อย่ารีบซึ้ง! 10 เพลง ที่มีความหมายพูดถึง “ยาเสพติด” เน้นๆ

อีกหนึ่งมุมมองของประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค ภายใต้เนื้อเพลงที่ถูกเรียบเรียบเป็นเมโลดี้จนไพเราะเสนาะหูนั้น แท้จริงแล้วคือการบอกเล่ามุมมอง ที่ Dark มากๆ โดยแท้จริงแล้วเนื้อเพลงเหล่านี้ถูกอุปมาอุปมัยโดยมีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเรื่องของ “ยาเสพติด” ล้วนๆ โดยที่คงไม่มีใครเขียนมันออกมาตรงๆ และมาบอกกับสาธารณะชนว่า “นี่ฉันเขียนเพลงเกี่ยวกับยาเสพติดว่ะพวก” แต่พวกเค้าอธิบายความอันตรายที่มีเสน่ห์ของการเสพยา เช่นเพลง  “Purple Haze” และ “Whiteline” รวมไปถึง “Under the Bridge” ก็เช่นกัน โดยที่เพลงยอดนิยมเหล่านี้มีอุปทานลึกซึ้งไปถึง โคเคน เฮโรอีน กัญชา รวมถึงยาหลอนประสาทต่างๆ ที่นิยมใช้เป้นยาเสพติดกัน โดยที่ UNLOCKMEN จะขอแนะนำ 10 เพลงตัวอย่างที่คนทั่วไปอาจจะตีความไปเป็นเรื่อง ความรัก หรือเรื่องราวที่มีเกี่ยว แต่จริงๆ แล้วคือมันใช่แบบเต็มๆ! และไม่ใช่เพลงที่บอกอยู่ครงๆ อย่าเพลง Cocaine ของ Eric Claptons แต่เราจะไปกันแบบลึกๆ ว่าจริงๆ และคุณรู้รึเปล่าเนื้อเพลงที่เค้าเขียนนั้น กำลังล้อเล่นกับความคิดคุณ

The La’s, ‘There She Goes’

วงดนตรีจากเมือง Liverpool วง The La’s เหมือนถูกกำหนดมาให้ประสบความสำเร็จในปี 1990 เมื่อย้อนกลับไปในปีที่พวกเค้าเปิดตัวเป็นครั้งแรก และเมื่อย้อนกลับไปที่เพลงที่เป็นเพลงเก่งของวงอย่าง “There she goes” ถ้ารองอ่านเนื้อเพลง และนึกตามดีๆ คุณจะได้เบาะแสะ และกลิ่นอายของยาเสพติดลอยมาจ่อที่จมูก โดยเบาะแสที่ว่าก็คือ “Racing through my brain, pulsing through my vein. และมีท่อนนึงที่ร้องว่า “Break the skin” นั่นทำให้เรารู้ต้นตอของทางเข้าของอะไรซักอย่าง ที่แหวกผ่านเนื้อเข้าไป ส่งมันไปตามเส้นเลือด เพื่อให้มันไปอาละวาดสมอง ลองคิดดูว่ามันคืออะไร

Elliott Smith, ‘Needle in the Hay’

เนื้อเพลงของ Elliott Smith อาจจะเหมือนไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับของพันธ์นั้นซ่อนอยู่เลย แต่เมื่อลองหาดูแบบจริงจัง ก็จะเจอจุดที่มันตะหงิดๆ แม้ว่าจะเหมือนเป็นการหาเข็มในกอหญ้า แต่ในที่สุดมันก็มาสะดุดตำเข้าที่มือจนได้ กับท่อนเพลงที่ว่า “You ought to be proud that I’m getting good marks.” จะภูมิใจอะไรขนาดนั้น

Fleetwood Mac, ‘Gold Dust Woman’

เมื่อ Courtney Love ถาม Stevie Nicks เกี่ยวกับการเขียนเพลง “Gold dust woman” แต่ Nick กลับไม่สามารถจำรายละเอียดอะไรของเพลงนี้ได้ ถึงจำได้ก็ได้แบบรางๆ Courtney Love จึงถามต่อว่า “มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับยาเสพยติดใช่มั้ย” ทันทีได้ยินคำว่ายาเสพติด Stevie Nick ก็ตอบว่า “ใช่ นั่นแหละ นึกออกแล้ว!” แล้วเค้าก็ร้องเพลงออกมา “Take your silver spoon” และ “And dig you grave” เท่านั้นแหละ ชัดเลย

Small Faces, ‘Itchycoo Park’

Steve Marriott และ Ronnie Lane คือหนึ่งในนักร้องเพลง psychedelic pop ที่ดีที่สุดตลอดกาล แต่ในท้ายที่สุดพวกเค้าก็ถูกยาเสพติดเข้าครอบงำ โดย BBC แบนเพลงของเค้าเพราะเพลงมีเนื้อหาที่น่าประหลาดใจ โดยที่เค้าอ้างว่ามันเป็นเพียงเนื้อเพลงเกี่ยวกับความทรงจำของพวกเค้าที่สนามเด็กเล่น แต่เมื่อถามว่าความทรงจำของคุณมันเกี่ยวกะอะไร คุณไปทำอะไรในสนามเด็กเล่น? คำตอบคือ เราไปเมายาน่ะสิ เท่านั้นแหละเป็นอันเรียบร้อยโรงเรียน BBC ถึงแม้ในภายหลังพวกเค้าจะอ้างว่า “แม้แต่บุหรี่เราก็ไม่สูบ” แต่บอกเลยไม่ทันละล่ะ

MGMT, ‘Time to Pretend’

Andrew VanWyngarden  และ Benjamin Goldwasser ได้กล่าวว่าเพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ตั๊กแตนตำข้าวที่วางไข่ในอพาร์ทเม้นวิทยาลัยของพวกเค้า (อะไรมันจะมีแรงบันดาลใจได้ขนาดนั้น)  โดยท่อนที่มีเนื้อร้องว่า  “and the eggs hatched and all these baby praying mantises were climbing up the rigging of the ship.” แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณไม่ต้องไล่ตีความจากเนื้อเพลงก็ได้ เพราะเพลงนี้ แท้จริงแล้วมันได้แรงบันดาลใจมาจากการสำลักอาเจียนจากเฮโรอีน และโคเคน แหม่…ทำไปได้

Third Eye Blind, ‘Semi-Charmed Life’

เพลงจากยุค 90 ที่เขียนขึ้นจากมุมมองจริงๆ ของ ผู้ชาย และผู้หญิงที่พูดถึงยาเสพติดที่ทำให้ชีวิตห่อเหี่ยว แน่นอนมันคือ Crystal Meth “Then I bumped again” ที่ร้องโดย Stephan Jenkins คือคำที่ถูกเผงแทงใจดำ สำหรับคนที่ใช้ยาประเภทนี้ทุกคน “I want something else/To get me through this life.”

Blur, ‘Beetlebum’

Damon Albarn กล่าวว่า เพลง Beatlesque ในปี 1997 ทำให้เค้านึกถึงประสบการณ์การติดยาเสพติด กับอดีตแฟนสาวของ Justin นอกจากการอ้างอิงชื่อที่ชัดเจนที่ วง บริทป๊อบ เอ่ยถึงทุกครั้ง และคำว่า “Chasing the beetle” เป็นคำที่เอามาจาก “Chasing the dragon” ซึ่งหมายถึงการ หายใจเอาไอระเหย จาก เฮโรอีน ฝิ่น หรืออะไรที่ถูกเผาอยู่บน ฟอยล์ เข้าไป

Talking Heads, ‘And She Was’

David Byrne บอกว่าเค้าได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับสาวคนนึงที่เติบโตขึ้นใน เขต Baltimore โดยมีท่อนเพลงที่อธิบายว่า “เธอกำลังนอนอยู่บนหญ้า และเธอสามารถได้ยินเสียงหายใจจากถนน” ผู้หญิงที่ถูกกล่าวถึงนี้มีลักษณะเหมือนคนที่เมาอะไรซักอย่าง โดย David Byrne บอกว่า เราได้ใช้สารเคมี หรืออะไรบางกันด้วยกัน 1-2 ครั้ง เรียกว่าติดใจ จนเป็นแรงบันดาลใจในการเอามาเขียนเป็นเพลงอีกรายแล้วรึนี่

Ed Sheeran, ‘The A Team’

นักแต่งเพลงชื่อดังจาก U.K. Ed Sheeran ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ก็มีเช่นเดียวกันในเพลง “The A Team” โดย Sheeran ได้อธิบายว่าเป็นเพลงที่ได้เขียนขึ้นโดยเรื่องราวของหญิงสาวคนนึงที่ดิ้นรนหาสารเคมีอะไรบางอย่าง “breathing in snowflakes.”  และก็คือคำตอบนั่นเอง

The Rolling Stones, ‘Dead Flowers’

The Stones ได้เขียนเพลงที่เกี่ยวกับยาเสพติดอย่าง Mother’s Little Helper, Brown Sugar, Sister Morphine และ Monkey Man. แต่ที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือ “Dead Flowers,” ซึ้งเพลงนี้จะมีท่อนที่อาจจะฟังดูโรแมนติก แต่ก็แอบซ่อนความหดหู่เอาไว้ในภายหลัง “And I won’t forget to put roses on your grave” (If Heroin did’t come from poppies)

และยังมีอีกหลายต่อหลายเพลงที่เขียนออกมาในเชิง 2 แง่ 2 ง่าม ซึ่งอาจจะไม่ได้นึกถึงแต่เพียงเรื่องยาเสพติดเท่านั้น อาจจะเป็นรักที่ไม่ได้หมายถึงแฟน แต่อาจจะหมายถึง พ่อ หรือ แม่ แทน เป็นต้น การใช้คำอาจจะทำให้เราเข้าใจไปต่างๆ นาๆ แต่นั่นแหละคือเสน่ห์ของการฟังเพลง ที่ทำให้คุณได้ใช้จิตนาการร่วมไปกับมัน มันจึงมีเพลงที่โดนใจคุณได้ไม่ว่ากับเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตคุณก็ตาม