Life

อยู่บ้านเหงาไหม? ยังไหวหรือเปล่า? “กรุงเทพฯในวันว่างเปล่า”เราต่างเฝ้ารอทุกสิ่งคลี่คลาย

By: PSYCAT March 26, 2020
ใครหลายคนเคยเบื่อฤดูร้อนของเมืองไทยเราแทบแย่ เพราะเดินไปไหนเหงื่อก็ไหลโชก แต่ในช่วงที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วงและเราทุกคนต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านคราวละนาน ๆ ก็อดคิดถึงแดดจัดจ้า ฟ้าสีสด ๆ ของกรุงเทพมหานครไม่ได้
นับถึงวันนี้คุณอยู่บ้านมากี่วันแล้วนะ? เหงาบ้างไหม? ยังไหวกันอยู่หรือเปล่า? UNLOCKMEN อาสาพาทอดน่องไปทั่วย่านพระนคร มองแดดยามบ่าย ละเลียดท้องฟ้าครามแห่งฤดูร้อน ชื่นชมแลนด์มาร์กสำคัญให้หนำใจผ่านหน้าจอคุณ
ไม่ใช่แค่เราที่เหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวกับหลายเรื่องที่รุมเร้า กรุงเทพฯ ของเราก็ดูเหงาไปถนัดตา แต่สัญญาได้ไหมว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน ผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ออกมาเดินเล่น ใช้ชีวิต กรุงเทพฯ ยังมีอะไรรอให้เราไปชื่นชมอีกมาก
ชีวิตเราก็เช่นกัน เราจะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกัน เพื่อรอเจอสิ่งสวยงามอีกมากมายนับจากนี้ไป

เสาสีแดงชะลูดขึ้นไปในอากาศ ตัดกับฟ้าสีสดปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เรานัดกันที่ “เสาชิงช้า” แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานครที่เป็นภาพจำในโฆษณาการท่องเที่ยวอยู่บ่อย ๆ แต่กับเราคนไทยเอง เสาชิงช้าอาจไม่ใช่สถานที่ท็อปฮิตนัก อย่างมากก็ขับรถผ่านมาในวันที่มีนัดจิบเบียร์กับใครบางคนที่ถนนข้าวสาร

เสาชิงช้าในวันที่รถราไม่ขวักไขว่อย่างที่เคย เสาชิงช้าในวันนักท่องเที่ยวร้างไร้กว่าห้วงเวลาปกติดูเหงาไปถนัดตา แต่ที่เหงาปนเศร้ายิ่งกว่าคือคนทำมาหากิน
“ตุ๊กตุ๊ก” ที่เคยรับหน้าที่ไม่ต่างจากทูตสันถวไมตรี  นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะบินมาจากมุมไหนของโลก พี่คนขับและตุ๊กตุ๊กคู่ใจล้วนเป็นทัพหน้าแข็งขัน พาตระเวนทั่วย่านเมืองเก่า พร้อม ๆ กับเป็นภาพจำความเป็นไทยด้วยตัวรถเอง วันนี้รถตุ๊กตุ๊กน้อยลงถนัดตา ที่ยังเหลืออยู่ก็จอดนิ่งสนิท รอใครสักคนเรียกใช้บริการอย่างมีความหวัง
แหงนหน้าฝ่าแดดมองเสาชิงช้าจนหนำใจ ลัดเลาะไปตามกำแพง “วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร” ประตูไม้สีแดงที่เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวคลาคล่ำปิดสนิท ป้ายกระดาษสีเหลืองแปะข้อความขออภัยในความไม่สะดวก ไม่รู้ปิดถึงเมื่อไหร่ จนกว่าจะถึงวันนั้น
“วันที่สถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย” 

รู้ตัวอีกทีเราก็พาตัวเองมาถึง “ปากคลองตลาด” ตลาดดอกไม้ที่เคยคึกคัก หนาแน่นไปด้วยคนไทยที่ซื้อหาดอกไม้ไปขายต่อ พอ ๆ กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หวังจะได้ยลความงามของตลาดดอกไม้แบบไทย ๆ สักครั้งในชีวิต เสียงโหวกเหวกเรียกลูกค้าแข่งกันของบรรดาแม่ค้าสร้างสีสันไม่แพ้สีสดใสของดอกไม้ที่พวกเธอขาย

ปากคลองตลาดวันนี้ต่างออกไป โล่งกว่าเก่า เงียบเหงากว่าที่เคย แม้ดอกไม้ยังแบ่งบานแข่งกันอวดโฉม แต่แม่ค้าอาจดูโรยไปบ้าง ในวันที่ทุกอย่างคลี่คลายขอให้ตลาดดอกไม้แห่งนี้กลับมาคึกคัก ผู้คนกลับมาซื้อของคับคั่งอีกหน เราจะเฝ้ารอวันนั้น พอ ๆ กับที่เรารู้ว่าคนค้าขายทุกคนจะเฝ้ารอวันนั้นเช่นกัน
แดดยังไม่ราแรง แต่เราจากตลาดดอกไม้มาสู่ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือวัดพระแก้ว สารภาพตามตรงเราเคยเหนื่อยหน่ายทุกคราวที่ต้องจอดติดไฟแดงในแยกรอบ ๆ วัดระแก้ว เพราะนักท่องเที่ยวจะเดินข้ามถนนขวักไขว่เป็นสายยาวจากฝั่งถนนหนึ่งสู่อีกฝั่งถนนหนึ่ง ยาวราวไม่มีจุดสิ้นสุด จนคนบนรถต้องตาค้อนแล้วตาค้อนอีก เมื่อไหร่ขบวนนักท่องเที่ยวจะหมดนะ  เราเคยรำพึงรำพันกับตัวเองบนถนนสายเดียวกันนี้
แต่ในวันที่ถนนเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียวในบ่ายแดดจ้าวันหนึ่ง เมื่อไหร่ขบวนนักท่องเที่ยวจะกลับมานะ  เรารำพึงรำพันราวกับอยากให้ทุกอย่างคลี่คลายทันทีที่เราพูดจบ

คอแห้ง ไปข้าวสาร คติประจำใจเราในยามปกติผุดขึ้นมาพร้อม ๆ กับเหงื่อที่ผุดจนเสื้อชุ่มไปด้วยกระไอเค็ม ๆ ไม่ได้หวังจะไปหาเบียร์ฉ่ำ ๆ ดับกระหายอย่างเคยแต่อย่างใด เพียงอยากแวะไปหา ตามประสาคนคุ้นเคยที่นัดเจอกันเป็นประจำ “ถนนข้าวสาร” ไม่ถึงขั้นว่างเปล่าอย่างหลาย ๆ ที่ แต่จะพูดว่าเหมือนเดิมก็เป็นไปได้ คนที่เหลืออยู่คือพ่อค้าแม่ขายที่ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อทำมาหากินต่อไป

นักท่องเที่ยวบางตา เดินสวนกันไปมา ไม่มีที่ให้นั่ง บาร์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ฯลฯ ปิดเพื่อความปลอดภัย การเดินเล่นชมความงามของมหานครแห่งนี้จึงดูจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาทำได้
อยู่ดีมีสุข มั่งมีศรีสุข ป้ายไม้สีแดงตัวอักษรสีทองวางตัวข้างประตูบาร์แห่งหนึ่งที่ปิดลงมา ด้านหน้าคือคนทำมาค้าขาย งูไม้ที่เลื้อยด้วยกลไกง่าย ๆ ดูคล้ายมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้จริงอยู่ในมือของเขานั่นเอง
ตัดผ่านถนนรามบุตรี มุ่งหน้าสู่ “ป้อมพระสุเมรุ” ร้านกาแฟน้อยใหญ่ที่เคยแอบมานั่งรอใครบางคน ปิดประตูเงียบสนิท เงียบพอ ๆ กับป้อมที่เคยเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
ทูตสันถวไมตรีอีกคนของเรา เอกเขนกบนพาหนะคู่กายที่จอดอยู่ข้าง ๆ ป้อมพระสุเมรุ ถนนเงียบแสนเงียบ จนเราแทบได้ยินเสียงจากจอโทรศัพท์ของเขา แม้จะยืนห่างออกมา
“สวนสันติชัยปราการ” ว่างเปล่าน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ของย่านนี้ นักท่องเที่ยวที่เหลืออยู่ แวะมากำซาบบรรยากาศแห่งการพักผ่อนในสวนติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เด็กหญิงวิ่งเล่นในสนามหญ้าราวกับว่าโลกนี้ยังเต็มไปด้วยความหวังและสิ่งดีงาม เราเองก็หวังให้ทุกคนที่เผชิญสภาวการณ์อันยากลำบากนี้ มีความหวังหรือเชื่อว่าโลกนี้ยังพอมีสิ่งดีงามได้บ้างเช่นกัน
แปลกตาจนไม่น่าเชื่อ เราคิดกับตัวเองตอนแวะมองแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานพระรามแปดที่ทอดตัวตระหง่านไกลออกไป คงเพราะเมืองมีชีวิตได้ด้วยผู้คน ในวันที่เมืองไร้ผู้คน ก็ขาดชีวิตชีวาไปถนัดตา
จากพระสุเมรุสู่ราชดำเนิน มาถึง “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” แลนด์มาร์กสุดท้ายของวันฟ้าสีสด ในวันที่ทุกอย่างคลี่คลาย เราคงได้กลับมาเดินในเมืองที่เรารักกันอีกครั้ง ในระหว่างที่วันนั้นยังมาไม่ถึง ขอให้เราดูแลตัวเองและผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ขอให้รู้ไว้ว่าเราไม่ได้เผชิญความยากลำบากนี้เพียงลำพัง …

PHOTOGRAPHER: Krittapas Suttikittibut

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line