DESIGN

THE RETURN OF THE KING การกลับมาอีกครั้งของ KING SEIKO เรือนเวลาในตำนาน

By: NTman January 31, 2022

เชื่อว่าในตอนนี้หากจะให้พูดถึงเรือนเวลาขั้นสุดของ Seiko หลายคนคงยกให้ GS หรือ Grand Seiko ยืนหนึ่งในมวลหมู่ Seiko ทั้งหลาย แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Seiko คงรู้กันดีว่าในอดีตยังมีอีกหนึ่งรุ่นตำนานอย่าง King Seiko ที่ตีคู่ขับเคี่ยวโชว์ศักยภาพความเป็นเรือนเวลาชั้นยอดมาโดยตลอด

เรื่องของเรื่องต้องย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งถือเป็นทองยุคแห่งความก้าวหน้าของ Seiko ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จนได้มีการพัฒนา Grand Seiko รุ่นแรกออกมาในปี 1960 ก่อนที่จะส่ง King Seiko ตามมาในปี 1961

ซึ่งเรือนเวลาทั้ง 2 รุ่น ที่มาจาก 2 แหล่งผลิต (Grand Seiko ผลิตที่ Suwa Seikosha / King Seiko ผลิตที่ Daini Seikosha) ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเป็นสุดยอดเรือนเวลาของ Seiko แม้ตอนนี้จะเหลือเพียง GS ที่ครองตำแหน่งแบรนด์เรือนเวลาเรือธงจาก Seiko แต่เสน่ห์ความเป็นนาฬิกาจักรกลที่ได้รับการออกแบบและขัดแต่งอย่างสวยงามประณีต พร้อมมอบความแม่นยำเที่ยงตรงในระดับสูงของ King Seiko ก็ยังคงเป็นที่โหยหาของกลุ่มนักสะสมผู้หลงใหลในเรือนเวลา ณ ปัจจุบัน


 

หลังจากผ่านเวลามายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ในที่สุดคอลเลกชัน King Seiko เรือนเวลาที่สะท้อนถึงคุณภาพอันยั่งยืนยาวนานของการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลจาก Seiko ได้หวนกลับมาสร้างตำนานอีกครั้ง กับเอกลักษณ์ที่ไม่ได้มีเพียงความแม่นยำ แต่ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบที่ทรงพลัง ซึ่งเต็มไปด้วยความงามสง่า จากโครงสร้างของนาฬิกาที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งประติมากรรมที่สะท้อนคุณภาพระดับสูง

The 1965 KSK, the design that defined King Seiko.

ซึ่งการหวนคืนมาของตำนานเรือนเวลาอย่าง King Seiko นั้นโดดเด่นด้วยการออกแบบเหลี่ยมมุมที่เฉียบคมและสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก King Seiko KSK ปี 1965 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่สองที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นและเป็นชุดผลงานที่เรียกได้ว่าเป็น DNA ของ King Seiko ด้วยการผสมผสานระหว่างหน้าปัดแบนเรียบ หลักชั่วโมงที่เจียระไนดุจเหลี่ยมเพชรและชุดเข็มที่มีความเฉียบคม ที่พร้อมถ่ายทอดสู่ตำนานบทใหม่ของ King Seiko

การสร้างสรรค์ใหม่นำเสนอรูปลักษณ์คลาสสิกแต่ทันสมัย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก KSK ปี 1965

ด้วยเหตุนี้ King Seiko คอลเลกชันล่าสุดจึงมาพร้อมรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความประณีตและโดดเด่น ข้อต่อตัวเรือนที่มีเหลี่ยมมุมคมชัดและพื้นผิวที่เรียบกว้าง ได้รับการตกแต่งด้วยการขัดเงาวาววับราวกับกระจก ผลงานจากช่างฝีมือสุดประณีต สละสลวยด้วยลายริ้วแฮร์ไลน์ที่ละเอียดอ่อน

สำหรับหลักชั่วโมงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาของ King Seiko นั้นมีความกว้างมากกว่าหลักชั่วโมงตำแหน่งอื่น ๆ 2 เท่า และมีลวดลายบนพื้นผิวที่ได้รับการรังสรรค์เป็นพิเศษเพื่อให้อ่านค่าได้ชัดเจน อีกทั้งยังเพิ่มเทคนิคการขัดเงาเพื่อทำให้หน้าปัดมีประกายเจิดจ้าดึงดูดสายตา ตัวเรือนของ King Seiko ถูกออกแบบให้ผสานเข้ากันกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่องได้อย่างลงตัว มีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่พื้นผิวด้านในของคริสตัลแซฟไฟร์ช่วยให้การอ่านค่าได้ชัดเจนในทุกองศา

เม็ดมะยมและฝาหลังประดับตราสัญลักษณ์ King Seiko ดีไซน์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก KSK ปี 1965

ทางด้านสายนาฬิกายังคงไว้ซึ่งรูปแบบเดิมเพื่อคารวะต่อการออกแบบของซีรีส์ King Seiko รุ่นดั้งเดิมที่เคยสร้างตำนานเอาไว้กับเสน่ห์ของรูปทรงและพื้นผิวที่มีเหลี่ยมมุมชัดเจน เพื่อให้สะท้อนเล่นแสงเงาอย่างได้อย่างมีพลัง พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 6R31 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง และกันน้ำได้ 100 เมตร

และต้องบอกว่าการกลับมาของ King Seiko คอลเลกชันใหม่ในครั้งนี้ ไม่ได้มาแค่ 1 แต่ประกอบไปด้วยนาฬิกา 5 เรือน ซึ่งแต่ละเรือนมีตัวเรือนมาพร้อมรูปลักษณ์ที่คงไว้ซึ่ง DNA ของ King Seiko KSK อย่างเข้มข้น แต่ได้มีการเพิ่มความต่างด้วยหน้าปัดหลากสี และหนึ่งนั้นยังคงมีหน้าปัดโทนสีเงินแบบดั้งเดิมของ KSK จากปี 1965 ไว้

ส่วนรุ่นที่เหลือจะมาพร้อมหน้าปัดสีเทาอ่อน, สีเทาชาร์โคล สีน้ำตาลและสีแดง โดยหน้าปัดสีเทาอ่อนจะโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยลวดลายจากการขัดแต่งแบบแฮร์ไลน์ ในขณะที่อีก 4 รุ่นได้สร้างความแตกต่างด้วยการตกแต่งเล่นแสงสีแบบซันเรย์ ที่ดึงดูดทุกสายตาด้วยแสงสะท้อนอันงดงาม

โดย King Seiko คอลเลกชันใหม่ทั้ง 5 เรือน จะเริ่มเปิดให้เป็นเจ้าของได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ในสนนราคาเรือนละ 64,000 บาท วางจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของ Seiko สาขาเซ็นทรัลพระราม9 และ ไซโก บูติก ออนไลน์เท่านั้น

นอกจากนี้ King Seiko คอลเลกชันใหม่ ยังมาพร้อมกับสายหนังแท้ดีไซน์พิเศษเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี 3 แบบ เทา, ดำ, น้ำตาล โดยเป็นการนำมาจำหน่ายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสาย หรือหาสายสำรองไว้สวมใส่ในลุคที่แตกต่างออกไป

สำหรับใครที่สนใจสามารถเลือกชมแบบ เลือกเปลี่ยนสีหน้าปัดและทดลองเลือกเปลี่ยนสายได้ในเว็บไซต์ของ King Seiko โดยสามารถคลิกชมได้ที่ https://www.seikowatches.com/global-en/products/kingseiko/special/simulator/


 

ข้อมูลจำเพาะ

  • คาลิเบอร์ 6R31
  • ความถี่ในการทำงาน: 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง (6 ครั้งต่อวินาที)
  • พลังงานสำรอง: 70 ชั่วโมง
  • จำนวนทับทิม: 24 เม็ด
  • ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล
  • กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่อง เคลือบสารกันแสงสะท้อน
  • ฝาหลังขันเกลียว
  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง: 37.0 มิลลิเมตร หนา: 1.2 มิลลิเมตร
  • ความสามารถในการกันน้ำ: 10 บาร์
  • ความสามารถป้องกันสนามแม่เหล็ก: 4,800 แอมแปร์ต่อเมตร
  • นาฬิกา King Seiko จำหน่ายในราคา เรือนละ  64,000 บาท
  • สายหนังแท้ จำหน่ายในราคาเส้นละ 5,500 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ : 02-2551245-50 ต่อ 888
Line ID : @seiko_thailand

 

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line