Life

MOTIVATHLETE: อเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ ปีแรกใน FORMULA 1 สู่นักแข่งของทีม RED BULL RACING 

By: SPLESS November 15, 2019

ทันทีที่การแข่งขันรถสูตร 1 (Formula 1) สนามที่ 19 ของปีหรือ United States Grand Prix จบลง Lewis Hamilton เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 เพียงพอที่จะทำให้เขาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ให้กับตัวเองและกลายเป็นนักแข่งรถสูตร 1 ที่คว้าแชมป์โลกมากที่สุดอันดับที่ 2 ตลอดกาล เป็นรองแค่ Michael Schumacher (7สมัย) เท่านั้น

skysports

ส่วนคนไทยที่ติดตามวงการรถสูตร 1 คงทราบถึงข่าวดีของนักแข่งสัญชาติไทย-อังกฤษ อย่างอเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ (Alex Albon Ansusinha) ที่ Aston Martin Red Bull Racing ต้นสังกัดยืนยันแล้วว่าเขาจะเป็นหนึ่งในนักแข่งของทีมในการแข่งขัน Formula 1 ปี 2020 ถือเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ทำตามความฝัน คว้าแชมป์โลกการแข่งขันรถสูตร 1

ด้วยวัยเพียง 23 ปีและฤดูกาลนี้ถือเป็นปีแรกของเขาในสังเวียนรถสูตร 1 อะไรที่ทำให้นักแข่งคนนี้รีดศักยภาพของตัวเองออกมาจนกลายเป็นที่ยอมรับ มาย้อนดูเส้นทางการต่อสู้ที่ไม่เคยมีคำว่าง่ายของผู้ชายคนนี้กัน

จุดเริ่มต้นในโลกความเร็วของ AA23

อเล็กซ์ อัลบอนเกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคมปี 1996 ที่กรุงลอนดอน โดยคุณพ่อชาวอังกฤษ ไนเจล อัลบอน อดีตนักแข่งรถและคุณแม่กัญญ์กมล อังศุสิงห์ อเล็กซ์เริ่มต้นเส้นทางความเร็วของเขาด้วยโกคาร์ตตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจและสนับสนุน

ก่อนจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันระหว่างปี 2006-2010 จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ Super 1 Nationnal Honda Championship ปี 2006 (Cadet Class) และคว้าแชมป์ CIK-FIA European Championship – KF3 ในปี 2010 โดยมีผลงานโดดเด่นจนได้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมจูเนียร์ของ Red Bull

kartcom

ต่อมาในปี 2012 อเล็กซ์ อัลบอน มีโอกาสขยับขึ้นมาแข่งรถที่นั่งเดี่ยวในรุ่นความเร็วที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายการ Formula Renault 2.0 แม้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะปรับตัวและเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาได้ จนกระทั่งโชว์ผลงานได้ดีกับทีม KTR ด้วยการคว้าที่ 3 ในอันดับคะแนนรวม ก่อนขยับไปขับในรายการ European Formula 3 ซึ่งจบอันดับที่ 7 รวมถึงคว้ารองแชมป์สำคัญในรายการ GP3 โดยแชมป์คือเพื่อนร่วมวงการรถสูตร 1 ในปัจจุบันอย่าง Charles Leclerc

TheWorldNews

พิสูจน์ตัวเองใน Formula 2 สู่สัญญากับ Scuderia Toro Rosso

ผลงานของเขาถือว่าโดดเด่นในระดับแถวหน้า จนกระทั่งปี 2017 อเล็กซ์ อัลบอนก็ขยับขึ้นมาแข่งในรุ่น Formula 2 กับทีม ART Grand Prix โดยฤดูกาลแรกเขาจบในอันดับที่ 10 ด้วยสกอร์รวม 86 คะแนนถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับปีแรก

ก่อนที่ในปี 2018 จะย้ายมาขับให้ทีม DAMS ซึ่งต้องต่อสู้กับ George Russell และ Lando Norris 2 นักแข่งดาวรุ่งที่คาดว่าจะขยับขึ้นไปขับ Formula1 ในอนาคต(ปัจจุบันทั้ง 3 คนแข่งใน Formula 1 เป็นฤดูกาลแรก)

georgerussell63

ครั้งนี้ตัวเขาต้องรีดความสามารถของตัวเองออกมาในทุกสนาม เพราะทีมของเขาเป็นรองคู่แข่งเรื่องเงินสนับสนุน ซึ่งหมายถึงความเร็วของรถที่เป็นรอง แต่อเล็กซ์ก็พิสูจน์ตัวเอง ด้วยการคว้าชัยชนะมาได้ถึง 4 สนาม คือที่ Baku City Circuit, Hugaroring, Silverstone Circuit และสนาม Sochi Autodrom ช่วยให้เขาจบการแข่งขันปีนั้นในอันดับที่ 3

ผลงานของอเล็กซ์ ไปเตะตาทีม Nissan e.dams ที่เสนอสัญญาให้อเล็กซ์เป็นนักแข่งของทีมในการแข่งขัน Formula E แต่เส้นทางสู่ Formula 1 ของเขาก็มาถึงในเวลาเดียวกัน หลัง Scuderia Toro Rosso ทีมแฝดน้องของ Red Bull Racing ต้องการเซ็นสัญญาให้เขาเป็นนักแข่งของทีมในปี 2019 เช่นกัน และถือเป็นการกลับมาร่วมงานกลับ Red Bull Junior Team ซึ่งจะกลายเป็นเส้นทางสู่ Formula1 ของอเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์

GettyImages

ปีแรกใน Formula 1 และ 9 สนามสุดสำคัญ

ปีแรกใน FIA Formula 1 World Championship อเล็กซ์ อัลบอนในฐานะนักแข่งของทีม Toro Rosso คู่กับ Daniil Kvyat นักแข่งชาวรัสเซีย พวกเขาต่างรู้ดีว่าทีมระดับกลางอย่าง Scuderia Toro Rosso มีเป้าหมายสำคัญคือ ขึ้นไปเบียดแย่งอันดับ 1-10 จากทีมระดับหัวแถวในการแข่งขันในทุกสนาม ในขณะที่ตัวอเล็กซ์ไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งที่ทำหลังจากนี้กำลังจะส่งผลต่อชีวิตเขาในอีก 8 เดือนต่อมา

GettyImages

แม้การเริ่มต้นในสนามแรกของปีกับ Australian Grand Prix ของนักแข่งสัญชาติไทยจะยังโชว์ฟอร์มไม่ดีนัก โดยเข้าเส้นชัยมาเป็นอันดับ 14 ทว่า 2 สนามต่อมาที่บาห์เรนและจีน เขาก็โชว์ฟอร์มเยี่ยมด้วยการคว้าอันดับ 9 และ 10 มาได้ ถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจ เมื่อเทียบกับประสบการณ์ปีแรกใน Formula1 หลังจากนั้นอเล็กซ์ก็คว้าอันดับ 8 ที่ Monaco Grand Prix ก่อนจะต้องถอนตัวในสนามที่แคนาดา

ถึงจะมีช่วงที่ไม่สามารถเบียดขึ้นไปอยู่ใน 10 อันดับแรกได้พักหนึ่ง แต่อเล็กซ์ก็กลับมาโชว์ฟอร์มดุดันอีกครั้งด้วยการคว้าอันดับ 6 ใน German Grand Prix ก่อนจะคว้าอันดับ 10 ใน Hungarian Grand Prix กลายเป็นผลงานในครึ่งฤดูกาลแรกที่ประทับใจต้นสังกัดพอสมควร

GettyImages

ขณะเดียวกันทีมแฝดพี่ที่หมุนเวียนนักแข่งกันได้อย่าง Red Bull Racing กำลังมีปัญหากับฟอร์มการขับที่ไม่คงเส้นคงวาของ Pierre Gasly ที่เพิ่งย้ายไปแทนที่ว่างของ Daniel Ricciardo พอดี และผลงานของอเล็กซ์ อัลบอน ก็เข้าตาบอสใหญ่ของ Red Bull Racing อย่าง Christian Horner

จึงมีประกาศสลับนักแข่งระหว่าง 2 ทีม โดยพวกเขาให้โอกาสอเล็กซ์ขึ้นมาแสดงฝีมือกับทีมชุดใหญ่ นั่นทำให้การแข่งขัน 9 สนามสุดท้ายของปี 2019 จะเป็นตัวชี้วัดว่าฝีมือของอเล็กซ์ อัลบอน ดีพอจะได้ไปต่อกับทีมใหญ่ของวงการหรือไม่ เพราะนี่คือตำแหน่งที่นักแข่งหลายคนในวงการ โดยเฉพาะเพื่อนนักแข่งร่วมค่ายทั้ง Pierre Gasly และ Daniil Kvyat ก็มีลุ้นเช่นกันถ้าทำผลงานได้ดี

AA23  ‘Attacking Style’

GettyImages

การแข่งขันแรกในฐานะนักแข่งของทีม Aston Martin Red Bull Racing ของอเล็กซ์ อัลบอน คือ Belgian Grand Prix โดยรอบคัดเลือกแม้เขาจะทำเวลาได้ไม่ดีจนต้องออกสตาร์ตในอันดับที่ 17 แต่ในวันแข่งจริงเจ้าตัวก็ใช้ความอดทนบวกกับสไตล์การขับขี่แบบ Attacking ไล่แซงคู่แข่งทีละคัน

จนครบ 44 รอบของการแข่งขัน อเล็กซ์ อัลบอนเข้าเส้นชัยมาในอันดับ 5 คว้า 10 คะแนนสำคัญให้กับทีม เพราะเพื่อนร่วมทีมอย่าง Max Verstappen ต้องออกจากการแข่งขันไปด้วยอุบัติเหตุ

GettyImages

สนามต่อมาของนักแข่งชาวไทยคือ Italian Grand Prix และ Singapore Grand Prix ซึ่งอเล็กซ์ ยังคงทำผลงานคงเส้นคงวาด้วยการคว้าอันดับที่ 6 จากทั้ง 2 สนาม ก่อนจะโชว์ฝีมือให้ได้เห็นอีกครั้งใน Russian Grand Prix หลังประสบอุบัติเหตุในรอบคัดเลือกจนถูกปรับให้ออกสตาร์ตจาก Pit Lane แต่ก็ใช้ความอดทน รอจังหวะแซงคู่แข่งทีละคันจนจบในอันดับ 5 ได้อีกครั้ง

เดินทางเข้าสู่เดือนตุลาคม ณ Japanese Gran Prix 2019 ที่มาพร้อมกับไต้ฝุ่นฮากิบิสที่เข้าถล่มญี่ปุ่นในขณะนั้น แต่การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป เพราะสภาพอากาศไม่ส่งผลต่อการจัดการแข่งขัน ในสนามนี้อเล็กซ์ ทำเวลาในรอบคัดเลือกเข้ามาเป็นอันดับ 6 ก่อนโชว์ฝีมือการขับเกาะกลุ่มหัวตารางเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ถือเป็นอันดับสูงสุดในฐานะนักแข่งรถสูตร 1 ของเขา ณ ตอนนี้

ตัวอย่างรถสูตร 1 ของการแข่งขันในปี 2020 ภาพจาก F1.com

2 สนามต่อมาใน Mexican Grand Prix และ United States Grand Prix นักแข่งวัย 23 ปียังคงรักษามาตรฐานการขับของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง โดยคว้าอันดับที่ 5 จากทั้ง 2 สนาม ท่ามกลางข่าวเรื่องรถรุ่นใหม่ที่จะใช้ในการแข่งขันของปี 2020 รวมถึงตำแหน่งนักแข่งที่ยังว่างอยู่ของ Red Bull Racing ที่ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ

Aston Martin Red Bull Racing F1 Driver  

จนกระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 12 พฤศจิกายน Christian Horner หัวหน้าทีมของ Aston Martin Red Bull Racing ประกาศว่าอเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ จะเป็นนักแข่งหลักของทีมในปี 2020 คู่กับ Max Verstappen โดยใจความหนึ่งจากบอสใหญ่ของค่ายกระทิงพูดเอาไว้ว่า อเล็กซ์ อัลบอนสร้างชื่อเสียงของตัวเองขึ้นมาด้วยการเป็นนักแข่งที่มีความมุ่งมั่นและอดทนในแต่ละการแข่งขัน และเขาพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่าสมควรได้ไปต่อกับเราในฤดูกาล 2020”

ทางด้านอเล็กซ์ อัลบอนเมื่อทราบเรื่อง ก็โพสต์อินสตาแกรมแสดงความยินดีว่า ถือเป็นความภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นนักแข่งของทีม Red Bull Racing ในปี 2020 และนี่จะเป็นช่วงเวลา 12 เดือนที่มหัศจรรย์ของผม ผมตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมทีมกับ Max Verstappen ในปีหน้า ต้องขอบคุณ Red Bull ที่เชื่อในผลงานที่ผ่านมา”

มันคือจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อพวกเขาโทรมาบอกตอนช่วงกลางฤดูกาลว่าต้องการให้ผมขยับขึ้นมาขับให้ทีมชุดใหญ่ ผมเองก็ใช้เวลาทั้งหมดในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ และการแข่งขันที่เหลือผมจะพัฒนาฝีมือตัวเองเพื่อให้พร้อมสำหรับฤดูกาลหน้าที่กำลังจะมาถึง”

GettyImages

ความมุ่งมั่น การพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อบวกเข้ากับฝีมือการขับที่แข็งแรงดุดัน ทั้งหมดทำให้ชื่อของอเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ เข้ามาอยู่ใน 1 จาก 20 รายชื่อที่มีเพียงยอดนักแข่งในโลกเท่านั้นที่จะเข้ามายืน และถึงแม้เส้นทางการคว้าแชมป์โลกรถสูตร 1 ของตัวเขาจะยังอีกยาวไกล เพราะนอกจากต้องปรับตัวเข้ากับรถคันใหม่ของปีหน้าแล้ว ก็ยังต้องขับเคี่ยวกับยอดฝีมือมากมายยืนขวางทางอยู่

แต่ไม่ว่าผลงานจะออกมาเป็นยังไง เราก็เชื่อว่าการแข่ง Formula1 ในปี 2020 แฟน ๆ ชาวไทยจะได้ติดตามลุ้นไปกับรถหมายเลข #23 ของ Red Bull Racing รวมถึงให้กำลังใจนักแข่งที่ไม่เคยหยุดพยายามคนนี้ไปตลอดทั้งปี ครบทั้ง 20 สนามแน่นอน

GettyImages

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line