GADGETs

“The History of ALFA ROMEO” เปิดตำนานรถเจ้าของฉายา The Machine of The Emotion พร้อมพบกับ Model ล่าสุดที่แรงจนฉุดไม่อยู่!!

By: HYENA September 21, 2017

ถ้าหากให้นึกถึงแบรนด์รถที่ค่อนข้างหายากในบ้านเราน้อยคนนักที่จะนึกถึงแบรนด์อย่าง Alfa Romeo แต่หากใครรู้จักรถยนต์แบรนด์นี้จะรู้ดีว่า เรื่องของชื่อเสียง โดยเฉพาะในด้านรูปลักษณ์นั้น สามารถพูดได้เลยว่าไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้หลังจากที่เราได้ข่าวการเคลื่อนไหวของ Alfa Romeo ซึ่งนาน ๆ จะมีมาสักทีหนึ่ง

เราจึงได้นำเอาประวัติ พร้อมกับข่าวคราวของค่ายรถยนต์ค่ายนี้มาอัพเดทให้แฟน ๆ ได้ทราบกันแบบสด ๆ ร้อน ๆ หากใครชอบ หรือกำลังเล็ง ๆ Alfa Romeo อยู่ บทความนี้ จะทำให้ คุณได้รู้จักกับ แบรนด์ Alfa Romeo เจ้าของสโลแกน “La Meccanica Delle Emozioni” ที่แปลจากภาษา Italy มีใจความว่า “The Mechanics of Emotions” เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

History of Alfa Romeo

ผู้ก่อตั้ง Alfa Romeo ขึ้นนั้นมีทั้งหมด 3 คน ก็คือ Alexandre Darracq, Ugo Stella และ Nicola Romeo เดิมทีบริษัทนี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยใช้ชื่อว่า Società Anonima Italiana Darracq (SAID) ในปี 1906 ซึ่งมี Alexandre Darracq ผู้ผลิตรถยนต์ชาว France เป็นหัวเรือใหญ่ และได้ร่วมมือกับกลุ่มนักลงทุนชาว Italy ที่พร้อมใจกันกระโดดเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ว่า พวกเข้าจะกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องพูดถึง

แต่ทว่าทำไปทำมาบริษัทกลับถอยหลังลงไปเรื่อยๆ Alexandre Darracq เห็นแนวโน้มว่า ฝืนอยู่ต่อไป นอกจากบริษัทจะไม่รอดแล้ว เขาก็คงจะเจ๊งไปพร้อมกับบริษัทแน่ ๆ จึงตัดสินใจรีบดีดตัวออกมา ทิ้งไว้แต่หุ้นที่ตัวเองยังเป็นเจ้าของ พร้อมกับก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาอีกบริษัทหนึ่งชื่อว่า A.L.F.A. ที่ย่อมาจาก (“Anonima Lombarda Fabbrica Automobili”, “Anonymous Lombard Automobile Factory”) ในปี 1909

หนึ่งปีให้หลังจากการเปิดบริษัท Alexandre Darracq ก็ผลิตรถยนต์คันแรกภายใต้แบรนด์ A.L.F.A. ออกมานั่นก็คือ A.L.F.A. 24 HP โดยมีผู้ออกแบบ และผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมวิศวกรของบริษัทเป็นกำลังสำคัญนั่นก็คือ Giuseppe Merosi เขาทั้ง 2 คน ได้ตั้งใจผลิต A.L.F.A. 24 HP คันนี้ออกมาโดยมีจุดประสงค์ใช้ลงทำการแข่งขันในรายการ Targa Florio โดยเฉพาะ

จนกระทั่งปี 1915 บริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยนผู้บริหาร และวิศวกรคนใหม่ซึ่งเป็นการดึงเอา Nicola Romeo เข้ามาแทน โดย Nicola Romeo ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บริษัทหันไปผลิตอาวุธยุทธโธปกรณ์ให้กับกองทัพทหาร Italy และพันธมิตรในช่วงสงครามโลก

ต่อมาก็เปิดชื่อเป็นบริษัท Alfa Romeo เพื่อกลับเข้าสู่เส้นทางการผลิตรถยนต์ตามความตั้งใจในตอนแรก อีกทั้งเปิดตัวรถคันแรกหลังจากมีการเปลี่ยนผู้บริหารออกมาอย่างเป็นทางการนั่นก็คือ Torpedo 20-30 HP ที่ถือว่าได้กระแสการตอบรับดีมาก และทำให้คนรู้จักแบรนด์ Alfa Romeo มากขึ้น

ต่อมาในปี 1928 ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อ นาย Nicola Romeo ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหาร และลาออกจากบริษัท Alfa Romeo เนื่องจากว่า ในช่วงนั้นบริษัทต้องประสบกับปัญหาทางการเงินจนแทบจะไปต่อไม่ไหว จึงขายบริษัทให้กับทางรัฐบาล Italy

เมื่อแบรนด์ Alfa Romeo ที่พอจะมีชื่ออยู่ในระดับหนึ่งตกมาอยู่ในมือของรัฐบาลที่มีทั้งพลังอำนาจในด้านการเงิน และการปกครองผลประกอบการที่เคยดิ่งลงเหวก็พุ่งขึ้นแบบผิดหูผิดตา Alfa Romeo ที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ แต่มีผู้บริหาร และวิศวกรเป็น นาย Ugo Gobbato ก็ไม่รอช้า หันมาผลิตรถสำหรับเศรษฐีที่มีเงินเหลือล้นเพื่อทำกำไรอย่างหนักหน่วง

ด้วยการส่งรถ Alfa Romeo รุ่น 8C 2900 Type 35 ออกมา และดูเหมือนว่ามันช่างถูกที่ถูกเวลาซะเหลือเกิน เพราะมันทำให้บริษัทอย่าง Alfa Romeo เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ จากนั้นก็ยังเดินหน้าผลิตรถเล็ก และหันมาใช้เครื่องยนต์แบบ Twin-Cam เป็นเจ้าแรก ซึ่งในยุคนั้นถือว่าล้ำหน้ากว่าใคร ๆ ทั้งหมด ต่อเนื่องความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ด้วยการนำเครื่องยนต์แบบ Twin Spark ที่ใช้หัวเทียน 2 ดอก ต่อ 1 ลูกสูบมาใช้อีกในปี 1960-1970

จนกระทั่งปี 1986 รัฐบาล Italy ก็ได้ขายกิจการต่อให้กับบริษัท Fiat Group และสร้างกลุ่มย่อยภายในบริษัทใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ Alfa Lancia Industriale S.p.A เพื่อที่จะให้รถยนต์จากแบรนด์ในเครืออย่าง Alfa Romeo และ Lancia ได้จับมือกัน ศักยภาพรถยนต์ของพวกเขา อีกทั้งยังดันให้ Alfa Romeo กลายเป็นรถที่มีสไตล์โฉบเฉี่ยว และเพิ่มความเป็นสปอร์ตให้เด่นชัดทันสมัยมากขึ้น โดยการนำสโลแกน “Cuore Sportivo” (Sporting Heart) มาใช้ในปีนั้น

ปัจจุบัน Alfa Romeo ยังคงเป็นเจ้าของบริษัท Alfa Lancia Industriale S.p.A ที่ก่อตั้งบริษัทใหม่แยกออกมาอีก 4 บริษัท และหนึ่งในนั้นก็คือ Alfa Romeo Automobiles S.p.A  บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีสไตล์โดดเด่น และน่าหลงใหลที่คนส่วนใหญ่มักรู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อ Alfa Romeo (‘alfa roˈmɛːo) หนึ่งในโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ที่มีการก่อตั้งขึ้นครั้งแรงในเขตชานเมืองตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Milan ประเทศ Italy ที่ถ้านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาจนตอนนี้  บริษัทนี้ก็มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานถึง 107 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Why Alfa Romeo’s Logo Features a Snake Eating a Guy.

ตราสัญลักษณ์รถยนต์บางค่ายนั้น บางทีอาจจะทำให้เราคิดว่ามันได้ผ่านการออกแบบมาหรือเปล่า? เพราะเล่นเขียนชื่อเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ​แบบทื่อ ๆ เป็นอันเสร็จ แต่สำหรับ Logo ของบางแบรนด์ก็ยากที่จะคาดเดาถึงที่มา หรือตีความหมายที่ซ่อนอยู่ได้ เช่นเดียว Logo ของ Alfa Romeo ที่มีคนจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมมันดูแปลกตา เหมือนกับเป็นตราอะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมยานยนต์สักนิด วันนี้เราจะนำที่มาของตราสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนนี้มาให้ชาว UNLOCKMEN ได้อ่านกัน

ถ้าหากใครเคยเข้าไปมองดูตราสัญลักษณ์ หรือ Logo ของ Alfa Romeo ดูใกล้ ๆ จะเห็นเป็นรูปงูยักษ์ที่กำลังจะกลืนกินมนุษย์!? ซึ่งบางคนก็มองว่า เป็นงูกำลังแลบลิ้น, เป็นงูพ่นไฟ, หรือแม้แต่เป็นงูที่กลืนดาบเข้าไปก็มี แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า มันไม่ใช่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ลิ้น, เปลวไฟ หรือ ดาบ มันไม่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้นเลย

The Left Half of the Alfa Romeo Logo.

เมื่อ A.L.F.A. (Anonima Lombarda Fabbrica Automobili) หรือ Alfa Romeo ก่อตั้งขึ้นในปี 1910 นักออกแบบที่ชื่อว่า Romano Cattaneo ได้ทำตราสัญลักษณ์นี้ขึ้นมาพร้อมกัน ที่ด้านซ้ายภายในตราสัญลักษณ์จะเห็นได้ว่ามีเส้นสีแดงที่ตัดกันบนพื้นสีขาวมีลักษณะเหมือนเครื่องหมายบวกได้ชัดเจน มันอาจจะทำให้หลายคนคิดว่าเป็นธงของประเทศอังกฤษ

ดังนั้น จึงมีหลายคนที่คิดว่า มันน่าจะเป็นรถที่ผลิตขึ้นในประเทศอังกฤษ แต่จริง ๆ แล้ว เครื่องหมายบวกสีแดงบนพื้นขาวนั้น มันคือ ธงประจำเมือง Milan ซึ่ง Ramono ได้นำมันเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งใน Logo เพื่อให้รู้ว่า Alfa Romeo มีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองแห่งนี้

นอกจากนี้ แถบสีขาวแดงยังสอดคล้องกับรูปของไม้กางเขน ที่เป็นตัวแทนของชาวคริสยุคกลาง และทหารของ Milan ที่เข้าร่วมการรบในสงคราม Crusades ซึ่งพวกเขาใส่ชุดเกราะสีขาว-แดงในสนามรบอันดุเดือด  ทหารของ Milan กลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในฐานะของผู้นำกองทัพไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเป็นผู้สร้างกำแพงขึ้นครั้งแรกที่ Jerusalem ในช่วงสงคราม Crusade อีกด้วย หากถ้าใครสังเกตตราสโมสรฟุตบอล AC Milan ก็จะเห็นธงของเมือง Milan อยู่ในตราสัญลักษณ์ด้วยเช่นกัน

The Right Half of the Alfa Romeo Logo.

ในด้านขวาของตราสัญลักษณ์ บางคนก็ว่ามันเป็น พญานาค บ้างก็ว่ามันเป็นมังกร ที่กำลังกลืนกินผู้ชายที่มีผิวกายสีแดง จริง ๆ แล้ว มันเป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล Visconti ตระกูลผู้มีอิทธิพลที่สุดใน Milan ช่วงศตวรรษที่ 11 โดยมันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Biscione และถูกใช้ครอบคลุมไปทั่วเมือง Milan จากความที่เป็นตระกูลที่มีอำนาจแผ่ขยายไปทั่วเมือง มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมือง Milan ไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ ที่ด้านบนจะเห็นว่ามีมงกุฏอยู่ด้วย ซึ่งเดิมทีตราสัญลักษณ์ของตระกูล Visconti รวมไปถึงตระกูลอื่น ๆ ไม่สามารถใส่รูปมงกุฏลงไปในตราสัญลักษณ์ได้ เพราะมีความหมายสูงส่ง แต่เมื่อคนในตระกูล Viscontis ได้กลายเป็น Dukes ในศตวรรษที่ 15 มันจึงต้องมีตรามงกุฏประดับไว้ประดับบารมี

ส่วนที่มาของตระกูล Visconti นี้ เกิดขึ้นจาก Archbishop Ottone Visconti ได้นำทัพเข้าทำสงคราม Crusades กับเหล่า Syrians และ Muslims และใช้มันเป็นตราที่อยู่บนโล่ และที่บริเวณหน้าอกตรงกลางชุดเกราะของอัศวิน งู นั้นเป็นตัวแทนของการปกครอง และอำนาจ มันถูกออกแบบมาเพื่อดูน่าเกรงขาม

ส่วนคนที่อยู่บริเวณปากนั้น จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่การกลืนกิน แต่มันเป็นการให้กำเนิดมนุษย์ออกมา และถูกตีความเอาไว้ว่า “เป็นคนที่กำเนิดใหม่อย่างบริสุทธิ์ และสดชื่น” เช่นเดียวกับงูที่ทำการลอกคราบ

Alfa Romeo จึงนำเอางูตัวนี้มาเพื่อสื่อถึง ความยืนยาว เหมือนกับงูที่ลอกคราบทุกครั้งก็เหมือนกลับมามีชีวิตใหม่ที่ดีกว่า ดูอายุยืนยาวไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งยังเป็นที่มาขอฉายา “งูใหญ่” ของทีมฟุตบอลอย่าง Inter Milan ด้วย

5 Things You Didn’t Know About Alfa Romeo.

Alfa Romeo นั้น หาได้น้อยในบ้านเรา จึงไม่แปลกใจที่จะมีหลายคนอาจจะไม่เคยรู้เรื่องที่น่าทึ่งต่อไปนี้ บางคนอาจจะเคยได้ยินคนพูดกันว่า หาที่ซ่อมยาก ศูนย์บริการก็น้อย รถไม่ดี รถไม่แรง รถไม่ทน อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่กับเรื่องที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับ Alfa Romeo ต่อไปนี้

1# อย่างที่เราบอกกันไปในตอนแรก หลายคนอาจจะคิดว่า Alfa Romeo นั้น เป็นรถที่ผู้ผลิตเป็นชาว Italy ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะ Alexandre Darracq  ซึ่งถือว่าเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งคนแรกนั้น เป็นชาว France

2# หากใครเป็นแฟนตัวยงของ Alfa Romeo จะสังเกตเห็นได้บ่อย ๆ ว่า รถแข่งในสนามของทีม Alfa Romeo ทุกคันจะต้องมีอยู่จุดหนึ่งบนตัวรถที่มีรูปใบไม้ 4 แฉก หรือที่เรียกกันว่า 4 Leaf Cover ติดอยู่ โดยใบไม้ 4 แฉกนี้ เป็นตัวแทนของความโชคดีตามความเชื่อของชาวยุโรป ตำนานของใบไม้ 4 แฉกนี้ เริ่มต้นขึ้นในปี 1923 เมื่อ Ugo Gobbato ได้รับชัยชนะการแข่งรถยนต์ด้วยรถ Alfa Romeo RL ที่มีรูปของใบไม้ 4 แฉกติดอยู่ ถือเป็นการได้ชัยชนะครั้งแรกของแบรนด์รถยนต์อย่าง Alfa Romeo ด้วย

แต่ในปีถัดมา Alfa Romeo กับต้องเจอกับการสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ Sivocci นักแข่งของค่าย Alfa Romeo ประสบอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขันหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต และพวกเขาเชื่อว่า เนื่องจากรถคันดังกล่าวไม่มีรูปของใบไม้ 4 แฉกติดอยู่ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่ารถคันไหนก็ตามที่มีสมรรถนะสูง มันจะถูกติดรูปใบไม้ 4 แฉกเพื่อนำพาความโชคดีมาเอาไว้ด้วยเสมอ

3# เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าไม่มี Alfa Romeo ก็ไม่มี Ferrari อย่างที่หลาย ๆ คน คลั่งไคล้ในทุกวันนี้ ครั้งหนึ่ง Enzo Ferrai ได้เข้ามาเป็นนักขับให้กับ Alfa Romeo และประสบความสำเร็จร่วมกันจากความสามารถของตัวนักแข่งเอง กับรถที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในขณะนั้น จนกระทั่งเขาได้คิดที่จะก่อตั้งบริษัทผลิตรถของตัวเองขึ้นมา อีกทั้งยังพาทีมหน้าใหม่ที่ชื่อ Ferrari เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของ ทีม Alfa Romeo ในปี 1929 แต่สุดท้าย เรื่องของธุรกิจ กับเงินทองก็ไม่อาจจะทำให้ความสัมพันธ์คงอยู่ได้ เมื่อ Ferrari ตัดสินใจ ตั้งตนเป็นใหญ่ไม่ยอมอยู่ใต้บารมีของ Alfa Romeo อีกต่อไปในปี 1939

4# ใครบอกว่ารถไม่อึดไม่ทนไม่แรง คุณรู้หรือไม่ว่า Alfa Romeo นั้น ถือเป็นรถแข่งชั้นยอดระดับโลกเลยก็ว่าได้  Alfa Romeo มีสถิติชนะการแข่งขัน Leman มากมายเท่ากับค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Ford และเคนชนะ  4 ปี ติด ๆ กัน แบบไม่แบ่งแชมป์ให้ใครมาแล้ว ชัยชนะทั้งหมดที่ Alfa Romeo ได้มานั้นมากกว่า BMW, McLaren รวมไปถึง Mazda และถ้าเทียบกับ Bugatti นี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะ Alfa Romeo เคยคว้าแชมป์ในสนามมามากกว่า Bugatti เคยทำได้ถึง 2 เท่าตัว

5# Alfa Romeo ที่ว่ากันว่า ปัญหาเยอะอย่างงั้นอย่างงี้ แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นผู้นำเรื่องระบบวาล์วแปรผันรุ่นริเริ่มเลยก็ว่าได้ โดยครั้งแรกที่ทาง Alfa Romeo นำเอาระบบจ่ายนำมันด้วยหัวฉีดของค่าย Bosch เข้ามาใช้ โดยที่เครื่องยนต์ขนาด 2,000 cc Twin-Cam ได้ถูกออกแบบให้มีระบบวาล์วแปรผัน ซึ่งหลาย ๆ ค่ายก็ยังคงใช้ระบบนี้อยู่ในทุกวันนี้ เพียงแต่ว่าในรถ Alfa Romeo สมัยนั้น ต้องมีสวิทช์ทที่ใช้ควบคุมการเปิด-ปิดการทำงานของวาล์วมาเพื่อใช้ควบคุมมันด้วย

เชื่อว่า เรื่องราวของรถยนต์ที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดัง แต่คนไทยเราอาจจะไม่ค่อยให้ราคา หรือมองว่ามันมีดีเท่าไหร่อย่าง Alfa Romeo ที่เราได้นำมาให้ชาว UNLOCKMEN  ได้อ่านกันในวันนี้นั้น คงพอจะทำให้ทุกคนได้รู้จักกับแบรนด์รถแบรนด์นี้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน บางคนอาจจะเคยเห็น Alfa Romeo 156 ตอนที่ยังเป็นเด็ก แล้วรู้สึกว่าทำไมรถคันนี้ถึงดูสวยล้ำกว่าคันอื่น ๆ แต่พอโตมากลับจำไม่ได้ว่า มันคือรถจากค่ายไหน รุ่นไหน

บทความในวันนี้อาจจะทำให้ใครบางคนกลับไปมองหาแบรนด์รถที่หายไปจากบ้านเราอย่าง Alfa Romeo บ้างอย่างแน่นอน วันนี้เราขอจบเรื่องราวทั้งหมด ไปพร้อมกับว่าที่ตัวแรงจาก Alfa Romeo ที่ว่ากันว่า เกิดมาเพื่อฆ่า Mecedes AMG C63 พร้อมกับเขย่าบัลลังก์ของ BMW M3 ให้สะเทือนในคราวเดียวอย่าง 2018 Alfa Romeo Giulia Quadrifoglio กันซะหน่อยดีกว่าว่า หน้าตาของมันจะถูกใจใครบ้าง?

SOURCE1, SOURCE2, SOURCE3

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line