APPS

อย่าใช้เพลิน Facebook กำลังเก็บข้อมูลทั้งหมดของเราผ่านทาง Laptop และ Smartphone อยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว

By: Chaipohn July 30, 2017

“แค่พูดถึงเรื่องนี้วันก่อน วันนี้เจอ ads เกี่ยวกับเรื่องที่คุยทันที เป็นไปได้ไง หรือ Facebook กำลังฟังเราอยู่??” เราเคยสงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว และเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเคยเจอกับตัว จนต้องฉงนใจเช่นเดียวกัน แต่อาจจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ในขณะที่บางคนรู้สึกว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลพอสมควร (ใครเคยดูซีรีย์ Black Mirror จะรู้ดีว่าเทคโนโลยีมันน่ากลัวขนาดไหน)

มีสื่อหลายแห่งในต่างประเทศที่เคยทดลองโดยการลองพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนึง โดยมั่นใจว่าไม่มีการพิมพ์หาข้อมูลนั้นใน Facebook หรือแม้แต่ Google แน่นอน ก็พบว่ามี Facebook ads เกี่ยวกับเรื่องนั้นโผล่ขึ้นมาจริง และไม่ใช่แค่เราที่สงสัย แต่ Professor Kelli Burns, mass communication professor แห่ง University of South Florida ก็สงสัย และค้นพบความจริงที่น่าตกใจหลายอย่าง เช่นการตั้งข้อสังเกตว่า Facebook “มีโอกาส” ที่จะใช้ประโยชน์จากการเข้าถึง microphone ฟังเสียงรอบข้างของผู้ใช้งาน เพื่อ deliver ads ที่เกี่ยวข้อง (more likely to click) ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ฟันธง 100%

Facebook said that it does listen to audio and collect information from users – but that the two aren’t combined, and that sounds heard around people aren’t used to decide what appears in the app – Independent.co.uk

ใน USA, Facebook มีการระบุชัดเจนใน Privacy statement ว่าบริษัททำการ “ฟัง” เสียงรอบ ๆ ผ่าน microphone เพื่อเก็บข้อมูลจริง แต่ไม่ได้ทำไปเพื่อ deliver ads หรือปรับหน้า News Feed อย่างที่โดนกล่าวหา ไม่ได้ฟังตลอดเวลา และไม่มีการบันทึกบทสนทนาแต่อย่างใด แต่ที่ทำไปเพื่อสร้างการ Interaction ให้เกิด engagement กับผู้ใช้งานมากกว่า

จากการเช็คดูของเรา พบว่าทุก application ในเครือ Facebook เข้ามา access Microphone ครบยกแผง เช่น Instagram, Facebook Messenger, Facebook Page Manager สำหรับคนที่ไม่สบายใจ สามารถเข้าไปปิด permission ไม่ให้ Facebook รวมถึง application อื่น ๆ  access Microphone ผ่านโทรศัพท์ได้ที่

iPhone:
Settings –> Privacy –> Microphone

Android: (depends on device)
Settings –> Apps –> Facebook –> Permission –> Microphone 

นอกจากเรื่องการฟังบทสนทนาหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่า Facebook เล่นกับ Privacy ของผู้ใช้งานในหลายด้านมากกว่าที่เรารับรู้ ก็ตอน Sign Up คงไม่มีใครอ่านครบทุกข้อ และถึงอ่าน ก็คงไม่มีทางเลือก เพราะถ้าเราอยากใช้บริการ Facebook ก็คงต้องยอมรับเงื่อนไขอยู่ดี เพราะโดยรูปแบบธุรกิจของ Facebook ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเค้าให้ใช้บริการฟรี เพื่อเอาข้อมูลของเราไปหารายได้จากการขายโฆษณา (Data Mining) แม้ว่าเราจะยินยอมให้ข้อมูลเหล่านั้นกับ Facebook หรือไม่ก็ตาม

ลองดูตัวอย่างจาก Facebook Privacy Policy ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/privacy/explanation แล้วจะตกใจในการ “ขออนุญาต” เข้าถึงข้อมูลโดยที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน โดยมีข้อใจความสำคัญ ๆ อยู่ 2 -3 ข้อ

Things you do and information you provide.

Facebook สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่เราสร้าง แชร์ รวมถึงข้อความใน Message ที่เราคุยผ่าน Facebook Messenger แน่นอนว่าการส่งรหัสผ่าน รหัสบัญชี ความลับ รูปหวิว ย่อมถูกเห็นโดยทีมงาน Facebook ทั้งหมด รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับ Content ที่เราเสพหรือสร้างขึ้นมา เช่นประเภทของ Content ระยะเวลา ถ้าคุณดูคลิปโป๊ คลิป sexy ผ่าน Facebook หรือในขณะที่ log-in Facebook หรือเว็บโป๊ที่มี plug-in ของ Facebook อยู่ Facebook ก็จะรู้ทั้งหมด

Device Information

Facebook เก็บข้อมูลของอุปกรณ์ทุกอย่างที่เราใช้งาน ทั้ง Laptop, Smartphone, Tablet หรืออะไรก็ตามที่เราติดตั้ง application หรือใช้เพื่อเข้าถึง Facebook ไม่ว่าจะเป็น Location, Bluetooth, WiFi signals, operating system, hardware version, device settings, file and software names and types, battery, signal strength

Your networks and connections

ใคร connect กับเราก็จะถูกเก็บข้อมูลไปด้วย เช่นจาก Group ที่เราเข้าประจำ, จาก Friend Lists รวมถึงข้อความและ Contact information ด้วย

อย่างไรก็ตาม คำอธิบายของ Facebook เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลนั้น ค่อนข้างกำกวม เช่นการใช้คำว่า “such as” เพื่อยกตัวอย่าง แต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนครบถ้วน ว่าสรุปแล้วเอาอะไรจากเราไปบ้าง

มีผู้เชี่ยวชาญด้าน IT หลายคนบอกว่า คำว่าเข้าถึง Devices ของ Facebook น่าจะรวมถึงการ access Photo gallery, Message ได้ด้วยเช่นกัน เพราะแม้แต่ Virus บางตัวที่ hacker พัฒนาขึ้นมา ยังสามารถสั่งให้กล้องทำงานได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นการที่ Facebook หรือแม้แต่ Google จะเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของเรา บน Devices ที่เราโหลดลงมาติดตั้ง และให้ permission มากมายแบบไม่รู้ตัว จึงไม่ใช่เรื่องยากเลย

มีจุดที่เราสงสัยว่า การเก็บข้อมูลทั้งหมดนั้น เป็นประโยชน์สำหรับ Facebook หรือเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานมากกว่ากันแน่ อย่างเช่นการบังคับให้ใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ซึ่งเป็นการบังคับมากเกินความจำเป็น หรือที่จริงแล้ว Facebook เพียงแค่ต้องการเอาใจเหล่าลูกค้า Corporate กับ Agency เพื่อให้มีตัวเลขผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล พร้อมข้อมูลที่เปิดเผยให้กับทาง Facebook เยอะที่สุด เพื่อ Facebook จะได้สามารถใช้ยืนยัน สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนจ่ายเงินซื้อโฆษณากันแน่

สุดท้ายแล้วคงอยู่ที่พวกเราเอง ที่ต้องระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลสำคัญบน Social Network เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามีใครกำลังเฝ้าดู แอบฟัง หรือดูหน้าจอเดียวกันกับตอนที่คุณกำลังดูอยู่ตอนนี้ก็ได้

 

Reference:
Independent.co.uk
Forbes.com
bgr.com

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line