CARS

“ล้าน NSX” พาเปิดกรุ ชม 1 ใน 4 มหาราชา ‘HONDA NSX’ ที่สาวกรถ JDM ยกให้เป็นที่สุดในรุ่นของรถซิ่งปี 90

By: HYENA February 3, 2021

เรียกได้ว่ากระแสรถซิ่งยุค 90 นั้นกำลังมาแรงสุด ๆ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเรา แต่ต้องบอกว่ามันบูมไปทั่วโลก เห็นได้ชัดจากราคาที่หลายคนจะต้องร้องโอ้โห เพราะในรถบางคันบางรุ่นที่เป็นตำนานจริง ๆ นั้น ราคามันกระโดดขึ้นไปอยู่สูงกว่า Supercar มือ 1 รุ่นใหม่ ๆ ซะอีก 

แน่นอนว่า ด้วยราคา และเสน่ห์ของมันทำให้ทั้งนักสะสมรถ และนักลงทุนตาลุกวาว และในบทความนี้เราจะมาพูดถึงของสะสมของคนรักรถ ที่น้อยคนนักจะไปได้สุดทางแบบนี้ กับนักสะสม JDM Car หรือ JAPAN DOMESTIC MARKET ที่จะมานั่งคุยกัน รับรองว่าจะต้องถูกใจนักซิ่งยุค 90 อย่างแน่นอน เพราะนอกจากเราจะพาทุกคนไปดูรถซิ่ง JDM ยุค 90 ที่มีอยู่หลายคันแล้ว เราจะพูดเจาะลึกถึงรถอีกคันที่ถูกยกขึ้นหิ้งให้เป็นตำนาน และเป็น 1ใน 4 ราชา แห่งวงการรถ JDM 90 ซึ่งจะเป็นคันอื่นไปไม่ได้ นอกจาก ‘Honda NSX’  กับ ‘คุณล้าน ศักดิ์ชาย เกรียงสมุทร’ หรือ ‘ล้าน NSX’ ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการครอบครอง NSX และ JDM Car มาแล้วนับไม่ถ้วนกันในคอลัมน์ Motor Madness แห่งนี้

ก่อนอื่นเชื่อว่าคงมีหลายคนสงสัยเหมือนกันว่า อะไรที่ทำให้รถปีลึก ๆ เหล่านั้น กลับมาได้รับความนิยมในหมู่คนรักรถกันนักวันนี้พี่ล้านจะมาไขข้อข้องใจเปิดมุมมองใหม่จากรถเก่า เล่าสตอรี่หลักของคนรักรถญี่ปุ่นขนานแท้ให้ได้ฟังกัน

“ด้วยกระแสการแต่งรถที่มันย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ของแต่งจากยุคก่อน พวกชุดพาร์ท ชุดแต่งล้อแม็กซ์ ชุดเบรก มันถือเป็นการแต่ง เพราะรถ Standard ยุคนั้นมันเยอะ แต่ตอนนี้แทบจะหาไม่ได้แล้ว ยิ่งสภาพเดิม ๆ โรงงานนี่แทบไม่ต้องพูดถึง”

แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะดูเหมือนว่านอกจากจะหารถปีลึก ๆ มาได้นั้นยังห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ เพราะในตอนนี้ที่เขาเล่นกัน ถ้าเจ๋งจริงสภาพเดิม ๆ ยิ่งถ้าไม่ตกแต่งอะไรมาเลย เหมือนกับออกจากโรงงานมากที่สุดนี่ยิ่งเจ๋งขึ้นไปอีก

“เหมือนมันผ่านกาลเวลามา ราวกับได้ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ผมเลยมองว่า เสน่ห์ของรถ Standard เดิม ๆ จากโรงงานมันเป็นอะไรที่แปลกตา มันเรียกเสียงฮือฮาได้ เพราะอย่างที่บอกว่าช่วงที่รถมันยังเยอะอยู่ ใครออกรถมาก็แต่งกันใส่กันเต็มที่ คราวนี้การเวลามันผ่านไปกลายเป็นมีแต่รถแต่ง แต่สมัยนี้คนเห็นอะไรที่แตกต่างเยอะมากไป คราวนี้ คนเลยต้องการอะไรที่มันคลาสสิกบ้างแล้ว เพราะมันเป็นของหายาก”

คุณล้านค่อย ๆ บรรยายความรู้สึกต่อรถคลาสสิคสมัยก่อนว่า กลิ่นอายความเก๋าของมัน เริ่มเป็นที่สนใจจากหมู่นักสะสมรถในยุคนี้มากขึ้น ราวกับว่ายุคสมัยของคนรักรถ 90 กำลังจะกลับมายังไงอย่างงั้น ซึ่งนอกจากเราจะได้หน้าตาหล่อเหลาแบบเดิม ๆ โดยไม่ผ่านการแต่งใด ๆ มาแล้วจากชายคนนี้ เขายังบอกเราอีกว่า มูลค่าของรถ Standard เหล่านี้ นับวันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะชุดอะไหล่เดิมไม่มีผลิตแล้ว มันเลยกลายเป็นของหายากที่ทุกคนตามหานั่นเอง

“อย่างของเดิม ๆ ที่เจอมาแพง ๆ เลย ก็เป็นพวกไฟตระกูล Skyline หรือพวกกันชน กับไฟหน้านี่แหละ ของพวกนี้อะแพง คิ้วกระจกรอบคันของ Nissan R32 เมื่อก่อน อยู่ที่หลักหมื่น แต่ถ้าตอนนี้ขอเบิกใหม่ มีแสนขึ้นแน่นอน เพราะเขาสั่งไลน์ผลิตใหม่ตลอด บอกเลยว่าพาร์ทของ Standard เนี่ย ขึ้นราคาเกือบทุกปี” คุณล้านอธิบายให้เห็นว่า รถยิ่งเก๋า ค่าตัวก็ยิ่งแพงตามอายุจริง ๆ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าการจะทำให้รถคันหนึ่งกลับมาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดใกล้เคียงกับตอนที่ออกจากโรงงานมากที่สุดนั้น ถ้าในวงการยานยนต์ส่วนใหญ่มักจะใช้คำว่า ‘Restore’ ซึ่งการ ‘Restore’ เนี่ยมันก็มีการแบ่งออกไปตามแนวทางของแต่ละคนอีก ซึ่งเรื่องนี้เราต้องให้ผู้รู้อย่างคุณล้านช่วยเล่าให้ฟัง

“ตอนนี้ที่ Restore กันหลัก ๆ เลย คือต้องการให้รถกลับมาเป็น Standard กัน ส่วนใหญ่จะ Restore พวกชุดแต่งหรือของแต่ง เพื่อให้มันกลับมาในยุคของมันเอง มันก็จะมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ แต่งให้กลับมาเป็น Original เดิม ๆ เลย กับ พวกของแต่งตรงยุคหรือยุคที่มันเกิดนั่นแหละ ถ้าเกิด 90 ของแต่งก็จะเป็นของ 90 ทั้งหมด มันก็จะเริ่มเป็นของแต่งที่หายากแล้ว พวกอะไหล่ล็อตหลังที่ผลิตมาก็จะขายยาก เพราะเขาเล่นกันเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้า Restore แท้ ๆ เขากันเล่นกันแค่ 2 กลุ่มนี่แหละ” คุณล้านเริ่มอธิบายถึงรสนิยมคนชอบ Restore รถในยุคนี้ให้ฟัง

จะว่าไปแล้วทั้งอะไหล่ทั้งรถเท่าที่ฟังมานับเป็นของที่หายากยิ่งเลยทีเดียว เราจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วปกติเวลาเขา Restore รถเก่ากัน เขาใช้เวลานานขนาดไหน แล้วเคยเจอสภาพแย่สุดที่ทำการ Restore เนี่ยอาการหนักขนาดไหนกัน

“โดยรวมนานที่สุดก็เกือบ 2 ปีนะครับ ในมุมของผมคือนานนะ แต่คือการ Restore มันมีปัจจัยหลายอย่าง มีขึ้นอยู่กับอู่สีบ้าง แต่ในทางของผมจะเป็นภายในกับเครื่องและพวกช่วงล่างมากกว่า คือ Pattern แต่ละครั้งกับระยะเวลาการทำ มันขึ้นอยู่กับอู่สี อู่สีอาจจะทำปีนึงก็ได้ แล้วกว่าจะหาอะไหล่ได้ ตัวไหนไม่มี เราก็ต้องหาอะไหลเก่าสภาพดีมาใช้แทนครับ”

หลังจากที่เราได้รู้เรื่องราวของการ Restore รถ กันไปประมาณนึงแล้ว ตอนนี้เรามาพูดถึงตัวคุณล้านกันบ้างดีกว่า อย่างที่คนในวงการรถบ้านเรารู้กันว่า คุณล้านจะถูกคนในวงการเรียกว่า ‘ล้าน NSX’ อยากรู้คุณล้านไปทำอีท่าไหน และทำไมถึงมีชื่อรุ่นรถในตำนานของ Honda มาต่อท้ายได้

“ย้อนไปเมื่อก่อน คือแต่ก่อนผมเล่นรถทุกรุ่นอยู่แล้วแหละ แต่พักหลังได้มาจับ NSX แล้วก็ได้รวมกลุ่มกับรุ่นพี่ที่เล่นเหมือนกัน กลายเป็นกลุ่ม NSX Thailand ตอนแรก ๆ ก็มีแค่ 4 คันเอง พอเล่นไปเรื่อย ๆ เราเริ่มติดใจ ด้วยรูปทรง ด้วยการใช้งาน โดยส่วนตัวตอนผมทำรถ ผมจะดึงเอง จับเอง รื้อเองทุกอย่างอยู่แล้ว ก็เลยจะรู้ว่ารถรุ่นนี้มันมีเอกลักษณ์อะไรบ้าง ก็เลยเริ่มศึกษาในรถ NSX ตั้งแต่ตอนนั้น”

คุณล้านเล่าย้อนกลับไปตอนที่ได้ฉายา ล้าน NSX มา พร้อมอธิบายความเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ให้เราฟัง ซึ่งสรุปได้อย่างง่าย ๆ เลยก็คือในยุคนั้น ไม่มีรถรุ่นไหนที่จะเทพไปกว่า Honda NSX อีกแล้ว และความจริงในยุคนั้นต้องบอกเลยว่า Honda NSX เป็นรถจากประเทศญี่ปุ่นที่ออกมาสะเทือนวงการยานยนต์ไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แล้วสำหรับคุณล้าน อะไรคือความประทับใจที่มีต่อ Honda NSX

“เราชอบในเรื่องราวของมัน เทคโนโลยีที่เขาได้ใส่เข้าไป ก็เลยชอบมาศึกษา เลยได้มาทำตรงนี้ คือ สำหรับเราพูดง่าย ๆ คือ ถ้ามีใครพูดถึง NSX ในยุค 90 ตอนนั้นนะ มันน่าจะเป็นแบรนด์ที่สูงที่สุดแล้ว ในตระกูลรถญี่ปุ่นยุคของในตอนนั้นนะ มันเจ๋งที่สุดแล้ว แล้วเราก็มีโอกาสได้ครอบครอง และทำ Honda NSX ผ่านมือมาจนเรียกได้ว่าเราก็รู้จักมันดีพอสมควร”

เรียกว่าฉายาที่ได้มาคือได้มาเพราะความ ‘เก๋า’ ล้วน ๆ กับความหลงใหลที่เทกับให้กับ Honda NSX หมดใจ จึงไม่แปลกที่คุณล้านได้ฉายานี้มาครอบครอง แล้วสำหรับรายละเอียดของ Honda NSX ที่น่าสนใจมันมีอะไรบ้าง เพราะเราเชื่อว่าแฟน ๆ รถ JDM ก็อยากรู้ข้อมูลรถรุ่นนี้อยู่เหมือนกัน พี่ล้านช่วยเล่ารายละเอียดต่างของ Honda NSX ให้เราฟังกันสักหน่อย

“สำหรับ Honda NSX นะครับ เริ่มจำหน่ายและเริ่มผลิตในปี 92 โดย Honda เขาเปิดตัวเพื่อแข่งกับ Ferrari ในยุคนั้น โดยรวมคือเป็นรถ Class-C ตัวถังเป็นอลูมิเนียมเกือบ 90% เป็นรถญี่ปุ่นยุคแรกเลยที่ผลิตจากอลูมิเนียม ก็เลยตื่นตาตื่นใจมากในยุคที่เริ่มผลิต เพราะเป็นรถที่ Honda ใส่เทคโนโลยีเข้ามาทั้งหมดที่มี โดยหวังว่าจะมีโปรเจ็กต์รถสปอร์ตแข่งกับพวกซูเปอร์คาร์ในยุโรป ก็เลยเกิดเป็น Honda NSX ขึ้นมาครับ”

“โดยส่วนตัวผมเคยขับรถสปอร์ตญี่ปุ่นมาเกือบหมดแล้ว ผมชอบตัว RX7 มาก่อน ผมเกิดจาก Mazda RX-7 FD3S ทุกคนที่ขับคันนี้จะรู้ว่าจุดด้อยของมันคือ เมื่อความเร็วสูง รถมันจะร่อน แต่สำหรับ Honda NSX รถมันจะนิ่งและเสถียรกว่าในความเร็วที่เท่ากัน แถมช่วงล่างเป็นอลูมิเนียมหมด ด้วยตัวรถที่เบาและเครื่องวางกลาง ในส่วนของการเข้าโค้งก็เลยจะดีกว่า แล้วเครื่องยนต์ของเขา ผมกล้าพูดเลยว่า Honda NSX มันทนมาก ๆ เพราะหลายตัวในยุคนั้น มีตัวเครื่องที่ค่อนข้างเปราะ พังง่าย แต่กับ NSX มันต่างกันเลย เขาใส่อะไรลงไปเยอะ ตัวเครื่องเขายังใช้ก้านไทเทเนียมเลย เป็นรุ่นแรกที่ทำแบบนี้อีกเหมือนกัน ถึงตัวเครื่องจะมีกำลังน้อยกว่าบางรุ่น เพราะซีซีน้อยกว่า แต่น้ำหนักตัวที่เบา ก็ทำให้มันสู้รุ่นอื่นได้สบาย” 

Fact: Honda NSX เป็นรถยนต์คันแรก ๆ ของโลกที่มีตัวถังเป็นอลูมิเนียม โดยนำไอเดียมาจากรถไฟชิน Shikansen หรือ ‘รถไฟหัวกระสุน’ เพื่อปรับสมดุลน้ำหนักของรถให้เบาลงและเพิ่มอัตราเร่งได้มากขึ้นนั่นเอง

 

ถ้าหากใครเป็นแฟน Honda ก็คงจะพอรู้ว่ารถตัวแรงของ Honda นั้นจะมีรุ่นย่อยออกไปอีกยกตัวอย่างเช่นรุ่นที่เป็น Type R แล้วสำหรับ Honda NSX นั้น มีการแบ่งรุ่นย่อยแบบนั้นรึเปล่า

“NSX มีตัวธรรมดา แล้วก็มีตัว Type R , Type S แล้วก็ตัว Targa ในยุคแรกที่ผมซื้อในบ้านเรานะ ราคาไม่เกินสองล้าน แล้วผมก็อยู่กับมันมานาน ก็เลยรู้ราคาขึ้นลงของมัน จากสองล้านไปสาม ไปสี่ ไปห้า ผมเคยคิดว่ามันจะหยุดที่สี่ล้าน แต่ด้วยความต้องการของคนที่มาก แต่รถน้อย และกลุ่มคนที่เขามี Ferrari มี Porsche อยู่แล้ว ถ้าเขาจะลงมาเล่นรถญี่ปุ่น เขาจะมอง NSX เป็นตัวแรกเลย ด้วยรูปทรงกับ Pop Up ของมันนี่แหละ”

สำหรับคุณล้านคิดว่าจริงมั้ย ที่เขาว่ากันว่า Honda NSX เป็น “Ferrari of Japan” สำหรับเรื่องนี้สำหรับคุณล้านที่เคยสัมผัสมาแล้วทั้ง Honda NSX ทั้ง Ferrari อยากให้ช่วยขยายความคำนิยามนี้ให้เรากันสักหน่อย

“ญี่ปุ่นเขาต้องการออกแบบมาเพื่อแข่งกับ Ferrari ผมพูดตรง ๆ เลย แล้วด้วยเทคโนโลยีที่เขาใส่เข้าไป กับรูปทรงแบบนั้น คือ ลองเทียบกับ Ferrari 355 กับ 348 ที่มันจะเป็น Pop Up หน้าตาก็จะใกล้เคียงกัน คือในยุค 90 มันเป็นยุคเฟื่องฟูของไฟ Pop Up รถยุคนั้นเป็นยุคเดียวที่เป็นแบบนี้ พอตอนหลังก็จะโดนเรื่องกฎอะไรต่าง ๆ ก็เลยใช้ไม่ได้แล้ว”

“แต่รถญี่ปุ่นมันเด่นเรื่อง Maintenance อยู่แล้ว มันเข้าถึงง่าย จับต้องได้ เราสามารถคลุกคลีกับมันได้ สำหรับผมพวก Ferrari กับ Porsche ค่อนข้างใหม่สำหรับผมนะ เลยต้องศึกษาต้องใช้เวลา แต่สำหรับรถญี่ปุ่นมันตรงคาแร็กเตอร์ของผมมากกว่า เพราะผมโตมาในยุคนั้น เลยจะซึมซับมากกว่าทางฝั่งยุโรป”

เมื่อเราพอได้รู้เรื่องราวของ Honda NSX กันไปพอสมควรแล้ว ตอนนี้เรากลับมาที่เรื่องราวของตลาดรถ JDM ยุค 90 กันบ้างดีกว่า เพราะจากที่เราได้หาข้อมูลมาต้องบอกเลยว่าเป็นตลาดที่ ‘โคตรเดือด’ ทั้งวิธีการหารถ หาอะไหล่ หาของแต่ง แล้วคุณล้านมีช่องทางอย่างไรในการหารถ ปั้นรถ แต่งรถพวกนี้ แล้วมูลค่ามันไปไกลขนาดไหนแล้ว

“Junk ที่ญี่ปุ่น เมื่อก่อน ก่อนที่จะมีการประมูลใน Yahoo! เชียงกงคนไทยก็จะขึ้นไปหารถจาก Junk ที่มีคนมานำเสนอ พวกรถชน รถที่ประสบอุบัติเหตุ เขาจะมีคนไปซื้อ แล้วเขาจะมาถาม Junk ว่าจะตัดไหมอะไรยังไง อันนี้เมื่อก่อนราคาถูกมาก แล้วแต่เราจะให้ แต่เดี๋ยวนี้ เจอรถชนมา ดันเข้าลานประมูลหมด มันทำให้เกิดการแข่งขันสูง บางอย่างเขาก็ถอดแยกชิ้นขายบ้างก็มี ของก็เลยหายาก ยิ่งเป็นรถ 90 พวกรถ Skyline , NSX พวกเนี้ย ถูกดันเข้าลานประมูลหมด แล้วราคาแพงกว่ารถออกใหม่สมัยนั้นเป็นเท่าตัวด้วย เพราะกระแสมันมาแรงจริง ๆ และต่างชาติเขาต้องการพวก JDM Car 90 จ๋า ๆ แล้วคือ ฝั่งอเมริกาเขาซื้อเยอะมากเลย ราคามันเลยโดดมาก ๆ”

หลายคนอาจจะมีคำถามว่า ในเมื่อราคารถเก่าแบบนี้มันแสนจะแพง ทำไม่ซื้อรถใหม่ไปเลยให้มันจบ ๆ แน่นอนว่าคงไม่มีใครจะตอบคำถามนี้ได้ดีเท่ากับคุณล้านอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่นบางคนเลือกที่จะซื้อ GTR มากกว่า แต่สำหรับพี่ล้านกลับเลือกมองว่า Skyline R 32 ถูกใจกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น หรือว่าจริง ๆ แล้ว คนที่ชอบรถยุค 90 จะดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้สนใจเทคโนโลยี

“มันมีความแตกต่างกันนะ ระหว่าง ‘รถเดิม ๆ ‘ กับ ‘รถรุ่นเดิมแต่ทำเป็นปีใหม่’ ขึ้นมา ในมุมมองของผม รถปีเก่า 90 เขาใส่เทคโนโลยีทุกอย่างเข้ามาเยอะ อย่างการออกแบบ ตัวเครื่องต่าง ๆ เขาจะใส่แบบเต็มที่ แต่รถยุคใหม่ มันเป็นการผสมผสานระหว่างหลายบริษัท มันเป็นการร่วมทุนด้านการตลาด เลยทำให้เสน่ห์ของรถรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่มันต่างกัน ยุคเก่านี่คือ JDM ของแท้ 100% แต่ยุคใหม่มันเหมือนเป็นลูกครึ่งที่ใช้สำหรับการตลาดมากกว่า ทำให้เสน่ห์หายไป พักหลังลองสังเกตสิว่าทำไมการออกแบบมันถึงไปทางยุโรป ไม่ใช่ JDM แท้ ๆ ละ เพราะบริษัทควบกับที่อื่นซะเยอะ เลยกลายเป็นว่าเสน่ห์และความขลังของมันไม่เหมือนเดิม ทำให้ JDM แท้มันมีมูลค่าขึ้นมา เพราะรถรุ่นใหม่ไม่สามารถทำให้มันมีเสน่ห์แบบรุ่นเก่า ๆ ได้”

ในฐานะที่คุณล้านมีประสบการณ์มายาวนาน ทั้งหารถเอง ทำรถเอง ขับเอง มีอะไรที่พอจะแนะนำคนที่อยากจะเล่นรถ JDM 90 ที่กำลังจะเริ่มบ้างมั้ย อย่างเช่นว่าจะตัดสินใจเล่นรุ่นไหนดี

“ต้องถามว่า ชอบรุ่นไหนเป็นพิเศษ คือ ต้องถามตัวเองก่อนว่า เราเห็นรถ JDM ญี่ปุ่นคันไหนแล้วเราชอบ และต้องถามว่าเล่นตามใจตัวเองหรือเล่นตามกระแส ผมว่าทุกคนมันจะมีเรื่องฝังใจกับรถแต่ละรุ่นอะ อย่างผมฝังใจกับ RX-7 ในอดีต เราอยากได้มันมาครอบครอง มันเลยฝังใจ อันนั้นก็คือ เป็นรถที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับเรา”

“อยากให้คนที่สนใจลองศึกษาข้อมูลเยอะ ๆ เราต้องดูว่ารถคันนี้มันสามารถหาอะไหล่ได้ไหม การทำยากไหม จุดอ่อน-จุดเด่นคืออะไร  เราก็จะโฟกัสกับแค่ตัวนี้ ไม่ใช่แค่อยากเล่นตามเขา เล่นตามกระแส พอเราไม่ได้อินกับมันจริง ๆ เราก็จะเบื่อ แล้วก็ไปไม่สุด จนกลายเป็นการลงทุนที่เสียเปล่า”

สุดท้ายอยากให้คุณล้านช่วยฝากถึงสาวก JDM 90 สักนิด ว่าจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจอะไรบ้างในการเป็นเจ้าของรถเหล่านี้

“สำหรับน้อง ๆ หรือเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่สนใจอยากจะมาเล่นรถ JDM ญี่ปุ่นยุค 90 นะครับ ณ ตอนนี้ ผมว่าถ้าเริ่มต้นมันเริ่มได้ แต่ราคาตัวรถมันค่อนข้างแรง ราคามันมาทุกตัวเลย ตอนนี้รถญี่ปุ่นแทบทุกตัว แทบทุกยี่ห้อ ราคาขึ้นหมดเลย มากน้อยแล้วแต่ตัวรถ แล้วก็เรื่องอะไหล่ค่อนข้างจะแพง โดยรวมถ้าให้ผมแนะนำนะ ซื้อรถสำเร็จเลยก็จะเบาหน่อย แต่ถ้าอยากเป็นสาย Restore ให้เราไปหาข้อมูลเยอะ ๆ เช็คว่าอะไหล่ยังพอมีเบิกไหม ตัวเก่า ๆ ยังหาได้ในราคานี้ไหม เพราะบางรุ่นมันแพงขึ้นมากแล้วก็หายากด้วย”

“คือมันไม่ได้ผลิตที่ประเทศไทย ของมันมาจากทั่วโลก ตอนนี้ของ 90 กำลังราคาขึ้นและหายากมาก เพราะฝั่งอเมริกากับฝั่งยุโรปเขาเล่นกัน แล้วเล่นหนักด้วย ฝั่งนู้นกำลังซื้อเขาก็มากกว่าเรา แถมตอนนี้ที่ญี่ปุ่นก็ไม่มีของด้วย พอมีมาชิ้นสองชิ้น ก็เข้าลานประมูลหมด ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราได้จาก Junk ก็จะยังมีของถูกบ้าง แต่ตอนนี้เราเลยเหมือนกำลังแข่งกับต่างชาติ เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราจะซื้อมาเก็งกำไรหรือจะซื้อมาเก็บ ถ้าจะเล่นก็อยากให้ศึกษาเยอะ ๆ”

เชื่อว่าสำหรับการพูดคุยกับคุณล้าน NSX ใน Motor Madness วันนี้คงจะให้ความรู้ และเผยให้เห็นมุมมองของคนในวงการรถ JDM 90 ว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงได้หลงใหล และเห็นคุณค่ารถปีลึกเหล่านี้ให้หลายคนได้หายสงสัยกัน นอกจากนี้เชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ คนที่กำลังจะเข้าสู่วงการรถ JDM ได้แนวทาง และแรงบันดาลใจในเส้นทางนี้กันแบบเต็มอิ่มพอนะครับ สำหรับ Motor Madness ครั้งหน้าเราจะพาไปดูอะไรเจ๋ง ๆ หรือหากมีใครอยากให้เราพาไปดู หรืออยากรู้เรื่องอะไรก็สามารถบอกกันเข้ามาได้เลยนะครับ

 

PHOTOGRAPHER: Krittapas Suttikittibuth

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line