Girls

กว่าจะมาเป็นนางฟ้าไอทีนั้นไม่ง่าย: “เฟื่องลดา สรานี”กับบทบาทผู้บริหารที่ “FLOURISH DIGITAL”

By: anonymK August 16, 2018

แม้คำว่า “ดิจิทัล” จะเกิดขึ้นในสังคมไทยมานานหลายปี แต่การเห็นหญิงสาวออกมาพูดเรื่องไอทีในระดับแนวหน้าผ่านสื่อกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเธอสร้างความประทับใจจากความสามารถ ความสดใส มุกตลก เปลี่ยนเรื่องไอทีให้กลายเป็นเรื่องเข้าถึงง่ายและน่าชื่นใจ ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังพลังงานอันเหลือล้นเหล่านี้มีที่มาอย่างไร

วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราชาว UNLOCKMEN จะได้พูดคุยกับเธอผู้ได้สมญา “นางฟ้าไอที” คนนี้ เฟื่องลดา-สราณี สงวนเรือง” ตอนนี้เธอกำลังเติบโตขึ้นอีกขั้นจากการเปิดบริษัทและบริหารออนไลน์พับลิเชอร์ของตัวเอง “Flourish digital” ใครที่เป็นสาวกผู้คอยติดตามรอยยิ้มชวนให้ใจบางของเธออยู่ บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

คุยกับเฟื่องเรื่องที่เราไม่เคยรู้

“เฟื่องลดา” คือชื่อของหญิงสาวสุดสดใสตรงหน้าของพวกเรา แต่จากบทสนทนาในวันนี้กลับทำให้เราได้รู้เรื่องราวหลายอย่างที่คาดไม่ถึง อย่างหนึ่งก็คือกว่าจะเป็นสาวน้อยพูดจาฉะฉาน เธอเป็นเด็กหญิงพูดน้อยรักการอยู่คนเดียว แต่ไม่ชอบอยู่หน้าแสงไฟ ไม่ชอบการด้นสด ติดจะเนิร์ดเสียด้วยซ้ำ แต่ทุกย่างก้าวในวันนี้ของเธอเกิดขึ้นได้เพราะแรงผลักดันจากใจที่สู้ไม่ถอยล้วน ๆ

ฝัน “เฟื่อง”

เธอสารภาพว่าเท่าที่จำความได้ ฝันของเธอไม่ใช่การเป็นพิธีกรอย่างที่ทำให้เธอโด่งดังอยู่ในตอนนี้ แต่ฝันของเธอคือการเป็นนักร้องบรอดเวย์ ซึ่งก็ขัดกันกับความเป็นคนขี้อายของตัวเธอเองอยู่ดี ทำให้เธอต้องใช้ความพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อตามความฝัน ก้าวแรกของเธอเริ่มต้นที่การเป็นนักร้องชมรม CU BAND สมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นจึงออกล่าฝันด้วยการร้องเพลงผ่านการประกวด AF อีกถึง 2 ครั้ง แม้ไม่ได้รับตำแหน่งกลับมา แต่ทั้งสองครั้งพลังเสียงที่มีก็ทำให้เธอผ่านเข้าสู่รอบ 50 คนทุกครั้งและเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์พิธีกรในตัวของเธออย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากผู้ใหญ่เห็นแววและให้โอกาสเรียกเธอเข้าไปแคสต์เพื่อรับบทบาทพิธีกรถึงสองครั้ง

“ถ้าเราทำอะไรไม่ได้ แล้วเรารู้สึกว่าเรายังพยายามได้ไม่ดีพอ เราจะรู้สึกว่ายังไม่ได้ ต้องลุยอีกหน่อย”

ประโยคที่มาพร้อมน้ำเสียงมั่นใจและหน้าตาที่มุ่งมั่นของเธอชี้ให้เห็นว่าแม้จะดูเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบางแต่ด้านในซ่อนความพยายามที่ใหญ่กว่าขนาดตัวมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าจากการฝึกฝนเพื่อลุยในครั้งที่ 2 เธอก็สามารถทำมันได้สำเร็จ

 

เลือกเปิดรับโอกาส และปิดประตูบานที่ไม่ใช่

ถึงแม้ทุกคนจะจดจำเธอได้จากการเป็นสาวสุดไฮเทคผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่แจ้งเกิดจาก “แบไต๋ไฮเทค” จากการทาบทามของพี่หนุ่ย – พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หลังเรียนจบ แต่บทบาทอื่นที่เธอเคยผ่านมาแล้วมีมากมายหลายอย่าง ทั้งการเป็นพิธีกรข่าวบันเทิง แคสติ้งโฆษณา เล่นละคร ดีเจ ฯลฯ เธอไม่เคยปล่อยให้ประตูโอกาสหลุดมือไปเมื่อมันมาถึงและรับผิดชอบมันเป็นอย่างดี หากพบว่ามันไม่ใช่เธอแค่ทยอยปิดมันลงโดยเก็บข้อดีที่พบเจอเพื่อรักษาความเป็นตัวของตัวเองไว้

“เราเป็นพวกไฮเปอร์ ชอบใช้เวลาให้คุ้มค่า ตอนเป็นพิธีกรเรารู้สึกว่ามันจบในตัวของมันเอง ได้เป็นตัวของตัวเองและได้เรียนรู้ใหม่ตลอดเวลา แม้ว่าข่าวบันเทิงจะไม่ใช่เรื่องที่เราสนใจ แต่เราก็เก็บเล็กผสมน้อยไป ช่วงนั้นมีคนชวนให้ไปแคสต์โฆษณา แสดงละคร เราเคยมีโอกาสลองไปถ่ายครั้งสองครั้งแต่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทางของเรา จนหลังจากเรียนจบ พี่หนุ่ยชวนให้ไปแคสต์พิธีกร เราก็ได้เริ่มเส้นทางด้านไอทีจากตรงนี้ค่ะ”


กว่าจะเป็นนางฟ้า


เราพบว่าการเป็นนางฟ้าของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะได้รับสมญานางฟ้าไอทีจากสื่อมวลชนต้องพบอุปสรรคจากความไม่คุ้นเคย สกิลที่แตกต่าง และแรงกดดันที่ถาโถมจากสังคมจนเกิดความรู้สึกท้อพอยและเกือบถอดใจจากการเป็นเฟื่องลดาที่เรารู้จักทุกวันนี้

“ตอนมาทำไอที เฟื่องเหมือนโดนโยนลงไปให้ว่ายน้ำกลางฉลาม (หัวเราะ) เราต้องเอาตัวรอดให้ได้ ตอนนั้นทำรายการแบบอัดเทปได้ไม่เกิน 2 เดือนเราก็โดนโยนเข้ารายการสดของแบไต๋ไฮเทคที่ออนแอร์พร้อมกันห้าช่องท่ามกลางพี่กูรูทั้งหลาย พี่ ๆ ทุกคนเก่งมากทั้งสกิลไอทีและสกิลเล่นที่เข้าขากัน

ตอนนั้นจังหวะของเรายังเข้ากับเขาไม่ได้ พิธีกรก็ยังไม่เก่ง ความรู้ก็ยังไม่แน่น แต่วิธีนี้ก็ดีมากนะคะเพราะเราต้องพยายามทำการบ้านให้ดี ฟอลโลว์ข่าวทุกสำนัก สรุปข่าวด้านไอทีส่งพี่หนุ่ยทุกอาทิตย์ บางครั้งเราก็จำเป็นต้องเล่นมุก 5 บาท 10 บาทเพื่อไม่ให้จมหายไป ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ได้ฝึกปรือฝีมือค่ะ พี่ ๆ ทุกคนถือเป็นครูที่ดีมาก อะไรที่เราไม่รู้พี่เขาก็พยายามสอนเรา ก็เลยสู้ตายกว่าจะมาถึงตรงนี้ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคน

เคยมีวันหนึ่งเราไปอ่านคอมเมนต์ใน Youtube ก่อนถ่ายรายการสด ซึ่งธรรมดาก็ไม่ค่อยได้อ่านอะไรมากเพราะเมื่อก่อนเป็นคนค่อนข้างอ่อนไหวระดับสูงมาก กลัวเฟล เจอคอมเมนต์ทำนองว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาไม่ได้ใช้คำพูดแรงแต่คำพูดนั้นมันยังฝัง ไม่เก่ง ไม่ดี มาทำตรงนี้ทำไม จังหวะนั้นระหว่างที่ถ่ายรายการช่วงที่ไม่ได้พูดเราก็ร้องไห้ออกมา ไม่รู้มีว่ามีใครสังเกตเห็นหรือเปล่า มันเป็นความรู้สึกเฟลที่เกิดขึ้น แต่ว่าพอผ่านไปพักนึง เรายอมรับและรู้ว่าด้อยจริง เราก็ฮึบขึ้นมาใหม่ว่า เออ ไม่เก่ง ได้ เดี๋ยวจะเก่งให้ดู ”

นอกจากทัศนคติการทำงานมุมบวกที่ถ่ายทอดผ่านคำพูดแล้ว เรื่องที่หลายคนสงสัยอย่างการโดนเปรียบเทียบกับตำแหน่งสาวไอทีคนอื่น ๆ เธอยังมีคำตอบดี ๆ ที่ทำให้เราต้องยิ้มตาม

“ส่วนตัวเฟื่องเคารพพี่ทุกคนในวงการค่ะ คือเฟื่องพูดเสมอว่าเฟื่องไม่เก่ง เฟื่องใหม่ และต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนบอกว่าเรามาแทนที่ใครหรือเปล่า จริง ๆ เฟื่องมองว่าแต่ละคนก็มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญเฟื่องเชื่อว่าทุกคนที่เป็นพิธีกรรายการสื่อไอทีเขาก็ต้องการที่ให้ความรู้ ยกระดับสังคมไทยโดยรวมเพื่อติดอาวุธทางดิจิทัลเลยคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้ร่วมด้วยช่วยกันแล้วก็ไปช่วยให้คนไทยดีขึ้น”


บทบาทนักบริหารและผู้ก่อตั้ง “Flourish Digital”

การมีธุรกิจเป็นของตัวเองเป็นเรื่องยาก แต่ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี สาวน้อยอย่างเธอก็สามารถก่อตั้งบริษัทสำหรับทำออนไลน์พับลิชเชอร์เป็นของตัวเองและกลายเป็นเจ้าของกิจการที่ทุกวันนี้มีคนให้ต้องดูแลถึง 14 ชีวิต ทั้งหมดเริ่มต้นจากความฝันและงานอดิเรกซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นความจริง

“มันมีองค์ประกอบอยู่สามสี่อย่างค่ะ อย่างแรกคือลึก ๆ แล้วเฟื่องมีความใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ประกอบการอยู่แล้วตั้งแต่เด็กและอยากทำงานเบื้องหลัง อย่างที่สองคือเห็นโอกาสของโลกออนไลน์ เราเริ่มทำออนไลน์มาด้วยตัวเองจากความสนุก ถ่ายทอดเรื่องราวตัวเองผ่านแชแนลต่าง ๆ แต่มันดันไป ดันมีคนดู จนได้โอกาสและได้งานรีวิวมาบ้างจากตอนนั้น อย่างที่สามช่วงนั้นทำงานอ่านข่าวค่ะ มันเป็นโอกาสที่ดีมากนะคะ รายได้ก็ดี แต่ว่าสุขภาพของเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเราอ่านข่าวเช้าทำให้เวลาพักจะไม่เหมือนคนอื่น

ตอนนั้นเราก็คิดถึงการทำธุรกิจขึ้นมา เขาบอกว่าไกด์ไลน์ก็คือ อะไรที่สามารถตื่นขึ้นมาแล้วทำได้ทุกวัน อะไรที่เราเชื่อ เราเลยหาจุดแข็งที่ตัวเองมีสิ่งหนึ่งที่คิดออกคือสิ่งที่ทำมาตั้งแต่จบก็คือการเป็นพิธีกร ดังนั้น เราก็เลยคิดว่าเราต้องทำสื่อนี่แหละ

จากนั้นเราก็รับการช่วยเหลือด้านคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ค่ะ เขาก็ให้มาลองคิดดูว่าอะไรบ้างที่เราพร้อมเสีย ตอนที่เฟื่องกำลังจะตัดสินใจอายุกำลังจะ 25 พอดี ถ้ารีครูททีม จ้างพนักงาน จ้างคน เฟื่องก็ว่าล้มตอนนี้มันยังได้ แล้วตอนนั้นเราลองคำนวณว่าเรามีงานที่ไม่ใช่เงินเดือนประจำอีกไหม แต่ละเดือนมีรายรับเข้ามาเท่าไหร่ ครอบคลุมการจ่ายค่าจ้างไหม พอคำนวณแล้วว่าทำได้เราก็เลยลองดู ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็ไม่รู้จะเริ่มเมื่อไหร่ แล้วก็เห็นโอกาสมาก ๆ ของออนไลน์ แล้วรู้สึกว่าถ้าไม่ทำตอนนี้ก็จะสายเกินไป ซึ่งเฟื่องก็ว่าเฟื่องคิดถูกนะคะ ถ้าเฟื่องมาทำตอนนี้เนี่ย มันจะยากมาก ๆ แล้ว ถ้าจะสร้างขึ้นมาจากศูนย์เลย”

เคล็ดลับความสำเร็จอีกอย่างของเธอที่แอบเผยให้เรารู้นอกจากปัจจัยด้านบนแล้ว เธอบอกว่ามันคือ “ความไม่รู้” เพราะมันจุดประกายความกล้าที่ส่งให้ความฝันของเธอเป็นความจริง

“ภายใต้ความไม่รู้ก็มีข้อดีของมัน เฟื่องว่ามันอาจจะจำเป็นมาก พอไม่รู้แล้วมันกล้า ถ้าเรารู้เยอะแยะมากมายอาจจะกลัวไปเสียทุกอย่าง เหมือนเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้วสูญเสียความเป็นเด็ก สูญเสียความกระตือรือร้น ความกล้า รู้สึกว่าไม่อยากเสี่ยง ไม่ทำดีกว่า ซึ่งสำหรับเรานั้นมีความไม่รู้อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นความไม่รู้ที่โชคดีที่ทำให้เราพยายามจนสามารถบุกมาได้ขนาดนี้ค่ะ เพราะพอถึงจุดนึงมันก็จำเป็นที่จะต้องมีคนมาช่วยเราจัดการเหมือนกัน ตอนนี้โชคดีที่ได้พี่ GM มาช่วยบริหารการจัดการได้เก่ง หากันจนเจอ ชื่อว่าพี่กิ๊ฟค่ะ ให้เครดิตเขา”

สำหรับเป้าหมายในอนาคตที่เธออยากปลดล็อกให้สำเร็จ คือการลบภาพจำของความเป็นเฟื่องลดาทิ้ง และลดการทำงานเบื้องหน้าลงเพื่อให้แบรนด์สามารถเติบโตขึ้นได้ด้วยตัวเอง เหมือนคติที่เธอใช้หล่อเลี้ยงตัวตน


“Everyone can be the best version of themselves.”

ท้ายนี้ ชาว UNLOCKMEN คนไหนที่อยู่ระหว่างการค้นหาตัวตนหรือกำลังทำตามฝัน ก็อย่ายอมแพ้ ลองใช้พลังฮึบ ลุกขึ้นสู้กับทุกอุปสรรคอย่างที่เฟื่องลดาบอกไว้ได้ UNLOCKMEN เป็นกำลังใจให้พวกเราเสมอและเชื่อว่าคุณเองก็มี The best version เป็นของตัวเองเช่นกัน

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line