Life

“อย่าเทียบตัวเองกับใครและโซเชียลฯไม่ใช่ทุกอย่าง” วิธีฝึกใจให้แกร่งในวันที่โลกวุ่นวาย

By: PSYCAT June 4, 2020

สุขภาพกายคือสิ่งสำคัญที่เราพยายามดูแลมันอย่างสุดกำลังความสามารถ เลือกกินอาหารที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด เลือกออกกำลังกายอย่างอดทนเพื่อความแข็งแกร่งที่คุ้มค่า แต่ดูเหมือนว่า “สุขภาพใจ” อาจไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร

โดยเฉพาะในวันที่โลกไม่เป็นไปตามอย่างใจหวัง สภาวะเศรษฐกิจที่คาดเดาไม่ได้ หน้าที่การงานที่ไม่แน่ใจว่าจะมั่นคงไปถึงเมื่อไร สภาวะแบบนี้ที่เรายิ่งต้องดูแลหัวใจของเราให้แกร่งเข้าไว้ เมื่อร่างกายก็เต็มที่ และหัวใจก็พร้อมชน ไม่ว่าอุปสรรคหรือความยากลำบากแบบไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้

แม้หัวใจจะไม่ได้มีอาหารดี ๆ หรือการออกกำลังอย่างเป็นรูปธรรมเหมือนร่างกาย แต่ “ทัศนคติ” ก็เป็นอีกอย่างที่เราสามารถฝึกหัวใจของเราให้แกร่งอยู่เสมอได้ และนี่คือวิธีฝึกใจให้แกร่งในวันที่ COVID-19 ยังทำให้อะไรหลายอย่างมัวหม่นกว่าที่เคยเข้าใจ

โลกมันเลวร้าย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรู้สึกเลวร้ายเสมอ

สภาพเศรษฐกิจถดถอย ผู้คนตกงาน โรคระบาดที่ยังไม่มีทางรักษา ฯลฯ เราไม่ได้ให้คุณปฏิเสธว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่จริง สิ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริงและใช่มันคือเรื่องเลวร้าย แต่วิธีหนึ่งที่เราจะยังสามารถฝึกใจให้แกร่งอยู่ได้เสมอคือเราต้องยอมรับความจริงว่าโลกมันแย่ แต่ตัวเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ตามสถานการณ์ไปทุกเรื่อง ทุกอณู

ความเครียด ความเจ็บปวดที่บ่อนทำลายหัวใจเรานั้น ลองตั้งสติถามตัวเองดี ๆ ว่าเรากำลังเอาใจไปผูกกับบางเรื่องหนักหนาเกินกว่าที่มันจะเป็นหรือไม่? และบางอย่างมันยังไม่ทันส่งผลกระทบกับเราเลยใช่หรือเปล่า?

การตระหนักถึงปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่การตระหรักและพยายามหาทางรับมือแก้ไข กับการตระหนักแล้วปล่อยใจตัวเองจมไปกับความเครียดเศร้าและรู้สึกเลวร้ายจนไม่เป็นอันทำอะไรนั้นก็เป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นวิธีการฝึกใจให้แกร่งขึ้นแรกคือต้องเข้าใจเสมอว่า ใช่ โลกเลวร้าย แต่เราไม่ต้องรู้สึกแย่ตามเสมอไป ตั้งสติพาตัวเองออกมาห่าง ๆ ส่วนอะไรที่เป็นปัญหาก็รับมือกับมันไป ขอเพียงอย่าเอาใจไปจมกับมัน

โซเชียลมีเดียไม่ใช่ทุกอย่าง

ยิ่งโลกอยู่ในสภาวะที่มีหลายสิ่งหลายอย่างประเดประดังเข้ามา โซเชียลมีเดียคือพื้นที่หนึ่งที่เราสามารถส่งและรับความคิดเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ในโซเชียลมีเดียมีสิ่งดี ๆ จำนวนมาก แต่ในวันที่โลกวุ่นวายและอยากฝึกใจให้แข็งแกร่ง เราต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้ว่าโซเชียลมีเดียก็เป็นแพลตฟอร์มหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง

ดังนั้นเมื่อเข้าไปเจอความเห็นไม่ถูกใจบ้าง เจอวิธีคิดบางแบบที่เราไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมเขาคิดแบบนี้ พยายามถอยออกมาอย่ามัวเสียเวลาและเอาใจไปเสีย ไปเครียดให้กับคอมเมนต์เหล่านั้น โดยเฉพาะสายสู้ สายคอมเมนต์สู้ ให้ถามตัวเองดี ๆ ว่าคนบางคนนั้นคุ้มที่เราจะเสียเวลาด้วย เสียอารมณ์ด้วยจริง ๆ ไหม?

รวมไปถึงเพื่อนบางคน คนรู้จักบางคนที่เจอหน้ากันก็ดูโอเค น่ารักดีทุกอย่าง แต่เข้าไปเห็นสเตตัสเขา หรือสิ่งที่เขาคอมเมนต์ทีไรชวนหัวร้อนทุกที

ถ้าครั้งสองครั้งคงไม่เป็นไร แต่ในระยะยาวการต้องรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งเหล่านี้บ่อย ๆ ก็อาจส่งผลเสียได้ ในเมื่อตัวจริงก็ยังน่ารักน่าคบ แค่เราทนเขาในโซเชียลมีเดียไม่ไหว ก็ลองกดอันฟอลโลว์ดูให้โล่ง อย่ากลัวว่าการทำแบบนี้แล้วจะเป็นการตัดขาดความสัมพันธ์ เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือสุขภาพจิตของเรานี่เอง

“คนละชีวิต คนละต้นทุน คนละมุมที่เอาออกมาโชว์” เลิกเปรียบเทียบได้แล้ว

มนุษย์นั้นแตกต่างหลากหลายเกินกว่าจะจะใช้มาตรวัดใด ๆ มาเป็นเกณฑ์ได้ แม้เราจะรู้ข้อเท็จจริงนี้ แต่เพราะอยู่ในยุคที่เราเห็นความสำเร็จ ความสุข ความสมหวังของคนอื่นง่าย ๆ ผ่านหน้าจอ เราก็คงอดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมในวันที่โลกก็แย่ลงทุกทางแบบนี้ ทำไมคนอื่นเขาก็ยังอยู่ดีมีสุข หรือเป็นเราที่ห่วยเอง?

เพราะยิ่งเทียบก็ยิ่งทุกข์ แถมไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าเสี้ยวมุมที่เราเห็นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของใครต่อใครมากเพียงใด ดังนั้นเลิกเทียบตัวเองกับใคร ๆ เรามีชีวิตของเราที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร

ในวันที่โลกวุ่นวายเรายิ่งต้องการการรักและใจดีกับตัวเองมากขึ้นเป็นเท่าตัว อย่าปล่อยให้การแข่งขันที่ไม่มีอยู่จริงมาทำให้ใจเราแย่ แค่คิดว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไรให้ตัวเองภูมิใจและเก่งขึ้นในรูปแบบของเรานั่นต่างหากคือสิ่งที่เราต้องทำ

กลัวเถอะ จงกลัว เพราะเป็นเรื่องปกติที่จะกลัวเมื่อต้องลองทำอะไรใหม่ ๆ

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ “ความกลัว” ถูกนิยามว่าหมายถึงความอ่อนแอ ความไม่สู้ ในวันที่โลกไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ ขอให้เข้าใจไว้ว่าความกลัวเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใคร ๆ ก็รู้สึกได้ อย่ากังวล หรือจมอยู่กับความเชื่อเดิม ๆ ที่ว่าคนที่ใจแข็งแกร่งต้องไม่กลัว เพราะจิตใจที่แข็งแกร่งคือการที่เรายังกลัว แต่สามารถเผชิญหน้ากับมันและเดินลุยไปได้ไม่ไหวหวั่นต่างหาก

ในสถานการณ์บีบบังคับและเราต้องเอาตัวรอด จากเป็น AE อยู่ดี ๆ อาจต้องมาไลฟ์ขายของ เป็นผู้บริหารอยู่ดี ๆ อาจต้องมาลองลงมือทำงานใหม่ ๆ ที่ปกติไม่ได้ทำ เราทุกคนล้วนแต่กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ ๆ และเราล้วนกลัวมาก กลัวน้อยต่างกันไป ไม่ต้องหยุดกลัว และอย่าคิดว่าความกลัวคือสิ่งไม่ดี แต่เผชิญหน้ากับมันอย่างไรให้เราไม่หยุดที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ นั่นแหละคือความแข็งแกร่งที่เราต้องฝึกให้ได้ในช่วงนี้

“ลองเยอะก็ล้มเยอะ” อย่าหมกมุ่นกับการล้ม แต่มุ่งมั่นกับการลุก

5 ปีที่ผ่านมาชีวิตเราอาจอยู่ในสภาวการณ์ราบรื่น จนแทบไม่เคยกระโจนไปพื้นที่ใหม่ ๆ หรืออยู่ในจุดที่มั่นใจกับขอบเขตงานและชีวิตมากพอจนทำอะไรก็ลุล่วงดังใจ เมื่อโลกพลิกผัน มีบางอย่างเข้ามากวาดล้างสิ่งเดิม ๆ ที่เราเคยทำจนหมด ผลักเราไปสู่พื้นที่ใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนจนรู้สึกราวกับว่าเราล้มเหลวเยอะ ล้มเหลวบ่อย ล้มเหลวมากกว่าที่เคยล้มเหลวมาตลอด 5 ปีก่อนหน้านี้

เราอยากบอกว่าการล้มไม่ได้เป็นตัวบอกว่าเราห่วย การล้มบ่อยในช่วงที่โลกวุ่นวาย อาจหมายความถึงการที่เราลองทำอะไรใหม่ ๆ เยอะมากกว่าช่วงเวลาปกติ จึงทำให้เราล้มเหลว ผิดพลาดมากกว่าเวลาปกติเช่นกัน

สิ่งสำคัญที่จะฝึกให้ใจแกร่งคืออย่าหมกมุ่นหรือให้การล้มมาเป็นตัวตัดสิน ล้มได้ก็ลุกได้ ล้มแล้วอย่าจมกับมัน เรียนรู้และหาวิธีที่จะไม่ล้มแบบเดิม มุมเดิม และพร้อมที่จะลองใหม่ ล้มใหม่ เรียนรู้ใหม่ให้ดีกว่าเดิม

นี่ไม่ใช่โลกใบเดิมที่เราคุ้นชิน ไม่แปลกเลยที่จะเราจะรู้สึกอ่อนแอมากกว่าปกติซึ่งเราก็ยิ่งต้องดูแลหัวใจตัวเองมากกว่าปกติเช่นกัน แม้สุขภาพจิตจะไม่ได้มีวิธีรูปธรรมตายตัวอย่างการออกกำลังกาย แต่ทัศนคติและวิธีที่เราเลือกมองโลกอันวุ่นวายในตอนนี้ก็มีส่วนอย่างมาก

ดังนั้นรักและใจดีกับตัวเองเข้าไว้ แต่หากย่ำแย่จนตัวเองรับไม่ไหวก็อย่ากลัวที่จะบอกคนรอบข้างหรือไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสมที่สุด

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line