Life

ท้อไปก็ไม่ได้อะไร ฟัง TED Talk ที่โคตรสร้างแรงบันดาลใจให้ใช้ชีวิตใหม่ ๆ เทพ ๆ กว่าที่เคย

By: PSYCAT November 16, 2017

ถ้าคุณกำลังเหี่ยวเฉาเป็นผักในตะกร้าที่ถูกทิ้งค้างคืนไว้สามวัน ถ้าคุณกำลังหมดหวังเหมือนชีวิตจะไม่มีการเริ่มต้นใหม่ ๆ อะไรใหม่ ๆ อีกแล้ว ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างน่าเหนื่อยหน่ายจนอยากจะนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรให้รู้แล้วรู้รอดไป คุณมาถูกทางแล้วเพราะวันนี้ UNLOCKMEN เป็นห่วงผู้ชายแห้งเหี่ยวที่ขาดแคลนแรงบันดาลใจดี ๆ เราเลยอาสาหอบเอา TED Talks ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณพร้อมจะฮึดก้าวต่อไปทำอะไรบางอย่าง รู้สึกว่ามีความหวัง รู้สึกว่าได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มองตัวเองแบบใหม่

ดังนั้นอย่ารอช้ามาตะลุยฟัง ตะลุยเรียนรู้ ตะลุยหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กันดีกว่า

TED’s secret to great public speaking

เราทุกคนล้วนต้องเคยพรีเซนต์งาน พูดในที่สาธารณะ หรือแสดงปาฐกถาเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อหน้าคนสักกลุ่มมาแล้ว แค่ปัญหามือสั่นเป็นเจ้าเข้า ลิ้นพันกันสิบตลบจนพูดไม่รู้เรื่องก็หนักหนามากพอตัวอยู่แล้ว แล้วปัญหาสุดยิ่งใหญ่อย่างการพูดอย่างไรให้มันฟังดูแล้วทุกคนพูดตรงกันว่านี่โคตรเจ๋งเลยก็เป็นอีกเรื่องที่เราแทบจะไม่มีเวลามาคิดถึงเลย

แต่ไม่ต้องห่วงไปเพราะวันนี้ Chris Anderson ผู้เป็นคิวเรเตอร์และได้นักฟังคนพูดเจ๋ง ๆ ในงาน TED Talks มากว่า 12 ปี เขาเอาประสบการณ์ที่นั่งฟัง ช่วยคิด ช่วยดูแลเหล่าสปีคเกอร์ทั้งหลายมาฝากเรา โดยเราอาจจะคิดว่าการพูดที่ดีเริ่มต้นด้วยการปูจุดเริ่มต้น อาจจะเป็นเรื่องพื้นฐาน โปรเจ็กต์นี้เริ่มยังไง ใครเป็นแรงบันดาลใจ แล้วต่อด้วยการเปิดเผยความลับหรือสร้างจุดพีคของเรื่อง ก่อนจะจบด้วยคำคม แรงบันดาลใจหรือการบอกให้ลงมือทำหล่อ ๆ

แต่ Chris Anderson บอกเลยว่าทั้งหมดที่คุณเคยเข้าใจนั้นมันผิดเว้ย! แล้ววิธีไหนที่ถูกหรือคู่ควรกับคนที่อยากจะเป็นนักพูดที่เยี่ยมยอดกัน? Chris Anderson ก็ไม่ปล่อยให้เราสงสัยแต่อย่างใด เขาจะมาเปิดเผย 4 ขั้นตอนที่จะทำให้คุณกล่าวปฐกถาได้แจ่มว้าวจนคุณต้องแปลกใจในตัวเอง

The beauty of being a misfit

UNLOCKMEN เชื่อว่าไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่อยู่ ๆ ก็รู้สึกแปลกแยกกับโลกมนุษย์ใบนี้ขึ้นมา รู้สึกเหมือนไม่มีเพื่อน โดดเดี่ยว ไม่เข้าพวก หรือบางทีก็รู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ใครก็ฉุดดึงคุณขึ้นไปจากหลุมแห่งความสิ้นหวังนี้ไม่ได้

Lidia Yuknavitch เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่รู้สึกเช่นนั้น ด้วยบาดแผลทางจิตใจจากการสูญเสียทำให้เธอสูญเสียความเป็นตัวเอง เร่ร่อน ไร้บ้าน ติดยา ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยถึง 2 ครั้ง ไปจนถึงขั้นติดคุกเธอก็เคย เธอมีเรื่องราวร้าย ๆ และรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ดี

ท้ายที่สุดแล้วเธอจะเห็นคุณค่าในตัวเองได้หรือไม่ การเดินทางจากความแปลกแยกจะเป็นไปได้หรือเปล่า เรื่องราวของเธอจะทำให้คุณลุกขึ้นมามองตัวเองแบบใหม่ เหมือนที่เธอพูดเอาไว้ว่า “ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ในช่วงเวลาแห่งความล้มเหลว คุณก็ยังคงงดงาม” และ “คุณอาจจะยังไม่รู้ แต่จริง ๆ แล้วคุณมีความสามารถในการสร้างตัวตนของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และนั่นแหละคือความงดงามของคุณ”

What I learned from 100 days of rejection

Jia Jang คือคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะเรื่องราวของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้เราจากการถูกปฏิเสธ!? การถูกปฏิเสธบ่อยครั้งสร้างความอับอายให้เรา หลายครั้งทำลายความมั่นใจที่เรามีให้แหลกสลายลงไปกับตา บางครั้งทำให้เราถึงกับไม่กล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ แค่เพราะกลัวการปฏิเสธและความผิดหวัง

Jia Jang จะทำหน้าที่ฉุดกระชากเราออกจากความกลัวการผิดหวังนั้น และไม่ใช่แค่มาพูดลอย ๆ ปลุกใจให้ฮึกเหิมธรรมดา แต่เขาลงมือทำให้เราเห็นด้วยการกระโจนลงในความผิดหวังตลอด 100 วัน เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าความผิดหวังไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราต่อรองกับมันได้ เราเจรจากับมันได้ ไปจนถึงเอาชนะมันได้ ขอแค่เราไม่กลัวที่จะกระโจนลงไป ฟังเรื่องราวของเขาแบบเต็ม ๆ  UNLOCKMEN เชื่อว่าคุณจะกล้ากระโดดเข้าหาความผิดหวังมากขึ้นแน่นอน

How to find a wonderful idea

ถ้าใครพอรู้จักวง OK Go ก็คงรู้ว่าไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของวงนี้พวยพุ่งกระฉูดขนาดไหน แต่ถ้าไม่รู้จัก (ก็ลองเสริ์ชหาเอ็มวีในยูทูปดูประกอบเสียหน่อย) พวกเขาคือวงที่ทำมิวสิควีดีโอออกมาได้สุดจี๊ดจ๊าด แพรวพราว บ้าพลัง และแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ทั้งการเต้นในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง การทำเครื่องกลไกลูกโซ่ (Rube Goldberg machine) ขนาดใหญ่มหึมา เอาเป็นว่าวงอื่นไม่ทำ แต่พวกเขาทำ และไม่ใช่แค่สักแต่ทำอะไรแปลก ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พวกเขาจึงจะพาเราไปดำดิ่งว่าจุดกำเนิดไอเดียของพวกเขามันมาจากไหน

ถ้าคุณคิดว่ามันคือการนั่งนิ่ง ๆ คิดไอเดีย คุณอาจจะคิดผิด แต่พวกเขามองการคิดไอเดียว่าไม่ใช่การเค้นเอามันออกมาจากที่ไกลแสนไกลหรือที่ดำมืดที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อน และพวกเขายังคิดว่าไอเดียมันมีอยู่แล้วเพียงแต่ต้องมองมันให้เจอ ที่สำคัญทดลองทำมันซะ ไม่ใช่แค่นั่งเค้นจนหัวระเบิดเพียงอย่างเดียว ทอล์คของพวกเขาจะกระตุ้นไอเดียคุณได้แค่ไหนไปเรียนรู้พร้อม ๆ กันเถอะ

4 reasons to learn a new language

แค่เรียนภาษาอังกฤษก็เหนื่อยแทบจะลองไปนอนชักดิ้นชักงอแล้ว กว่าจะฝ่าฟันมาได้ถึงวันที่พูดได้งู ๆ ปลา ๆ หรือจนกว่าจะถึงวันที่พูดได้คล่องขนาดนี้นี่มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ แล้วภาษาอังกฤษก็เป็นภาษาสากลของโลก เรียนแค่ภาษาเดียวก็พอแล้ว จะเรียนทำไมอีกหลายภาษากัน

นั่นคงเป็นคำถามที่บางทีก็มาวนเวียนอยู่ในหัวเรา หรือบางคนอาจไม่เคยเกิดคำถามเหล่านี้เลยก็ได้ เพราะไม่เคยคิดแม้แต่จะเรียนภาษาอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว แต่วันนี้ John McWhorter ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์จะมาปลุกกระตุ้นไฟในตัวเราว่าเพราะอะไรเราถึงต้องเรียนภาษาเพิ่มให้มันปวดหัวด้วย

ภาษาไม่ใช่แค่ภาษาที่สื่อสารกัน แต่ภาษาจะพาคุณทะลุเข้าไปในอีกวัฒนธรรม การเรียนรู้ การรู้จักผู้คนทั่วโลก ที่เป็นเพื่อนมนุษย์เหมือนกันกับเรา แถมยังให้วิธีคิดที่หลากหลายกับเราด้วย และอีก 3 เหตุผลที่ฟังแล้วรับรองว่าอยากลงเรียนภาษาใหม่กันเลยทีเดียว

ใกล้ปีใหม่อย่างนี้การเริ่มต้นฝึกสกิลการพูดใหม่ ๆ การฝึกวิธีมองความงดงามใหม่ ๆ การกระโจนเข้าหาความผิดหวัง การเรียนภาษาใหม่ และการหาไอเดียที่มีอยู่ตรงหน้าแล้วให้เจอ ถือเป็นแรงบันดาลใจ ความหวัง และการเริ่มต้นที่ดีไม่น้อย ไม่ว่าจะเริ่มอะไรก่อน UNLOCKMEN ขอเป็นกำลังใจให้ทุกแรงบันดาลใจและการเริ่มต้น

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line