World

เมื่อรัฐสั่งห้ามคนออกจากบ้านส่งผลให้ ‘ความรุนแรงในครอบครัว’ พุ่งสูงจนน่าใจหาย

By: TOIISAN April 1, 2020

“แม้รักกันมากแค่ไหนแต่คู่รักส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตัวติดกันตลอด 24 ชั่วโมง” วลีข้างต้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคู่รักและครอบครัวคนทั่วโลก เพราะแต่ละคนต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง บางบ้านสามีออกไปทำงานส่วนภรรยาอยู่บ้าน หรือคู่รักบางคู่ก็มีงานทำด้วยกันทั้งคู่

ครอบครัวที่มีลูกแล้วก็ต้องแบ่งเวลากันดูลูกและแบ่งเวลาให้กับชีวิตส่วนตัว ไม่ต้องพูดถึงครอบครัวใหญ่ที่มีกันหลายคนทั้งปู่ ย่า พ่อ แม่ ลูก หลาน เราเชื่อว่าคงไม่มีใครอยู่กับคนอื่นตลอด 24 ชั่วโมงแน่นอน 

ตอนนี้ไวรัสโควิด-19 ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องอยู่ติดบ้าน หลายประเทศสั่งห้ามประชาชนออกจากไปไหนถ้าไม่จำเป็น สำนักงานจำนวนมากสั่งให้พนักงานทำงานที่บ้าน ทำให้สมาชิกในครอบครัว คู่รักหลายคู่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่แทนที่จะมีแต่ความโรแมนติก อยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากันตลอด กลายเป็นว่าความรุนแรงในครอบครัวกลับพุ่งสูงขึ้นจนน่าใจหาย 

ประเทศฝรั่งเศสเริ่มปิดประเทศเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2020 โดยตั้งเป้าว่าจนถึงวันที่ 25 เมษายน จะมีประชาชนออกจากบ้านน้อยลงเว้นแต่ออกไปซื้ออาหารหรือยารักษาโรค จูงสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นได้วันละครั้ง ออกไปออกกำลังกายวันละครั้งตามคำแนะนำของแพทย์ 

หลังจากเริ่มมาตรการฉุกเฉินได้สักพักรัฐบาลฝรั่งเศสพบความผิดปกติ หลังจากสั่งให้ประชาชนกักตัวอยู่บ้าน มีคนจำนวนมากโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกคนในครอบครัวทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้นถึง 36% ซึ่งจำนวนนี้แค่เฉพาะในเมืองปารีสเท่านั้น ส่วนเมืองอื่น ๆ ของฝรั่งเศสก็มีบันทึกเหตุทารุณกรรมเพิ่มขึ้น 32% รวมถึงมีคดีฆาตกรรมในช่วงวิกฤตไวรัสอีกสองคดี

ป้ายข้างกำแพงที่มีข้อความว่า “พ่อเป็นคนฆ่าแม่ของฉัน”

นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิและความเท่าเทียมแสดงความเป็นห่วงต่อกรณีดังกล่าว พวกเขามองว่าการโดนสั่งให้กักตัวจะทำให้เหยื่อความรุนแรงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้ยากขึ้น เหยื่อต้องยกหูโทรศัพท์แจ้งความอย่างเดียวโดยไม่สามารถหลอกว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ หากการกักตัวอยู่แต่บ้านยังคงดำเนินต่อไปเป็นเดือน ๆ จะต้องมีคนโดยทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้นแน่นอน 

Marlene Schiappa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเสมอภาคทางเพศ (Gender Equality) เร่งร่วมมือกับร้านค้ากว่า 20 แห่ง ทั่วฝรั่งเศสเพื่อให้ทุกคนที่โดนทำร้ายร่างกายสามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือได้ การทำงานครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อพบว่ามีอัตราการทำร้ายร่างกายในครอบครัวเพิ่มขึ้น รัฐบาลฝรั่งเศสจึงตัดสินใจแบ่งงบ 1 ล้านยูโร (ราว 36 ล้านบาท) แก่องค์กรต่อต้านการล่วงละเมิดเพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือผู้เผชิญความรุนแรงได้มากขึ้น

ฝรั่งเศสเร่งสร้าง “breeding ground for violence” หรือพื้นที่พักพิงสำหรับผู้พบเจอกับความรุนแรง ด้วยการจ่ายเงินเช่าโรงแรมและห้างสรรพสินค้าเปลี่ยนเป็นศูนย์ชั่วคราวดูแลผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทางการจะให้เหยื่อย้ายออกจากบ้านทันทีและอาศัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวระหว่างที่ดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยจะเริ่มจากปารีสที่เป็นเมืองหลวงก่อนตามด้วยเมืองลีลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ 

ปกติแล้วสถิติผู้มารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีหญิงที่เข้ารับบริการที่ศูนย์จำนวนมากจากสาเหตุที่หลายหลาย เช่น เมาสุรา การหึงหวง สุขภาพจิต เศรษฐกิจ รวมถึงการเสพสื่อลามก และจำนวนคดีการทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้นหลังประชาชนชาวฝรั่งเศสโดนสั่งให้กักตัวหนีไวรัส บางครอบครัวอยากมีปัญหาเรื่องการนอกใจและใช้เวลาที่ออกไปทำงานปกปิดความผิดเอาไว้ พอต้องมาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแล้วความแตกขึ้นมาความรุนแรงจึงเกิดขึ้น แม้ว่าการนอกใจจะเป็นเรื่องผิดแต่การถึงขั้นทำร้ายร่างกายก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำก็ตาม

นอกจากนี้เรื่องการเข้ากันไม่ได้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ คู่รักบางคู่พอใจที่อยู่ด้วยกันแต่พวกเขาก็ไม่เคยต้องตัวติดกันตลอดเป็นเวลานาน ๆ การต้องอยู่ในพื้นที่จำกัดร่วมกันอาจสร้างความเครียดพาลให้เกิดการโต้เถียงง่ายขึ้น หรือบางคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตอยู่แล้วก็ทำให้ความอดทนในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณณ์

ไม่ใช่แค่กับคู่รักเท่านั้น สำหรับคนที่สร้างครอบครัวแล้วก็เกิดความรุนแรงได้ การอยู่รวมกันจำนวนมากและไม่มีพื้นที่ส่วนตัวมากพอก็ทำให้เกิดความเครียด กักตัวนานวันไม่เจอสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ อาจทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิดใส่คนรอบข้างมากขึ้น

กระทรวงสาธารณะสุขรายงานว่า การทำร้ายร่างกายในครอบครัวส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์จนขาดสติ บางคนเมาทั้งวัน บางคนเคร่งกับงานต้องเอามาทำที่บ้านแต่ไม่ช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้าน สามีมีนิสัยชอบซ้อมเมียเวลากลับจากบ้านหลังเลิกงาน พออยู่ด้วยกันทั้งวันก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์เข้าตาจนได้ยากขึ้น เหตุผลยิบย่อยนี้เกิดขึ้นจริงในหลายครอบครัว เพราะบ้านอาจไม่ใช่ที่พักอุ่นใจสำหรับทุกคน

กรณีเพื่อนบ้านอย่างสเปนก็มีการแจ้งความเรื่องการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นเช่นกัน ประเทศสเปนจะทราบข่าวต่าง ๆ ได้จากการแจ้งความผ่านเภสัชกร หากมีใครถูกทำร้ายร่างกายมาให้บอกว่าจะไปซื้อของที่ร้านขายยา จากนั้นแจ้งกับเภสัชกรว่า “Mask 19” คนขายยาจะรู้ว่านี่คือการขอความช่วยเหลือและจะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ต่อทันทีเพราะเหยื่ออาจไม่สามารถโทรหาตำรวจเองได้  (แต่ทางสำนักข่าวไม่ได้ลงรายละเอียดว่าพวกเขาแจ้งเหยื่ออย่างไรว่าต้องบอกว่า Mask 19 ถ้าต้องการความช่วยเหลือ)

การอยู่ร่วมกับคนอื่นแทบจะตลอดเวลาในพื้นที่จำกัดอาจสร้างความเครียดและกดดัน UNLOCKMEN ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ต้องเจอกับสภาวะวิกฤต หวังว่าในเร็ววันนี้เหตุการณ์ที่ย่ำแย่จะต้องดีขึ้นโดยที่ไม่เกิดการทำร้ายร่างกายกัน

 

SOURCE 1 / 2

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line