับพนักพิงศีรษะ ซึ่งดูดีกว่าสี Twon tone ใน Supra มาก นุ่มและโอบกระชับกำลังดี แผงแดชบอร์ดและคอนโซลบุหนัง Sensatec ไม่มีเสียงเอี้ยดอ้าดมากวนใจเมื่อขับขี่ให้ได้ยิน ไม่ว่าจะพยายามโยกช้ินส่วนไหนก็ไม่มีการขยับ ผสมตกแต่งด้วยวัสดุ Aluminium Tetragon สมกับราคาเกือบห้าล้านบาท คุณจะไม่รู้สึกว่าแพง แต่จะรู้สึกว่ามันคุ้มค่าสมราคากับเงินที่จ่ายไป

 

 

พวงมาลัย M Sport 3 ก้าน ที่อาจจะอ้วนอวบกว่าพวงมาลัยของค่ายอื่น แต่ในการใช้งานจริงกลับรู้สึกแน่นกระชับ จับถนัดมือเมื่อต้องเข้าโค้ง น้ำหนักพวงมาลัยที่ควบคุมได้อย่างพอดีตามความเร็ว การตอบสนองของพวงมาลัยที่แม่นยำ เฉียบคม ทำงานร่วมกับช่วงล่างและการออกแบบการกระจายน้ำหนักของตัวรถ 50:50 ตัวถังให้ความรู้สึกแข็งแรง แข็งแกร่ง ไม่มีอาการยวบย้วยหรือบิดตัวให้เห็นตลอดการใช้งาน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายสำหรับรถยนต์หลังคาผ้าใบ และเป็นการพยายามออกแบบตัวรถ Roadster ที่ประสบความสำเร็จของทีมวิศวกร BMW

ความรู้สึกคือรถทั้งคันเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน  รู้สึกมั่นใจว่ารถอยู่ในควบคุมทุกย่านความเร็วของทุกโค้ง มันอาจจะไม่ใช่รถที่คมที่สุด แต่ถ้าจะให้คมกว่านี้ และต้องกระด้างกว่านี้ เราขอเลือกช่วงล่างที่เซ็ทมาเดิม ๆ จะดีกว่า เพราะยังคงมีความนุ่มนวล แต่เป็นรถที่ให้ความรู้สึกเร้าใจแน่นอน

อารมณ์ที่แตกต่างของรถขับเคลื่อนล้อหลังใน M40i ทำให้เรานึกถึงเสน่ห์ของรถ RWD ที่เคยหลงลืมมันไป ด้วยแรงบิด 500 นิวตันเมตร เราจะเลือกสไลด์ให้ท้ายรถปัดพองามก็ทำได้โดยไม่ต้องปิดระบบ Traction Control หรือแค่กระแทกคันเร่งในทางตรงให้ล้อหมุนฟรีสร้างอะดรีนาลีนก็ทำได้แค่สะบัดปลายเท้า เสียงท่อ Back Fire ปุงปังที่มาเมื่อถอนคันเร่งก็พร้อมสร้างความสุนทรีย์ให้เราได้เสมอ

แม้ภายในห้องโดยสารจะไม่ค่อยมีช่องให้ใส่ของมากนัก แต่ในด้านท้ายรถ เราสามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่เข้าไปหนึ่งใบ และยังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับใส่สัมภาระอื่น ๆ แม้จะเปิดหลังคาผ้าใบ เพราะมันถูกออกแบบให้แยกสัดส่วนพื้นที่กัน จะเปิดหรือปิด ก็สามารถจุสัมภาระได้ 281 ลิตรเท่าเดิม

ในแง่ความ Practical จึงถือว่าสอบผ่านสำหรับรถ Roadster ที่ไม่ใช่แค่เน้นขับมันส์เพียงอย่างเดียว อย่างน้อยการเก็บของเดินทางไปต่างจังหวัดก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนสองคนอย่างแน่นอน

หน้าจอกลางขนาด 10.25 นิ้วใหญ่โตสวยงาม เลือกแสดงผล Widget ได้หลากหลาย layout แต่สิ่งที่เราคิดว่าใช้งานยากไปนิดคือหน้าปัดมาตรวัดที่ต้องตั้งค่าผ่านทาง iDrive ในขณะที่หลายค่ายสามารถเลือกแสดงผลโหมดต่าง ๆ ได้จากพวงมาลัย ซึ่งใช้งานจริงง่ายกว่าการงมทีละเมนูมาก แต่ในเรื่องความสวยงามล้ำหน้าต้องบอกว่านานาจิตตัง บางคนไม่ชอบ แต่ส่วนตัวค่อนข้างชอบในความทันสมัย ซึ่งมันเข้ากับรูปทรงที่ใช้ดีไซน์รถทั้งคันได้ดี

น่าเสียดายที่ตลอดเวลาการขับรถ BMW Z4 M40i เราไม่ได้ลองพลังเสียงของ Harman Kardon เลย เพราะเราชอบฟังเสียงเครื่องยนต์มากกว่า ในจุดนี้ทำให้เราลืมขอเสียอีกจุดคือการเก็บเสียงที่ได้ยินเสียงจากภาพนอกค่อนข้างชัดเจนจากรอยต่อหลังคาและวัสดุผ้าใบ มอเตอร์ไซค์คันข้าง ๆ คุยอะไรกัน รับประกันว่าเราจะรู้เรื่องเหมือนไปซ้อน 3 อยู่กับเค้าเลยทีเดียว แต่มันก็คือเสน่ห์ของรถเปิดประทุนที่เราเชื่อว่าไม่มีใครบ่นแน่นอน


เรารักทุกอย่างในความเป็น BMW Z4 M40i แต่ก็ยังมีบางจุดที่คิดว่าน่าจะปรับปรุงอีกเล็กน้อย ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หลัก ๆ ก็มีเพียงระบบ iDrive ที่เรายังคิดว่าใช้งานยากไปหน่อย ต้องเข้าทีละเมนูจากหน้าจอเพื่อตั้งค่าของตัวรถหรือหน้าปัดมาตรวัด ซึ่งเมื่อเทียบกับระบบพวงมาลัย Multifunction ของ Mercedes-Benz, Audi หรือแม้แต่ Jaguar ทั้งสามค่ายสามารถใช้งานได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ยังมีจุดอับสายตาเมื่อต้องกลับรถ เพราะจะเจอกับ Rollover bar ขนาดใหญ่บังมิดอยู่ จึงต้องใช้สมาธิเพ่งก่อนกลับรถทุกครั้ง สุดท้ายคือที่วางแก้วในรถที่คนนั่งต้องเสียสละถ้าคิดจะใช้มัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเราคงจดจ่อกับสมรรถนะและเสียงท่อเร้า ๆ มากกว่า

นอกจากข้อเสียเล็กน้อยเหล่านี้ เรายังนึกไม่ออกเลยว่ามีอะไรไม่ดีใน BMW Z4 M40i ด้วยงบประมาณ 4.99 ล้านบาท มันถูกกว่า BMW M2 เป็นล้าน ถูกกว่า Audi TTRS หลายแสน มันเป็นรถที่สามารถเปลี่ยนจาก Coupe’ เป็น Roadster ได้ภายใน 10 วินาที

การขับขี่ของรถหน้ายาวท้ายสั้นที่กระจายน้ำหนักได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมันก็ไม่สร้างความอึดอัดให้เราเลยตลอดเวลาที่ขับมันทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ความรู้สึกแข็งแกร่ง มั่นใจของตัวรถที่ออกแบบได้ดีกว่า Z4 ทุก generation ที่ผ่านมา มันเป็นรถที่เราอาลัยอาวรณ์มากที่สุด และตอนนี้มันกลายเป็นรถที่เราตัดสินใจจะซื้อทันทีถ้าปล่อยรถ Coupe’ คันเก่าของเราออกไปได้

อ่อ เกือบลืมไป ยังมีข้อเสียสุดท้ายอยู่ นั่นคือมันจอดที่ Supercar parking แบบที่ BMW M จอดกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะการวนหาที่จอดรถใน BMW Z4 M40i ก็คือช่วงเวลาที่ดีจนคุณจะไม่อยากลงจากรถเลยทีเดียวครับ

 

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line