Entertainment

เปิดตำนาน! EP.4 เพลงของ “SILLY FOOLS” จุดเริ่มต้นจากความหนักหน่วงที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยสัมผัส

By: JEDDY March 8, 2022

Silly Fools ชื่อนี้บ่งบอกความยิ่งใหญ่ในฐานะของวงดนตรีร็อกอันดับต้น ๆ ของบ้านเราได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงยุค 2000’s ที่ “โต” ยังทำหน้าที่นักร้องนำอยู่ พวกเขาฝากสุดยอดผลงานเพลงเอาไว้มากมายที่ใครต่อใครก็ต้องรู้จัก เช่น “ไหนว่าจะไม่หลอกกัน”, “วัดใจ”, “ขี้หึง”, “น้ำลาย”, “เมื่อรักฉันเกิด”, “จิ๊จ๊ะ” และอีกเพียบ ดนตรีร็อกพวกเขาเต็มไปด้วยพลังงานล้นหลอด มากไปด้วยทักษะ จัดจ้านทั้งเพลงเร็วและเพลงช้า สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นสิ่งที่มัดใจคนฟังได้อย่างอยู่หมัด แม้ว่าปัจจุบันทางวงจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนักร้อง 2 คน ได้แก่ “เบน” และคนล่าสุดคือ “ริม” แต่ DNA ซาวด์ของ Silly Fools ก็ยังคงชัดเจน

ภาพภายนอกพวกเขาคือวงที่ประสบความสำเร็จ แต่แท้จริงแล้ว Silly Fools เป็นวงที่ค่อย ๆ เติบโต ค่อย ๆ ปรับจูนแนวทางจนสามารถเอาตัวตนกับความต้องการทางตลาดเบลนด์ออกมาได้อย่างลงตัว แบบที่ทั้งศิลปินและค่ายเพลงแฮปปี้ด้วยกันทั้งคู่ แต่หากย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของการทำเพลงของวง พวกเขาไม่ได้นำเสนอแนวเพลงแบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่กลับเลือกเพลงแนวเมทัลอันหนักหน่วงออกมาซัดใส่ผู้ฟัง จนใครบางคนถึงกับงงว่านี่คือวงเดียวกันหรือเปล่า?


ย้อนกลับไปรากเหง้าทางดนตรีของวง Silly Fools พวกเขาเติบโตมากับเพลงเมทัลอันหนักหน่วง โดยในตอนแรกพวกเขาใช้ชื่อวงว่า Silly Foolish และตระเวนเล่นตามผับที่ให้เล่นเพลงเมทัล เช่น Metal Zone เป็นต้น ส่วนเพลงที่พวกเขาหยิบมาเล่นกันก็จะเป็นการคัฟเวอร์ผลงานของวง Pantera, Slayer, Sepultura, Anthrax และอีกหลาย ๆ วง ซึ่งวงเหล่านี้ได้กลายมาเป็นอิทธิพลสำคัญของผลงานเพลงพวกเขาในยุคเริ่มต้น 

หลังจากที่ตระเวนเก็บประสบการณ์ทางดนตรีมาพอสมควร เหล่าเด็กหนุ่ม (ในตอนนั้น) ได้เริ่มไล่ล่าความฝันขั้นต่อไปกับการเป็นศิลปินอาชีพอย่างเต็มตัว และพวกเขาก็ได้ไปร่วมงานกับค่าย Bakery Music ในที่สุด และเป็นช่วงนี้เองที่ทางวงได้เปลี่ยนชื่อวงมาเป็น “Silly Fools” 

พวกเขาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย โต – ร้องนำ, ต้น – กีตาร์, หรั่ง – เบส และเต้ย – กลอง ได้ร่วมกันบันเสียงอีพีแรก ซึ่งมีออกมาด้วยกัน 4 เพลงภายใต้แพคเกจรูปปกที่เป็นเด็กทารกถูกสายระโยงระยางซึ่งเปรียบเสมือนความบริสุทธิ์ที่โดนสังคมแต่งเติม และพวกเขายังได้รับเรื่องที่ท้าทาย เพราะทางค่ายตั้งโจทย์ไว้ว่าหากทำยอดขายเทปได้เกิน 20,000 ม้วน ก็จะได้รับเลือกให้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินอาชีพ แต่ด้วยแพชชั่นต่อดนตรีเมทัลที่ยังรุนแรง พวกเขาจึงได้แสดงตัวตนทางดนตรีออกมาแบบไม่มีกั๊กและดูเหมือนว่าจะไม่สนใจยอดขายด้วยเช่นกัน (และแน่นอนพวกเขาก็ทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า) ซึ่ง 4 เพลงดังกล่าวประกอบไปด้วย


1.ว่างเปล่า

อินโทรมาด้วยซาวด์สังเคราะห์ราวกับอยู่ในอวกาศ หลังจากนั้นก็เหมือนกับมีอุกกาบาตพุ่งเข้ามาชนเกิดความโกลาหลทั่วทั้งเพลง ดนตรีเสิร์ฟด้วยความหนักหน่วง, มีท่อนกรูฟที่หนักแน่น, สับริฟฟ์กีตาร์ดุเดือด, ลูกโซโล่ที่หวือหวา, ไลน์เบสผ่านเอฟเฟคราวกับเสียงโลหะตามสไตล์ของวง Korn, เสียงร้องสำรอกอันดุดัน รวมถึงมีบรรยากาศของความเป็นอินดรัสเตียล ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่วงทักทายผู้ฟังในเพลงแรก 


2.รอยยิ้ม (ภาคทฤษฎี)

เบรกให้ได้พักหายใจหายคอกันกับดนตรีจังหวะกลาง ๆ บรรยากาศดูลอยล่อง ดูซับซ้อน ซึ่งมันสอดคล้องกับเนื้อเพลงที่เล่าถึงการหลอกลวงของมนุษย์ที่เปรียบดั่งสุภาษิตคือ “รู้หน้าไม่รู้ใจ” และใครที่ตั้งใจฟังดนตรีและเสียงร้องของเพลงนี้ดี ๆ ก็จะพบว่ามันมีอิทธิพลต่อซาวด์ของ Silly Fools ในยุคต่อมาเป็นอย่างมาก 


3.จิบเดียว…ก็ซึ้งแมน

เพลงแรกว่าหนักแล้ว เจอเพลงนี้เข้าไปบอกเลยเทียบไม่ติด ทุกวินาทีที่คุณได้ยินมันจะทำให้ความดุเดือดในร่างกายของคุณพุ่งสูงขึ้นแบบที่นั่งไม่ติด จังหวะกลองสองกระเดื่องถูกงัดมาใช้แบบไม่มียั้ง ซาวด์กีตาร์ก็สาดมาได้แบบโหดเข้าเส้น ไลน์เบสเดินได้แน่นเอาภาคริธึ่มได้อยู่หมัด รวมไปถึงการร้องก็ใข้การสำรอกระบายความโทสะตลอดทั้งเพลง สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของเพลงนี้คือท่อนโซโล่ที่ไหลลื่นและหวือหวาอย่างมาก ฟังแล้วรู้สึกได้ว่าโสตประสาทของเรากำลังสนุกไปกับมัน 

ปัจจุบันเพลงนี้ในโอกาสดี ๆ เราจะได้เห็นวง Silly Fools หยิบขึ้นมาเล่นให้ชมด้วย


4.รอยยิ้ม (ภาคปฏิบัติ)

ภาคทฤษฎีว่าลอยแล้ว เจอภาคปฏิบัติไปลอยยิ่งกว่า แถมยังเติมบรรยากาศความหลอนลงไปในเพลงเพิ่มอีกด้วย ถ้าจะบอกว่าเป็นดนตรีสไตล์อะคูสติคก็คงไม่ผิดมากนัก เสียงดนตรีบาง ๆ เบา ๆ เน้นการใช้เสียงร้องถ่ายทอดตัวเพลงเป็นหลัก ซึ่งเพลงนี้ทำให้เราได้ยินเสียงร้องของโตแบบชัด และบอกได้เลยว่าเอกลักษณ์การร้องเพลงของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปแต่อย่างใด


ทั้ง 4 เพลงใช้เวลาไปทั้งสิ้นเกือบ ๆ 19 นาทีเท่านั้น แต่ก็สามารถบ่งบอกรากเหง้าทางดนตรีของพวกเขาเป็นอย่างดี และถึงแม้ ณ เวลานั้นผลงานอีพีนี้อาจจะไม่ยังไม่ได้เป็นที่จดจำซักเท่าไหร่ แต่เมื่อตอนที่วงมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศก็ทำให้แฟนเพลงจำนวนไม่น้อยที่เริ่มเสาะหาผลงานชิ้นนี้มาฟัง เพราะมันได้กลายเป็นแรร์ไอเทมไปเป็นที่เรียบร้อย โดยเมื่อไม่นานมานี้มีการนำเทปที่ผลิตรุ่นแรกมาประมูล ซึ่งราคาก็พุ่งไปหลายพันบาท ส่วนทางค่าย Bakery Music ก็เคยเปลี่ยนปกปั๊มผลงานชุดนี้ออกมาขายใหม่ในรูปแบบซีดีเช่นกัน

แต่เรื่องราวความผิดหวังที่ทางวงไม่ได้เซ็นสัญญากับทาง Bakery Music จะว่าไปมันก็เปรียบเสมือนสิ่งที่โดนลิขิตไว้แล้ว เพราะสุดท้ายก็อย่างที่เห็นเราได้เห็น Silly Fools ก้าวขึ้นมาโด่งดังภายใต้ชายคาของมอร์มิวสิค ก่อนจะประสบความสำเร็จและอยู่ในวงการดนตรีมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน


*รู้หรือไม่! เด็กชายบนหน้าปกอีพี 4 เพลง ปัจจุบันเขาคือ “ทอมมี่ ดนตรี วัณณรถ” ประกอบอาชีพเป็นนายแบบและเคยเป็นพระเอก MV เพลง “สิ่งแทนใจ” ของวง Retrospect มาแล้ว

Special Thank To : Silly Fool Thailand – Fan Club สำหรับรูปประกอบด้วยครับ

 

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line