CARS

สัมผัสความล้ำข้ามเวลา กับ 5 เหตุผลที่ IONIQ 5 จากแบรนด์ HYUNDAI ควรค่าแก่การครอบครอง

By: NTman January 5, 2024

ท่ามกลางการแข่งขันของรถยนต์ EV ที่กำลังร้อนแรง ซึ่งหลายคนต่างโฟกัสไปที่ราคา รวมไปถึงตัวเลขเร้าใจต่าง ๆ จากตารางสเปค แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อยนตรกรรมพลังไฟฟ้ามาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นชื่อชั้นของแบรนด์ ความพร้อมในการให้บริการหลังการขาย รวมไปถึงรางวัลระดับโลกที่สามารถการันตีความมั่นใจได้อีกขั้น

และการมาของ IONIQ 5 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจาก HYUNDAI  ค่ายรถยักษ์ใหญ่แดนโสมที่พกพาเอาชื่อเสียง ความนิยม และรางวัลมากมาย พร้อมลุยตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ น่าจะทำให้หลายคนที่รอคอยการเป็นเจ้าของ mid-size CUV พลังไฟฟ้าคันนี้สมหวังกันถ้วนหน้า

แต่สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าว่าจะควักกระเป๋าออกใบจองทันที หรือจะรอเก็บข้อมูลประกอบการตัดสินใจไปอีกสักพัก วันนี้ UNLOCKMEN จึงขออาสา สรุป 5 เหตุผล ที่ตอกย้ำว่า IONIQ 5 ควรค่าแก่การครอบครองมากขนาดไหน


เริ่มต้นที่เหตุผลแรกกับงานออกแบบอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ IONIQ 5 ภายใต้คอนเซปต์ Retrofuturistic โดย Giorgetto Giugiaro นักออกแบบยานยนต์ชื่อดังชาวอิตาลีที่เคยร่วมงานกับ HYUNDAI ผู้กลับมาปลุกตำนานรถยนต์คลาสสิกอันโด่งดังให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในฐานะยนตรกรรมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต

ด้วยการนำดีไซน์ของรุ่นคลาสสิกอย่าง HYUNDAI PONY ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกของค่ายที่ส่งออกทั่วโลกในปี 1975 มาผสานกับรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ HYUNDAI 45 ที่เผยโฉมออกมาในปี 2019 ทำให้ IONIQ 5 เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว มีรูปทรงที่ดูปราดเปรียว แต่มีเส้นสายสะอาดสบายตา โดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้าทรง Clamshell ที่เปิดยกขึ้นได้แบบไร้รอยต่อกับตัวถัง เช่นเดียวกับมือจับประตูด้านข้างออกแบบมาให้ซ่อนเก็บอย่างมิดชิด และเปิดออกพร้อมใช้งานอัตโนมัติ

เพิ่มเติมด้วยความเฉียบคมจากแนวสันด้านข้าง สื่อถึงความล้ำหน้าแห่งอนาคตของพลังงานไฟฟ้า ผสานดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel LED ให้ความรู้สึกหวนให้นึกถึงยุคแอนะล็อกในอดีต ซึ่งทุกองค์ประกอบเหล่านี้ได้ทำให้ IONIQ 5 คือตัวแทนงานดีไซน์ที่ผสานความล้ำสมัย เข้ากับแบบฉบับคลาสสิกได้อย่างลงตัว เป็นงานออกแบบที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ไม่ว่าจะมุมไหนก็มองได้เรื่อย ๆ ไม่รู้เบื่อ


เจองานออกแบบภายนอกที่สะดุดตาแล้ว มาเจองานดีไซน์พื้นที่ห้องโดยสารภายในของ IONIQ 5 ยิ่งโดนใจ เมื่อเปิดประตูรถเข้ามาจะสัมผัสได้ถึงความพรีเมียมในห้องโดยสารที่สวยงามและใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมความรู้สึกผ่อนคลายจากการออกแบบห้องโดยสารใหม่ภายใต้แนวคิด Living Space เพื่อให้รู้สึกสบายเหมือนอยู่ในบ้าน

เพราะ IONIQ 5  คันนี้มีห้องโดยสารกว้างขวางพื้นเรียบสนิท มีเบาะนั่งแสนสบายพร้อมที่พักขา เวลาที่ขับรถจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสามารถจอดพักปรับเอนหลังนอนผ่อนคลายแบบ Zero Gravity มองวิวท้องฟ้าจากหลังคา Vision Roof ที่มาพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้าได้แบบชิล ๆ นอกจากนี้ที่เราชอบเป็นพิเศษคือที่วางแขนคอนโซลกลางสามารถเลื่อนได้ถึง 140 มม. ช่วยปรับเปลี่ยนพื้นที่ห้องโดยสารให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างลงตัว

และเพื่อตอกย้ำความเป็นยนตรกรรมแห่งอนาคต เรื่องของวัสดุตกแต่งภายใน IONIQ 5 ก็เลือกใช้แต่วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ฝาครอบแตรบริเวณพวงมาลัย, ขอบประตู และสวิตช์ต่าง ๆ ถูกเคลือบด้วยสีชีวภาพที่สกัดจากเมล็ดดอกไม้และข้าวโพด

สำหรับเบาะนั่ง ผ้าบุหลังคา และพรมพื้นรถถูกหุ้มด้วยเส้นใยชีวภาพที่ผลิตจากอ้อยและข้าวโพด ส่วนวัสดุหนังที่ใช้ตกแต่งภายใน เคลือบด้วยน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์แทนสารเคมี แม้กระทั่งตะเข็บด้ายที่ใช้กับเบาะนั่งและที่วางแขนข้างประตู ยังผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนถึงแนวคิดเพื่อความยั่งยืนออกมาได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม

ไม่เพียงแต่พัฒนาขึ้นบนแนวคิดรักษ์โลกเท่านั้น แต่ IONIQ 5 ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อความสะดวกสบายในห้องโดยสารขั้นสุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอระบบสัมผัสสำหรับควบคุมเครื่องเสียงและความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

พร้อมระบบปรับอากาศ Dual Zone Auto และระบบเครื่องเสียงพรีเมียมจาก BOSE™ with External Amplifier ให้เสียงเต็มพลังด้วยลำโพง 8 ตัวรอบทิศทาง (เฉพาะรุ่น) รวมถึงฟีเจอร์การเชื่อมต่อออนไลน์ และการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายผ่าน Bluetooth รวมถึงไปถึง Wireless Phone Charger เติมเต็มให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและสมบูรณ์แบบเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่กันเลยทีเดียว


 

ไม่ใช่แค่เพียงงานดีไซน์ที่โดดเด่น แต่ IONIQ 5 จาก HYUNDAI ยังมาพร้อมสมรรถนะและประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น ผสานความก้าวหน้าทางระบบวิศวกรรมและฟีเจอร์อัจฉริยะ บนพื้นฐาน E-GMP Platform แพลตฟอร์มโมดูลาร์ไฟฟ้าเทคโนโลยีระดับโลก พัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า Next Generation ที่ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้น ประสิทธิภาพในการขับขี่สูงขึ้น สปีดการชาร์จไฟฟ้ารวดเร็วขึ้น

ซึ่ง IONIQ 5 คันนี้ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet ขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ทำความเร็วสูงสุดถึง 185 กม./ชม. เลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ (Eco, Normal, Sport) มีระบบเปลี่ยนเกียร์แบบก้าน Shift-by-Wire และ Regenerative Paddle Shifters สำหรับควบคุมระดับการแปลงพลังงานจากการเบรก เป็นพลังงานไฟฟ้าชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่ได้จากหลังพวงมาลัย พร้อมสองทางเลือกสำหรับลุยตลาดในประเทศไทย

โดยในรุ่น Premium มีความจุแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 58 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ใน 8.5 วินาที และมีระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 384 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

ส่วนในรุ่น Exclusive พร้อมให้สัมผัสอีกขั้นของสมรรรถนะและระยะทางขับขี่ มีความจุแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงเพิ่มเป็น 72.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 7.4 วินาที และมีระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 481 กม. ตามมาตรฐาน WLTP

และไฮไลต์ที่สร้างความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป คือทุกรุ่นติดตั้งระบบชาร์จเร็ว 350 kW Ultra-fast Charging สามารถชาร์จไฟจาก 10 – 80% ได้ภายใน 17 นาที ช่วยลดความกังวลในการชาร์จระหว่างทริปเดินทางไกล พร้อมมอบความสะดวกสบายที่มากกว่า


 

มาถึงอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ IONIQ 5 นั้นแตกต่าง และเหนือชั้นกว่ายนตรกรรมไฟฟ้าทั่วไป นั่นก็คือความอุ่นใจที่ได้จากจากระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะและระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่มีมาตรฐานการทำงานเทียบเท่าแบรนด์รถยุโรป อย่างระบบ HYUNDAI SmartSense

ซึ่ง HYUNDAI SmartSense นั้นมีทั้งระบบรักษาตำแหน่งรถในช่องทาง (Lane Keeping Assist: LKA), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันข้างหน้า พร้อมช่วยเบรกจนถึงจุดหยุดนิ่ง และออกตัวเร่งความเร็วอีกครั้งเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนไหว (Smart Cruise Control with Stop and Go), ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทางแยก (Forward Collision Avoidance Assist Junction Turning: FCA-JT), ระบบควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Collision- Avoidance Assist: BCA)

รวมถึงกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา (Surround View Monitor), ระบบกล้องมองภาพมุมอับสายตา (Blind Spot View Monitor: BVM) และอีกมากกว่า 10 รายการ ซึ่งความเจ๋งก็คือเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงเหล่านี้ ที่ปกติจะพบได้เฉพาะในแบรนด์ชั้นนำจากยุโรปนั้น คือระบบที่ถูกบรรจุเป็นสเปกมาตรฐานให้ผู้ขับขี่ทุกคนได้อุ่นใจใน IONIQ 5 ทุกรุ่น


 

สำหรับเหตุผลสุดท้าย ตอกย้ำความน่าสนใจของ IONIQ 5 คันนี้ คือรางวัลใหญ่ระดับโลกที่การันตีความเหนือชั้นของการออกแบบ สมรรถนะ และระบบความปลอดภัย จาก World Car Awards ปี 2022 ซึ่งตัดสินโดยคะแนนจากนักข่าวสายยานยนต์กว่า 102 คน จาก 33 ประเทศทั่วโลก ที่ยกให้ IONIQ 5 คว้า Tripple Champ หอบรางวัลกลับบ้านด้วยกัน 3 รางวัล ไม่ว่าจะเป็น World Car Of The Year / World Electric Vehicle Of The Year และ World Car Design Of The Year

เรียกได้ว่ารางวัลแต่ละสาขา คือภาพสะท้อนความโดดเด่นรอบด้านของยนตรกรรมพลังไฟฟ้าอย่าง IONIQ 5 ได้เป็นอย่างดี แต่อีกเหตุผลที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการรับประกันแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กม. และการรับประกันตัวรถ (Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. รวมถึงงานบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้บนมาตรฐานของ HYUNDAI คือข้อได้เปรียบที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับใครที่กำลังตัดสินใจใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอยู่ ณ ตอนนี้

เพราะในยุคเปลี่ยนผ่านแบบนี้ ความคุ้มค่าในการลุงทุนซื้อรถ EV สักคัน คงไม่ใช่แค่การนำเอาหน้าตา หรือราคาเป็นที่ตั้ง แต่นิยามของคำว่าคุ้มค่า ต้องรวมถึงการได้ซื้อความมั่นใจทั้งงานดีไซน์, สมรรถนะ, ระบบความปลอดภัย, การบริการหลังการขาย และการรับประกัน ที่สามารถสบายใจได้ว่า จะไม่ต้องมานอนก่ายหน้าผากแล้วบ่นว่า “รู้งี้” ในภายหลัง

สำหรับใครที่อ่านเหตุผล 5 ข้อที่ทำให้ IONIQ 5 จากแบรนด์ HYUNDAI ควรค่าแก่การครอบครองจนจบ เราอยากให้หาเวลาไปลองสัมผัสประสบการณ์ความล้ำข้ามเวลาจากยนตรกรรมไฟฟ้ารางวัลระดับโลกคันนี้ด้วยตัวคุณเอง แล้วอาจจะพบว่าคำตอบของรถ EV คันใหม่ที่คุณตามหานั้นอยู่ตรงหน้านี่เอง

ดูรายละเอียด IONIQ 5 จาก HYUNDAI เพิ่มเติมได้ที่

Website: www.hyundai.com/th
Facebook: HyundaiThailand

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line