Entertainment

History of Music Videos เจาะลึกกว่าจะมาเป็นวิดีโอประกอบเพลงอย่างเช่นทุกวันนี้

By: Thada September 26, 2016

หากจะบอกว่ายุคนี้เป็นยุคทองของมิวสิควิดีโอก็คงไม่เกินความจริง เพราะเด็กสมัยไม่นี้ต้องคอยรอฟังเพลงโปรดจากช่อง MTV อีกต่อไป โดยเราสามารถเปิดคอม เข้า YouTube ก็มีเพลงนับล้านให้เราได้ฟังพร้อมดู MV เจ๋งๆ ไปพร้อมกัน ต้องยอมรับว่า MV เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ช่วยให้เพลงบางเพลงทีไม่ได้มีเนื้อหา และทำนองที่ติดหูมากมาย พอมาบวกกับมิวสิควิดีโอทำให้เพลงนั้นสามารถทวีความฮิตเข้าไปได้ ดังนั้นวันนี้ UNLOCKMEN จะขอเอาประวัติของ Music Video ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาแชร์กัน

หากพูดถึงการทำมิวสิควิดีโอครั้งแรกต้องย้อนกลับไปยังปี 1926 เลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการตัดเอา Animation หรือหนังสั้นการ์ตูนลงไปควบคู่กับเพลงเรียกว่า Screen Song เพื่อดึงดูดความสนใจให้กับผู้ชมให้ร้องตามในเพลงนั้นๆ ก่อนจะมีศิลปินบลูส์ที่ชื่อว่า Bessie Smith มีการนำเอาหนังสั้นชื่อว่า St. Louis Blues มาประกอบกับเพลงของเขา ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักดนตรีในยุคนั้นอย่างมากที่มีการนำหนังสั้นมาทำประกอบเพลง

ก่อนในยุคต่อมาจะเริ่มมีการทำ Promotional Clip หรือการอัดภาพ และเสียงขณะเล่นคอนเสิร์ต , ออกรายการ เพื่อนำมาใช้โปรโมตเพลงนั้นๆ โดยเริ่มที่กลุ่มดนตรีในประเทศฝรั่งเศสเป็นกลุ่มแรกๆ ก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่นๆ แต่ Promotional  Clip ที่มีส่วนสำคัญกับวงการเพลงอย่างมาก คือเพลง Bohemian Rhapsody  ของวง Queen ในปี 1975

ก่อนที่ในปีเดียวกันวง The Beatles จะเริ่มทำหนังยาวเพื่อประกอบอัลบั้มโดยใช้ชื่อเดียวกันว่า A Hard Day’s Night ซึ่งเป็นภาพขาวดำทั้งเรื่อง บทในหนังเรื่อง A Hard Day’s Night จะเป็นเรื่องราววง The Beatles ที่เดินไปตามที่ต่างๆ มีบทตลก ขบขัน คั่นระหว่างเพลงเล็กน้อย โดยในเวลาต่อมามีการนิยามการทำหนังประกอบอัลบั้มแบบนี้ว่าเป็น Mock Documentary

แต่ยุคทองจริงของมันเกิดขึ้นหลังจากนั้น 7 ปี เมื่อ MTV เริ่มต้นบริษัทโดยมีความตั้งใจที่ตั้งสถานีสำหรับเผยแพร่เพลงตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ซึ่งออกอากาศวันแรกเวลา 12.01 น. ในวันที่ 1 ตุลาคม 1981 เพลงแรกที่เปิดคือเพลงจากวง The Buggles ในเพลง Video killed the radio star ก่อนธุรกิจวงการเพลงจะเริ่มตื่นตัว และมีการลงทุนมาขึ้น โดยเริ่มจากวิดีโอป๊อปอย่าง Madonna และ  Michael Jackson เริ่มใช้การถ่าย landscape เข้ามาในการถ่ายทำ MV อย่างเช่นในเพลง Thriller

เพลง Thriller ถือเป็นต้นแบบชั้นเยี่ยมของวงการ Music Video ในยุคใหม่ เพราะสิ่งที่เราเห็นใน MV ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเส้นเรื่องขึ้นมาใหม่ให้เป็นของเพลงนั้นโดยเฉพาะ การลงทุนมหาศาลเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี มีการจ้างผู้กำกับอย่างจริงจัง ทำให้เหมือนเป็นนิมิตใหม่ของวงการอุตสาหกรรมดนตรี

MTV ได้รับสิทธิ์เป็นที่แรกในการเปิดตัวมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ พร้อมเสนอข้อเสนอให้กับ Micheal Jackson ว่าเขาจะฉายเพลงนี้ 3-5 ครั้งต่อวัน ซึ่งนอกจากจะทำให้คนหันมาสนใจ MTV กันมาขึ้นแล้ว เพลงของ MJ ก็ได้รับความนิยมในวงกว้างเช่นกัน ทำให้ MTV กลายเป็นหนึ่งใน Pop Culture ของวัยรุ่นในยุค 80s วงอย่าง Duran Duran , Adam and the Ants , David Bowie การกระทำของพวกเขาใน MV ล้วนเป็นหัวข้อสนทนา ทำให้ Music Video เป็นของคู่กันที่ขาดไม่ได้กับวงการเพลงอีกต่อไป

ในปีถัดมา MTV ได้จัดตั้งเวทีประกาศผลรางวัล MTV Video Music Awards หรือที่เรารู้จักกันในนาม VMA’s เพื่อมอบรางวัลให้กับศิลปินที่มี Music Video อย่างเยี่ยมประจำปี ยิ่งทำให้เหล่าศิลปิน และค่ายเพลงที่ต้องเฟ้นหาผู้กำกับเก่ง เพื่อมาทำ MV ให้สะดุดตาคนดู การแข่งขันในตลาดวงการมิวสิควิดีโอ ทวีความร้อนแรงมากขึ้นไปอีก

160926-mv-1

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1985 ที่ Dire Strats ได้มีการนำ Computer Animation มาใส่ในเพลง Money for Nothing เป็นครั้งแรก แม้ว่ามันจะดูแปลกๆ ในยุคนั้น แต่ก็เป็นมิติใหม่สำหรับคนดู  ที่ทำให้เกิดการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ ในปัจจุบัน หรือจะเป็นเพลงของ Peter Gabriel ที่ใช้ตัวเขาเองบวกกับ Special effect ในการทำ MV ออกมา ซึ่งมีกระแสตอบรับดีมาก ได้รับรางวัลถึง 9 รางวัลจาก Vma’s 1987

หลังจากนั้นวงการมิวสิควิดีโอดำเนินต่อมาเรื่อยๆ MTV ได้รับความนิยมเหมือนลมหายใจเข้าออกของวัยรุ่น แต่แล้วก็มีกระแสวิพากษ์วิจารย์ MTV ที่พวกเขาเริ่มนำโฆษณาเข้ามาแทรกระหว่างรายการทำให้คนดูได้รับอรรถรสในการรับชมลดลง เพราะต้องเข้าใจว่าในเวลานั้น MTV คือสื่อหลักที่เผยแพร่ MV อันดับหนึ่งของโลก

แต่แล้วในปี 1997 ปีศาจแห่งวงการเพลงได้เกิดขึ้นที่ส่งผลให้ทั้งระบบอุตสาหกรรมดนตรีเสียหายนั้นคือ Napster เว็ปที่สามารถแชร์ไฟล์ ข้อมูลแบบ peer-to-peer แม้ว่าจะ music video จะยังไม่ได้รับผลกระทบแบบโดยตรง แต่คนก็ไม่จำเป็นต้องง้อ MTV ในการรับชมอีกต่อไป จุดพีคที่เป็นเหมือนศักราชใหม่ของวงการวิดีโออย่างแท้จริงเกิดขึ้นเมื่อ Steve Chen, Chad Hurley และ Jawed Karim ได้จัดตั้ง YouTube ขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่เสรีให้ทุกคนได้สามารถแชร์วิดีโอ หรือคลิปส่วนตัว

เทรนด์การชม MV ของคนจึงเปลี่ยนไป มีคนมากมายนำคลิป MV มาแชร์ลงบน YouTube เพื่ออยากจะเก็บไว้ดูซ้ำ ทำให้บรรดาค่ายเพลงต้องมาตามบล็อคไม่หวาดไม่ไหว แต่จากตรงนี้ Google เห็นช่องทางทำเงินจึงได้จับมือค่ายเพลงซื้อลิขสิทธิ์ MV จากทุกค่ายเพลง และมาเผยแพร่ในนาม Vevo ซึ่งต้องขอขอบคุณ YouTube อย่างมากเพราะศิลปินธรรมดาอินดี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องเพิ่งค่ายเพลงอีกต่อไป อย่างเช่นวง OK Go ที่ทำเพลงออกมาเอง และทำ MV ง่ายๆ แต่มีคนดูมากถึงล้านวิว

หากพูดถึง Music Video ในยุคนี้ เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบง่ายๆ คือ Official Music Video , Officail Lo-fi Internet Music Clip หรือการอัดในรูปแบบ live sessions จากทางวงเพื่อมาเผยแพร่ซึ่งมักจะนิยมในกลุ่มนักดนตรีอินดี้ทุนต่ำ และสุดท้ายคือ Lyric Video หรือวิดีโอที่มีตัวหนังสือเนื้อร้องมาเป็น Element หลักของวิดีโอ ซึ่งวงแรกที่เริ่มทำคือวง R.E.M ในเพลง Fall On Me ที่ได้ดึงเอา Abstract Footage มาตัดประกอบพร้อมใส่เนื้อร้องเข้าไป

และนี่ก็เป็นประวัติของ Music Video ที่ UNLOCKMEN รวบรวมมาไว้ให้ ซึ่งด้วยวิวัฒนาการในปัจจุบัน MV ก็มีลูกเล่นพลิกแพลงมากขึ้น อย่างเช่น MV 24 ชั่วโมงของ Pharrell William ที่จะถ่าย Long Take 24 ชั่วโมงเราสามารถเปิดดูทั้งวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนจบ ฉากในเพลงจะเปลี่ยนไปเรื่อยตามเวลาจริง

หรือจะเป็น Virtual Reality Music Video ที่จะให้เราหมุนมุมมองได้ 360 เสมือนเราเห็นภาพเหมือนเราเองเป็นคนในวิดีโอนี้จริงๆ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญที่ขับเคลื่อนวงการเพลง ทำให้เราได้รับอรรถรสในการรับฟังเพลงที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และนับวันก็จะยิ่งทวีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นไปอีก แม้ว่าแฟนเพลงสมัยก่อนมักจะชอบที่นอนฟังเพลงบนแผ่นเสียง แล้วจินตนาการภาพตามเอง แต่สำหรับเด็กในยุคโมเดิร์นแบบนี้ การฟังเพลงพร้อมชม MV คือสุนทรียภาพอย่างหนึ่งของพวกเรา

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line