เชื่อว่าหนุ่ม ๆ คอทองแดงทั้งหลาย ล้วนเคยผ่านการดวลเดือดบนสมรภูมิแอลกอฮอล์มาแล้วมากมายนับครั้งไม่ถ้วน และคงมีจำนวนไม่น้อยที่ได้ประสบพบเจอกับประสบการณ์ภาพตัด ตื่นเช้ามาด้วยอาการ “เอ๊ะ กูกลับบ้านยังไง?” กันมาแล้ว จนกลายเป็นที่มาที่ทำให้เราอยากคลายความสงสัยให้กับชาว UNLOCKMEN ว่าจริง ๆ แล้ว คนหนึ่งคนจะสามารถต่อกรกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากมายขนาดไหน สุดเหวี่ยงได้มากเท่าไหร่ถึงจะไม่ต้องเจอกับอาการภาพตัดหลับพับไปแบบไร้ฟอร์ม ซึ่งแน่นอนว่าการวัดลิมิตความเมา คงไม่ใช่การไปถามเจ้าตัวว่าเมารึยัง? เป็นแน่แท้ เพราะไม่ว่าจะถามนักดื่มคนไหน หรือแม้แต่ถามตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครยอมรับหรอกว่าตัวเองเมาแล้วจ้า ดังนั้นการวัดระดับความเมาจึงต้องอ้างอิงจากปริมาณความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดหรือ BAC (Blood Alcohol Concentration) ซึ่งสามารถวัดได้จากเครื่องเป่าที่เจอตามด่านตรวจ แต่ทีมดื่มไม่ขับ เมาแบบรับผิดชอบอย่างเรา ๆ คงไม่มีโอกาสโดนจับเป่าคาด่าน แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถโหลดแอพฯ ในมือถือมาคำนวณปริมาณ BAC ได้เช่นกัน โดยวิธีการทำงานของแอพฯ จำพวก BAC Calculator จะคำนวณจากตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่า BAC ของแต่ละคนไม่เท่ากัน แม้จะมีการดื่มในจำนวนที่เท่า ๆ กันก็ตาม ซึ่งตัวแปรหลัก ๆ ก็จะมีทั้งเพศ, อายุ, น้ำหนัก, ระยะเวลาในการดื่ม, ความถี่ในการดื่มต่อชั่วโมง,
หลังจากที่เมื่อคืนปาร์ตี้อย่างหนักหน่วงจนไม่รู้ว่าภาพตัดไปตอนไหน เมื่อคุณฟื้นขึ้นมาบนเตียง หลังจากตั้งสติได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สิ่งที่ตามมาแน่นอนคืออาการเมาค้างปวดหัว หรือที่ภาษานักดื่มเรียกว่า ‘แฮ้ง’ ส่วนจะปวดมากปวดน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่กระดกเข้าไปเมื่อคืน อาการแฮ้งคือปัญหาที่อยู่คู่กับบรรดานักดื่มมาอย่างยาวนาน เป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่มีใครตอบได้จริง ๆ ว่าบรรเทาด้วยวิธีไหนได้ผลที่สุด แต่ละคนก็มีวิธีแก้แฮ้งแตกต่างกันไปตามที่เรียนรู้จากประสบการณ์ -ทันทีที่ตื่นให้กระดกเพิ่มอีก 1 ช็อตหรือดื่มเบียร์ 1 ขวด เพื่อถอน -ดื่มน้ำหวานต่าง ๆ โดยเฉพาะน้ำอัดลม -ทานข้าวต้มหรือซุปร้อน ๆ -อาบน้ำอุ่น เหล่านี้คือวิธีแก้แฮ้งที่เราได้ยินกันมานาน และเชื่อว่าหลายคนคงเคยลองทำตาม แต่วันนี้เรามีวิธีที่แปลกใหม่มานำเสนอ เป็นคำแนะนำจากปากมืออาชีพที่ถูกรายล้อมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดเวลาอย่าง ‘บาร์เทนเดอร์’ นั่นเอง โดยข้อมูลทั้งหมดเรารวบรวมมาจาก Rooster Magazine ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้น ต้องลองดู “ก่อนนอนผมพยายามดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การขาดน้ำเป็นสิ่งอันตราย และเมื่อผมตื่นขึ้นมา อาหารเช้าจะเป็นกาแฟดำและขนมปังอะโวคาโด เท่านี้ผมก็สามารถเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว แต่ถ้าผมไม่ทำเช่นนี้ล่ะก็ ตลอดทั้งวันผมจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย -Shawn Campbell, Bartender “แน่นอนว่าต้องพยายามดื่มน้ำให้มากที่สุด และบังคับตัวเองให้ออกกำลังกาย ผมชอบที่จะฝึกมวย, โยคะร้อนหรือบางครั้งก็วิ่ง เมื่อเหงื่อออกสารเอนโดรฟินก็จะหลั่ง และมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น” -Jim Kenyon, Bartender “Latkes (แพนเค้กมันฝรั่งแบบปราศจากกลูเตน ไข่และมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ)” -Alex Jump, Bartender/Bar Manager “วิธีที่ผมชอบคือดื่มน้ำหนึ่งขวดก่อนนอนตามด้วยยาแอสไพรินสองเม็ดและเมื่อตื่นมาผมมักจะดื่มเบียร์เป็นอย่างแรก
ก่อนอื่นเลยเราขอเล่าก่อนว่าคอนเทนต์นี้เกิดจากการสงสัยใคร่รู้ของเราเอง ทุกครั้งที่เราออกไปท่องราตรีไม่ว่าก่อนหน้านั้นเราจะสวาปามอาหารไปอิ่มขนาดไหน แต่เมื่อไฟสว่างขึ้น สัญญาณบอกว่าร้านปิดแล้ว เรากับกลุ่มเพื่อนก็มักจะเดินออกมาในสภาพหิวโซทุกครั้งไป และจากนั้นไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวไก่ทอด หมูปิ้ง ไส้กรอก บาร์บีคิว เราก็ซัดซะเรียบ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทานมื้อที่แล้วไปเมื่อไม่ถึง 4 ชั่วโมงที่แล้วด้วยซ้ำ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? แอลกอฮอล์ส่งผลต่อความหิวของเรางั้นเหรอ? ด้วยความอยากรู้คำตอบของคำถามเหล่านี้ จึงเกิดเป็นคอนเทนต์นี้ขึ้นมา นิตยสาร Nature ได้นำผลวิจัยเรื่องเซลล์สมองส่วนส่งเสริมความหิวจะทำงานเมื่อถูกกระตุ้นจากแอลกอฮอล์ โดยการวิจัยดังกล่าวทำการทดลองกับหนู โดยการทดลองนี้เปรียบเทียบพฤติกรรมการกินอาหารของหนูหลังจากรับแอลกอฮอลล์เข้าสู่ร่างกายกับในสภาวะปกติ และผลลัพธ์ก็ออกมาว่าหนูกินอาหารในปริมาณที่มากขึ้นและรวดเร็วขึ้นหลังจากที่มันได้รับแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย ปฏิกริยานี้เกิดจากแอลกอฮอล์ไปกระตุ้นเซลล์สมองส่วน Agrp Neurons ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความอยากอาหาร นอกจากนั้นในการทดลองนี้ ทดลองทั้งกับหนูเพศผู้และเพศเมีย ผลปรากฎว่าทั้งคู่ได้รับการกระตุ้นเหมือนกัน มีพฤติกรรมการกินอาหารหลังจากนั้นคล้ายคลึงกัน จึงอาจสรุปได้ว่าปฏิกริยาการกระตุ้นนี้ไม่เกี่ยวกับเพศแต่อย่างใด การการะตุ้นดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นในหนูหรือมนุษย์ ส่งผลสู่การกินอาหารที่มากเกินพอดี ไม่สัมพันธ์กับปริมาณอาหารและพลังงานที่ร่างกายต้องการจริง ๆ ดังนั้นถ้านำปริมาณอาหารขนาดนี้ไปให้คนหรือสัตว์ตัวนั้นในตอนที่ไม่โดนกระตุ้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะทานได้หมด ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการหิวโซตอนเมาไม่ใช่อุปทานหมู่แต่อย่างใด แต่มันคือปฏิกริยาทางร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเนื่องจากสมองโดนกระตุ้นโดยแอลกอฮอล์นั่นเอง เห็นมั้ยว่าการดื่มแอลกอฮอล์นอกจากจะทำให้เราขาดสติ สุขภาพย่ำแย่ เป็นสาเหตุของโรคร้ายมากมายแล้ว ยังทำให้เรากินจุจนอ้วนขึ้นอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย ดังนั้นดื่มแค่พอเหมาะและหันมาสนใจสุขภาพกันดีกว่า เหมือนวลีติดปากที่เรามักได้ยินในวงเหล้าบ่อย ๆ ว่า ‘กินเหล้า อย่าให้เหล้ากินเรา’ SOURCE1
บางครั้งวงเหล้าในหมู่เพื่อนที่กินกันจนเมาแบบกรึ่ม ๆ มักจะมีเพื่อนสักคนที่พูดภาษาอังกฤษขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้ง ๆ ที่ในวงเหล้าวงนั้นก็ไม่ได้มีชาวต่างชาติ บทสนทนาก็ยังไม่มีตรงไหนที่บอกว่าให้พูดจาด้วยภาษาอื่น แถมพูดคล่องจนคนในวงตกใจว่าแอบไปฝึกภาษามาจากไหน ยิ่งถ้าเคยกินหลาย ๆ วงก็บอกได้เลยว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ต้องมีคนเมาแล้วพูดภาษาอังกฤษขึ้นมาประจำ ตกลงเมาแล้วพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นจริงไหม UNLOCKMEN เอางานวิจัยมาฝากกัน งานวิจัยชิ้นหนึ่งบอกเราว่าเบียร์สักไพน์ หรือไวน์สักแก้วสามารถช่วยให้เราพูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาแม่ได้ดีขึ้นจริง โดยภายใต้เงื่อนไขว่าต้องได้รับในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะแอลกอฮอล์มีส่วนลดการยับยั้งชั่งใจของเรา ซึ่งส่งผลให้เวลาเราพูดภาษาต่างชาติออกไปเราไม่มีความกังวล ความกลัวว่าจะพูดผิด ไม่มีความลังเลใจที่จะพูดออกไป แต่ในทางกลับกันเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ก็มีผลต่อการทำงานด้านความรู้ความเข้าใจของสมอง แถมส่งผลเสียต่อความจำ และอาจนำไปสู่ความมั่นใจที่สูงเกินไป รวมถึงการประเมิณตัวเองสูงเกินจริง เราเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าตกลงแล้วแอลกอฮอล์ทำให้เราพูดภาษาอื่นได้ดีขึ้น หรือจริง ๆ เราก็แค่กล้ามากขึ้นกว่าเดิม? งานวิจัยที่ชื่อ Dutch courage? Effects of acute alcohol consumption on self-rating and observer ratings of foreign language skills ที่ได้รับการตีพิมพ์ลง Journal of Psychopharmacology ทำการทดลองโดยการใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชาวเยอรมันจำนวน 50 คนโดยทุกคนเรียนอยู่ที่ Maastricht
กินเหล้าเมายาเหมือนว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ชายอย่างเรา ๆ ไปแล้ว เพราะการกินเหล้านอกจากจะเป็นความสนุกสุขใจส่วนตัวแล้ว เรายังได้สังสรรค์สานความสัมพันธ์และมิตรภาพอีกด้วย แต่ความสุขและความสัมพันธ์อาจมาจากบรรยากาศในวงเหล้า โดยเราไม่จำเป็นต้องเมาหัวราน้ำก็ได้ นี่จึงเป็น 7 วิธีที่จะทำให้คุณนั่งอยู่ในวงเหล้าได้ทั้งคืนแต่ไม่ต้องเมาอ้วกแตกให้เสียสุขภาพ อย่าปล่อยให้ท้องว่าง ขั้นแรกเลยคืออย่าปล่อยให้ท้องว่าง ไม่ว่าจะรีบบึ่งไปหาเพื่อนเพื่อก๊งเหล้ามากแค่ไหน ก็หาอะไรรองท้องอย่าปล่อยให้ตัวเองไม่ได้กินอะไรไปเลย ถ้าไม่มีเวลากินอาหารมื้อใหญ่ก็ควรกินอะไรรองท้องไปหน่อย เพื่อสุขภาพยืนยาวจะได้อยู่กินเหล้าไปนาน ๆ กินช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม จะกินเร็วไปทำไม ในเมื่อเราไม่ได้มาเพื่อกรอกเหล้าเข้าปากให้จบ ๆ ไปแล้วกลับบ้านนอน เรามาเพื่อสังสรรค์ เอาบรรยากาศ และดื่มด่ำความสุขที่ได้รับจากการดื่มกิน ดังนั้นไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ ละเลียดรสชาติของน้ำสีอำพันไป นอกจากได้ดื่มด่ำแล้ว ยังทำให้เมาช้าลงอีกด้วย ดื่มน้ำเยอะ ๆ การดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์นั้นทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างที่เราคาดไม่ถึง ทางที่ดีควรดื่มน้ำก่อนกินเหล้า ดื่มน้ำระหว่างกินเหล้า และดื่มน้ำหลังกินเหล้าด้วย แต่ถ้าลืม ทำไม่ได้ กินเหล้าไปก็ดื่มน้ำไปก็สามารถช่วยให้เมาช้าลงได้ กินกับแกล้ม ไม่ว่าจะชอบกินกับแกล้มหรือไม่ชอบกิน แต่ถ้าไม่อยากเมาเร็ว ก็ดื่มไป ตักกับแกล้มกินไป ไม่ให้ท้องว่าง ยิ่งถ้าไม่ได้กินอะไรรองท้องมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะก็ การมีกับแกล้มเป็นของคู่วงเหล้านับเป็นทางออกที่ชาญฉลาดที่สุดอีกทางหนึ่ง อย่าเชื่อฟังคำยุยงหมดแก้ว ๆ เราหมดยุคเด็กมัธยมโชว์เก๋า โชว์กระดกเหล้าหมดแก้วตามคำยุของเพื่อน แต่สุดท้ายก็เมาอ้วกไม่เป็นท่ามาแล้ว
ความเมาเป็นสภาวะคู่กายผู้ชายอย่างเรา บางทีก็เมารู้เรื่อง บางทีก็ไม่รู้เรื่อง แต่เคยสงสัยไหมว่าความเมามีกี่ประเภทกันแน่ แล้วเราเป็นคนเมาประเภทไหน งานวิจัยเรื่อง A five-factor approach to characterizing “types of drunks” มีคำตอบมาให้แล้ว 1.คอทองแดง งานวิจัยเรียกคนเมากลุ่มนี้ว่า Ernest Hemingways นักเขียนชื่อดังที่กินวิสกี้ไปเท่าไหร่ก็ไม่เมา แต่ UNLOCKMEN ขอนิยามคนกลุ่มนี้ว่าพวกคอทองแดง โดยคนกลุ่มนี้มีมากถึง 40% ของการสำรวจ คือไม่ว่าดื่มกินไปเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อาจจะมีสติหรือเมาแต่ไม่มีผลต่อบุคลิกภาพหรือการแสดงออก 2.ช่างพูด คนเมาประเภทที่สองนี้โดยปกติเป็นคนเข้าสังคมอยู่แล้ว ชอบพูดคุย ชอบพบปะผู้คน ยิ่งได้ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์พอกรึ่ม ๆ สนุกสนาน ก็ยิ่งกลายเป็นคนที่น่าเข้าใกล้ ช่างพูดคุยมากขึ้นไปอีก 3.ปลุกด้านใหม่ในตัวคุณ งานวิจัยระบุว่าคนเมาแบบที่สาม คือคนที่ปกติเงียบ ๆ ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ไม่ได้อยากออกมาปาร์ตี้กับคนเยอะ ๆ แต่ถ้าเมาแล้ว แอลกอฮอล์ได้เข้าไปดึงเอาบุคลิกภาพอีกด้านออกมา ก็จะช่างพูดขึ้นมาซะอย่างนั้น (เทียบกับปกติที่ไม่พูดไม่จาเอาเสียเลย) 4.จอมวายร้าย เมาแบบสุดท้าย คือเมาแบบที่ใคร ก็ไม่อยากเป็น แต่ก็มีคนเมาแบบนี้อยู่จริง คือเมื่อตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์แล้วจะมีความรับผิดชอบต่อสิ่งต่าง