เมาแค่ไหนคือร่วง? มาเช็คกันว่าคนเราดื่มแอลกอฮอล์มากเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าไปสุดทาง

เชื่อว่าหนุ่ม ๆ คอทองแดงทั้งหลาย ล้วนเคยผ่านการดวลเดือดบนสมรภูมิแอลกอฮอล์มาแล้วมากมายนับครั้งไม่ถ้วน และคงมีจำนวนไม่น้อยที่ได้ประสบพบเจอกับประสบการณ์ภาพตัด ตื่นเช้ามาด้วยอาการ “เอ๊ะ กูกลับบ้านยังไง?” กันมาแล้ว จนกลายเป็นที่มาที่ทำให้เราอยากคลายความสงสัยให้กับชาว UNLOCKMEN ว่าจริง ๆ แล้ว คนหนึ่งคนจะสามารถต่อกรกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากมายขนาดไหน สุดเหวี่ยงได้มากเท่าไหร่ถึงจะไม่ต้องเจอกับอาการภาพตัดหลับพับไปแบบไร้ฟอร์ม

ซึ่งแน่นอนว่าการวัดลิมิตความเมา คงไม่ใช่การไปถามเจ้าตัวว่าเมารึยัง? เป็นแน่แท้ เพราะไม่ว่าจะถามนักดื่มคนไหน หรือแม้แต่ถามตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองเมาแล้วจ้า ดังนั้นการวัดระดับความเมาจึงต้องอ้างอิงจากปริมาณความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดหรือ BAC (Blood Alcohol Concentration)  ซึ่งสามารถวัดได้จากเครื่องเป่าที่เจอตามด่านตรวจ แต่ทีมดื่มไม่ขับ เมาแบบรับผิดชอบอย่างเรา ๆ คงไม่มีโอกาสโดนจับเป่าคาด่าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถโหลดแอพฯ ในมือถือมาคำนวณปริมาณ BAC ได้เช่นกัน

โดยวิธีการทำงานของแอพฯ จำพวก BAC Calculator จะคำนวณจากตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่า BAC ของแต่ละคนไม่เท่ากัน แม้จะมีการดื่มในจำนวนที่เท่า ๆ กันก็ตาม ซึ่งตัวแปรหลัก ๆ ก็จะมีทั้งเพศ, อายุ, น้ำหนัก, ระยะเวลาในการดื่ม, ความถี่ในการดื่มต่อชั่วโมง, ชนิดและปริมาณ ABV (Alcohol by Volume) ของเครื่องดื่ม หน้าที่ของพวกเราก็เพียงแค่ป้อนค่าต่าง ๆ ลงไปในแอพฯ ด้วยความซื่อสัตย์  เท่านี้แอพฯ ก็จะประมวลผลข้อมูลออกมาเป็นตัวเลขค่า BAC สำหรับวัดเกรดความเมา

และเพื่อให้ชาว UNLOCKMEN เห็นภาพชัดขึ้น เราขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพด้วยการเปรียบเทียบค่า BAC ระดับต่าง ๆ กับจํานวนแก้วของการดื่มเบียร์ 340 ml (ABV 5%) ภายในเวลา 2 ชั่วโมง โดยผู้ชายน้ําหนัก 85 กิโลกรัม มาดูกันเลยว่าจะสามารถทําให้เราเมาในเลเวลไหนกันบ้าง เริ่มจาก

• 0.02 BAC – สำหรับระดับนี้ ร่างกายนั้นแทบไม่ต่างจากสภาพปกติก่อนดื่ม
• 0.04 BAC – เริ่มชิลล์ เริ่มสนุก รู้สึกผ่อนคลาย ใครที่ขี้อายก็เริ่มจะกล้าพูดคุยมากขึ้นในเลเวลนี้
• 0.05 BAC – สนุกขึ้นไปอีกระดับ พูดเยอะ เสียงดัง พร้อมกับประสิทธิภาพในการตัดสินใจที่เริ่มถดถอย เป็นเหตุผลที่ว่าใครดื่มแล้วซ่าไปขับรถ หากเจอด่านโดนเป่าแล้วพบค่า BAC 0.05 หรือ 50 mg% ขึ้นไป จะถือว่าเมาแล้วขับ เตรียมเข้าซังเต จ่ายค่าปรับ บำเพ็ญประโยชน์กันไปยาว ๆ
• 0.06 – 0.10 BAC –  ความเมาที่แท้ทรูเริ่มมาเยือน การใช้สติ การใช้เหตุผลเริ่มลดลง
• 0.11 – 0.20 BAC – อารมณ์เริ่มสับสน บ้างก็ร่าเริงสุดขั้ว บ้างก็ซึมเศร้า การตอบสนองช้าลงเรื่อย ๆ เริ่มมึนงงด้วยฤทธิ์ความเบลอที่เข้าครอบงำ ของเก่าที่กินเข้าไปมีโอกาสไหลย้อนออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หากมาถึงเลเวลนี้ แต่ยังคงดื่มไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด ลากตัวเองไปจนถึงระดับ 0.30 – 0.39 BAC เมื่อนั้นร่างกายของเราจะสร้างกลไกป้องกันตัวเอง สั่งชัตดาวน์จนเกิดอาการภาพตัดหลับพับไปในทันที

หรือจะสรุปให้นึกภาพตามง่าย ๆ ก็คือ ร่างกายคนเราสามารถรับของมึนเมาเข้าไปได้มากสุดที่ประมาณ 0.30 – 0.39 BAC หรือนับเป็นการซดเบียร์ 340 ml (ABV 5%) จำนวน 23 แก้ว ภายในเวลา 2 ชั่วโมง (ทดลองคำนวณจากผู้ชายน้ำหนัก 85 กิโลกรัม) ก่อนที่จะเมาจนภาพตัดวาร์ปไปเจอกันอีกทีสาย ๆ ของอีกวัน

แต่ในความเป็นจริง เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN สายบู๊ส่วนใหญ่ คงจะไม่ต้องกังวลเรื่องลิมิตการดื่มจนภาพตัดสักเท่าไหร่ เพราะถ้าจะดื่มโหด ซดหนักกันขนาดนี้ สิ่งที่น่ากังวลจริง ๆ น่าจะเป็นค่าเครื่องดื่มที่เช็คบิลมาอาจพาให้กระเป๋าแหก ตาสว่างหายเมากันได้ง่าย ๆ แต่ถึงจะมั่นใจในสกิลการดื่มของตัวเองแค่ไหน ยังไงก็ควรเช็คมิมิตตัวเองให้ดี ๆ ไม่ต้องดื่มเน้นเมาเอาโล่ แต่อยากให้ลองหันมาดื่มแบบพอประมาณ เพื่อเข้าสังคมคุยธุรกิจ หรือดื่มชิลล์ ๆ เพื่อสังสรรค์ผ่อนคลายกับเพื่อนฝูง คงจะดีกว่าดื่มอย่างประมาทจัดหนักแบบไม่ฟังสังขาร จนสุดท้ายต้องชะตาขาดปิดตำนานนักดื่มคอทองแดงไปก่อนวัยอันควร ที่สำคัญคือดื่มแล้วอย่าฝืน ท่องไว้ว่าเมาไม่ขับกลับบ้านเช้า… เอ้ย !! เมาไม่ขับกลับแท็กซี่ จะเป็นการดีทั้งต่อตัวเอง และเพื่อนร่วมท้องถนนเป็นที่สุด

สำหรับใครที่อยากเช็คค่า BAC ของตัวเองแบบคร่าว ๆ ระหว่างดื่ม ลองไปโหลดแอพฯ คำนวณค่า BAC มาติดมือถือไว้ ได้ที่

– ANDROID

– iOS