CARS

ยางรถยนต์ หัวใจหลักของความปลอดภัย ที่เรามองข้าม

By: Chaipohn July 30, 2018

ไม่ว่าเราจะขับรถยนต์ราคาหลักแสนหรือหลักล้าน สิ่งเดียวที่เป็นส่วนสัมผัสกับพื้นถนนและมีผลโดยตรงกับระยะเบรกที่มีประสิทธิภาพ รองรับแรงกระแทกจากร่องหลุมบ่อบนท้องถนน คอยรีดน้ำเจิ่งนองตอนฝนตกในขณะที่เราเดินทางด้วยความเร็วให้รถเกาะถนนควบคุมได้ดั่งใจ ก็คือยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้น ผู้ซึ่งเป็นฮีโร่นอกสายตา คอยปิดทองหลังพระมาเสมอ

เพราะในขณะที่เราดูแลรถยนต์ให้สวยหล่อดูใหม่เสมอ หลายคนกลับไม่เคยก้มถามสารทุกข์สุขดิบของยางรถยนต์เลยว่าเป็นยังไงบ้าง สุขภาพดอกยางยังดูดีอยู่มั้ย ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ยุ่งเหยิงของคนเมือง ที่เวลาพักผ่อนดูแลสุขภาพตัวเองยังแถบไม่มี ไม่ต้องพูดถึงสุขภาพยางกันเลย หรือบางคนอาจจะไม่ลืม แต่จำใจต้องทนใช้ยางเก่าต่อไปให้นานที่สุด เพราะเปลี่ยนครั้งนึงก็ต้องควักจ่ายไม่ใช่น้อย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ยางรถยนต์นั้นมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 แอร์พัง เครื่องเสียงดับ ยังขับและเบรกได้ แต่ถ้ายางไม่ดีเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงอันตรายที่พร้อมจะเกิดขึ้นตลอดเวลา

เราอยากให้คุณถามตัวเองตอนนี้เลยว่า “คุณได้ดูแลยางรถยนต์บ้างมั้ย?”  ถ้าคำตอบคือ “ไม่เคยเลย” นั่นแปลว่าคุณกำลังเสี่ยงกับอันตรายบนท้องถนนหลายอย่าง เนื่องจากยางที่เก่าเสื่อมสภาพ

ยางเสื่อมสภาพ จุดเริ่มต้นของอันตรายหลากหลายด้าน – ยางรถยนต์ย่อมมีวันเสื่อมสภาพและคุณสมบัติไปตามกาลเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากการเสื่อมสภาพตามอายุ ยังต้องเจอกับสารพัดสภาพอากาศ เมื่อยางปะทะกับอากาศบวกกับมีความร้อนสะสม จะไปเร่งให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) ยางที่อายุมาก ๆ จึงสูญเสียความยืดหยุ่น เนื้อยางแข็งกระด้าง ทำให้ยึดเกาะถนนได้ไม่ดี

ในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ Paul Walker ประสบอุบัติเหตุในรถ Porsche Carrera GT มีรายงานจากตำรวจ California Highway Patrol คาดว่าปัจจัยนึงที่ทำให้ Supercar คันนี้หลุดโค้งเป็นเพราะยางรถยนต์ที่มีอายุนานถึง 9 ปี ดังนั้นนอกจากสังเกตร่องดอกยางแล้ว เรายังควรเช็คสภาพเนื้อยางด้วยเพื่อความปลอดภัย

อันตรายบนสภาพพื้นถนนเปียก – ถนนที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้นมาในหลากหลายสภาพอากาศ ฝนตก แอ่งน้ำ น้ำรอการระบาย ยางรถยนต์จึงต้องมีดอกยางไว้เพื่อรีดน้ำได้ในทุกสถานการณ์ เมื่อดอกยางหมด ประสิทธิภาพการรีดน้ำจึงลดลง เสี่ยงต่อการเกิด Hydroplaning หรืออาการเหินน้ำ เนื่องจากหน้ายางไม่สัมผัสกับพื้นถนน เสี่ยงต่อการลื่นไถลแลถสูญเสียการควบคุมได้ง่าย ยิ่งช่วงนี้ฝนตกบ่อยยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ

ใช้ระยะเบรกมากขึ้น – หลายคนคิดว่าประสิทธิภาพการเบรกขึ้นอยู่กับผ้าเบรกหรือจานเบรกเท่านั้น คาดไม่ถึงว่ายางรถยนต์จะมีผลโดยตรงเป็นอย่างมากกับระยะการเบรก หลายคนที่ซื้อรถมาใหม่ ๆ และรู้สึกว่าเคยเบรกฉุกเฉินได้ในระยะเท่านี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับรู้สึกว่าต้องออกแรงเบรกมากขึ้นจากสภาพผิวยางที่แข็งกระด้าง รวมถึงดอกยากที่สึกหรอ ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับการขับรถในชีวิตประจำวัน ที่เราเดาไม่ได้เลยว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นบ้าง

จะเห็นว่ายางรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งในกรณีที่เรายกขึ้นมาถือเป็นตัวอย่างในกรณีเบา ๆ เท่านั้นเอง ในกรณีที่ร้ายแรงอย่างเช่นยางระเบิดในขณะขับขี่เนื่องจากยางเสื่อมสภาพ หรือยางรั่วซึมในขณะเดินทางไกลอยู่ในที่เปลี่ยว คนส่วนใหญ่ดูจะสนใจแต่ประสิทธิภาพของยางใหม่ โดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของยางเมื่ออายุมากขึ้น

มิชลินผู้รู้จริงเรื่องยาง เป็นเจ้าแรกที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยตั้งแต่แรกใช้จนยางใกล้หมดดอก1 จึงออกแบบยางรุ่นใหม่ล่าสุด มิชลิน ไพรมาซี่4 ภายใต้แนวคิด “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Safe when new, Safe when worn) ที่ใช้เวลากว่า 3ปีในการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัย EverGrip TM ที่ให้คุณมั่นใจทั้งยางใหม่และใกล้หมดดอก ซึ่งเป็นการเปลี่ยน นิยามใหม่ของความปลอดภัยเลยทีเดียว

ยางมิชลินไพรมาซี่ 4 (MICHELIN Primacy 4) สามารถลดความเสี่ยงของปัญหายางเก่าได้ครบทุกข้อ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย EverGrip TM ที่ให้เบรกสั้น มั่นใจ ทั้งยางใหม่และใกล้หมดดอก จากเนื้อยางสูตรพิเศษที่ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าและร่องรีดน้ำแบบใหม่ ที่ออกแบบให้กว้างขึ้น โดยไม่สูญเสียพื้นที่หน้าสัมผัสกับพื้นถนน และยังสามารถรีดน้ำได้มากกว่าดิม 50%

จากการทดสอบยางมิชลินไพรมาซี่ 4 โดยบริษัททียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด (TUV Rheinland Thailand) โดยใช้ทั้งยางมิชลินไพรมาซี่ 4 ใหม่ และแบบยางใกล้หมดดอก เปรียบเทียบกับยางแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ในสภาพเดียวกัน ผลที่ได้รับน่าประทับใจมาก โดยในสภาพถนนเปียก ยางมิชลินไพรมาซี่ 4 ใหม่ เบรกได้สั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์อื่น ๆ 2.5 เมตรและในสภาพยางใกล้หมดดอก ก็ยังใช้ระยะเบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์อื่น ๆ 5.1 เมตร3

นอกจากมั่นใจในประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยแล้ว ยางมิชลินไพรมาซี่ 4 ยังมีเทคโนโลยี Silent Rib Generation 2 ที่สุดของความเงียบและนุ่มสบายจากมิชลิน ช่วยลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร และดูดซับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น จึงให้ประสบการณ์ขับขี่ที่สบายตลอดการเดินทาง

ยางมิชลินไพรมาซี่ 4 (MICHELIN Primacy 4) เหมาะกับรถยนต์นั่งขนาดกลาง – ใหญ่ ใส่ได้ทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรป ไม่ว่าจะเป็น Toyota Altis, Honda Civic, Honda Accord, Toyota Camry ไปจนถึง BMW 3-Series, 5-Series, Mercedes-Benz C-class, E-class และอีกหลายค่ายหลายแบรนด์​  มีจำหน่ายตั้งแต่ขอบ 15”-19” รวมกว่า 31 ไซส์ จะหน้ายางขนาดไหนก็มีให้แน่นอน

เอาเป็นว่าใครมักจะลืมเปลี่ยนยาง หรือใช้ยาว ๆ ขายไปพร้อมกับเปลี่ยนรถเลยล่ะก็ ลองเอารถไปทาบเพื่อสัมผัสความหนึบ นุ่ม เงียบ ของยางมิชลินไพรมาซี่ 4 อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยนได้ที่ร้านขายยางใกล้บ้านท่าน

หมายเหตุ

1. “ใกล้หมดดอก” ในที่นี้หมายถึง ยางที่มีความลึกร่องดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร

2. และ 3. ผลการทดสอบระยะเบรกทดสอบในสวนนงนุช จังหวัดชลบุรี บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27-32 °C เมื่อเดือนมกราคม 2561 โดยติดตั้ง ยางมิชลินไพรมาซี่ 4 และแบรนด์อื่นๆ ขนาด 255/50R17 สี่เส้นใหม่บนรถทดสอบยี่ห้อฮอนด้ารุ่นแอ็คคอร์ดซึ่งขับขี่ด้วยความเร็ว 0 – 80 กม/ชม เปรียบเทียบกับยางมิชลินไพรมาซี่ 4 และแบรนด์อื่นๆ รุ่นเดียวกันที่ใกล้หมดดอก

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line