Films

ถอดบทเรียนชีวิต “น้าค่อม” ตำนานตลกผู้จากไป ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะ น้ำตา และความเป็นมืออาชีพ

By: unlockmen April 30, 2021

ในห้วงเวลานี้ คงไม่มีข่าวไหนที่ช็อคและเสียใจไปกว่าการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ ตลกอารมณ์ดี ผู้สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาอย่างยาวนานของ อาคม ปรีดากุล หรือที่คนไทยทั้งประเทศรู้จักเขาในนาม “น้าค่อม ชวนชื่น”

 

 

นอกจากมรดกทางเสียงหัวเราะ ทั้งจากคลิปตลกสมัยที่แกเล่นตามคาเฟ่ ในนาม น้าเหยิน ชวนชื่น ก่อนจะสร้างเสียงฮาในฐานะตลกขโมยซีนที่ไม่ว่าแกไปเจิมเรื่องไหน เรื่องนั้นจะดังเปรี้ยงอย่างแน่นอน ตั้งแต่หนังตลกระดับบล็อกบัสเตอร์ 7 ประจัญบาน / ผีหัวขาด / แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า / โกยเถอะโยม / 32 ธันวา / น้ำ ผีนองสยองขวัญ / อีเรียมซิ่ง ไปจนถึงหนังอินดี้ของเต๋อ นวพล อย่าง Die Tomorrow หรือรายการทีวีที่สร้างชื่ออย่าง บริษัทฮาไม่จำกัด / ก็มาดิคร้าบ ที่สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ รวมไปถึงวลีเด็ดอย่าง “ไอ้สัส!!!” คำด่าที่เหมือนรับพร และคงมีเพียงคนเดียวในประเทศไทยที่ให้พรแบบนี้ได้

สิ่งที่ทำให้น้าค่อม ทิ้งเอาไว้ให้โลกได้จดจำ คือความเป็นมืออาชีพ และการทำงานระดับอัจฉริยะ ที่เราอยากเสนออีกแง่มุมหนึ่ง เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีที่น้าค่อมได้มอบเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลังอีกด้วย

และนี่คือคุณสมบัติ 5 ประการ ที่น้าค่อม มอบไว้ให้กับคนรุ่นหลัง

1. อ่านหนังสือไม่ออก ไม่ใช่อุปสรรคของชีวิต

น้าค่อม เกิดมาในพื้นฐานครอบครัวที่ยากจน ปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็ก จนสุดท้ายต้องออกจากการเรียนหลังจากศึกษาแค่ป. 1 เพื่อไปทำมาหากินเลี้ยงชีพตั้งแต่เยาว์วัย จนได้รับงานอยู่ในคณะลิเกในฐานะตัวโจ๊ก และได้เข้าแสดงในคณะตลกคณะชวนชื่น

น้าค่อมไม่เคยปิดบังการไม่รู้หนังสือของแกเลย แต่พรสวรรค์ที่แกมีคือการจดจำที่แม่นยำ ทีมงานบอกบทเพียงครั้งเดียว แกจะจัดการแสดงบทบาทของตนอย่างลื่นไหล หลายครั้งที่การแสดงล้วนมาจากการด้นสดด้วยประสบการณ์อันยาวนานของแก ไม่เคยมีครั้งไหนที่การแสดงนอกบทจะเป็นภาระให้กับการถ่ายทำ ตรงกันข้าม การด้นสดที่เพิ่มเข้ามานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบทบาทที่ช่วยเสริมส่งสีสันและมิติให้กับตัวละครนั้น ๆ ไม่ใช่เพียงมุกตลกเลื่อนลอยที่ผ่านมาแล้วก็จากไป จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวและเหตุผลที่ผู้สร้างมักจะเลือกน้าค่อมมาเจิมการแสดง แม้แกจะโผล่มาเพียงฉากเดียวก็ตาม

2. ความมีวินัย และการตรงต่อเวลาในการทำงาน

ในการถ่ายทำที่เวลาล้วนเป็นเงินเป็นทอง เมื่อใดที่วันนั้นมีคิวน้าค่อมเข้าฉาก เมื่อนั้นเหล่าทีมงานทุกคนจะต้องเข้ากองเช้ากว่าปกติ เพราะภาพแรกที่ได้เห็นคือน้าค่อมจะมากองเป็นคนแรก ๆ เสมอ ด้วยวินัยการทำงานที่ตรงเวลา แม้คิวที่แกแสดงจะเป็นช่วงบ่าย แต่น้าค่อมก็จะมาก่อน ด้วยเหตุผลสั้นๆว่า “แกเบื่อรถติด” เหตุผลเพียงเท่านี้ ก็ทำให้แกเป็นที่รักของคนในกองด้านความมีวินัย ตรงต่อเวลา มาก่อนกลับทีหลัง ยิ่งช่วงปี 2553 ที่มีหนังที่แกแสดงสูงถึง 14 เรื่อง แต่แกก็จัดการเวลาได้เป็นอย่างดี

3. ความไม่ถือตัว และการเป็นพี่ใหญ่ใจดี

น้าค่อม เป็นที่รักเสมอในกองถ่าย ความที่แกเป็นคนง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากมาย ไม่ว่าวันแรก หรือวันที่แกมีชื่อเสียง แม้ในกองถ่ายจะเต็มไปด้วยการแบ่งชนชั้นในการทำงาน แต่น้าค่อมอยู่ร่วมกับทุกแผนกทุกหน้าที่ได้อย่างไม่ถือตัว

แกมักจะเป็นที่รักของแม่ครัว ด้วยความเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย สมถะ เป็นที่รักของทีมงานในกองตั้งแต่เสื้อผ้า ทีมไฟ และนักแสดงด้วยกัน

น้าค่อมเคยพูดอย่างติดตลกว่า “น้าเคยอยู่ในจุดที่เล็กที่สุดในจอหนัง ทุกวันนี้น้าไม่เคยลืมจุด ๆ นั้นเลย”

ความอ่อนน้อมถ่อมตัว ใส่ใจในทุกหน้าที่ในกองถ่าย มองว่าทุกคนมีศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกัน คือหนึ่งในคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ใครก็รักและเคารพแกโดยที่น้าค่อมไม่เคยเรียกร้องอะไร

4. ความอ่อนน้อมสุภาพ

ในจอ เราอาจจะได้ยิน “ไอ้สัส” “ไอ้เหี้ย” จากปากน้าค่อมจนชินหู แต่นอกจอ น้าค่อมกลับเป็นคนสุภาพ นอบน้อม และให้เกียรติทุกคน หลายครั้งที่ทีมงานมักจะอ้อนวอนขอแกให้ด่า พร้อมคำอวยพรเพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนฝูงหรือคนที่รัก แกจะถามก่อนเสมอ “คนๆนั้นอายุเท่าไหร่” “เขาจะรับได้เหรอถ้าให้น้าด่า” พร้อมทั้งขอโทษก่อนที่จะอัดคลิปทุกครั้ง

มีครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนต้องไปทำงานกับแกในกองถ่ายท่ามกลางนักแสดง Extra นับ 100 ชีวิต การให้แกแสดงด้วยการด่าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ สำหรับแก แต่วันนั้นแกขอว่า

“ไม่พูดหยาบได้มั๊ย เด็กอยู่เยอะ น้าไม่อยากให้เด็กได้ยิน”

ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งๆนี้จะมาจากปากของคนที่แจ้งเกิดจากคำด่า แต่แน่นอนว่าคำด่าของแกไม่ว่าจะในจอหรือจากชีวิตจริง ไม่มีความรู้สึกว่ามันเป็นคำหยาบเลยสักนิด ตรงกันข้ามเรากลับสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและความเป็นกันเองของผู้ชายคนนี้

5. รักในอาชีพของตน และบุญคุณคือเรื่องสำคัญ

น้าค่อมเกิดมาจากการเป็นตลก ตลอด 30 กว่าปีในวงการบันเทิง หนึ่งในสิ่งที่แกยึดถือมาโดยตลอดคือบุญคุณ ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนซี้ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ โน๊ต เชิญยิ้ม เพื่อนที่เคยนอนกลางดินกินกลางทรายในโรงลิเกด้วยกัน จนวันที่ โน๊ต เชิญยิ้ม ได้เป็นผู้กำกับ น้าค่อมก็ไปร่วมแสดงให้เสมอ

ความเหนียวแน่นของการอยู่ครอบครัวชวนชื่น ที่ชักชวนมาอยู่คณะตลกร่วมกันจากวันแรกจนวันวันล่มสลายของวัฒนธรรมตลกคาเฟ่, ความเสมอต้นเสมอปลายกับการร่วมงานกับผู้กำกับคนไหนก็จะแวะเวียนกลับมาแสดงในเรื่องต่อ ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นหนังของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย / พชร์ อานนท์ หรือความรู้สึกดีที่รุ่นน้องอย่าง บอล เชิญยิ้ม และตั๊ก บริบูรณ์ เคยช่วยชีวิตแกจากภาวะปอดติดเชื้อจนหามส่งโรงพยาบาลครั้งหนึ่ง จนน้าค่อมตอบแทนบุญคุณด้วยการอยู่ในทีม โจ๊กเกอร์ แฟมิลี่ จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

รวมไปถึงความเสมอต้นเสมอปลายในการเล่นตลก จนเป็นอาชีพแรกและอาชีพสุดท้ายจวบจนสิ้นลมหายใจคือการมอบรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้คนไทยเสมอมา

30 เมษายน 2564

หลังจากทราบข่าวการจากไปของน้าค่อมจากโควิด-19 ที่ได้พรากชีวิตผู้ชายคนหนึ่งไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

แต่แน่นอนว่าคุณงามความดีมากมาย และความเป็นมืออาชีพของน้าค่อม จะถูกจดจำไปตลอดกาล UNLOCKMEN และผู้เขียนขอร่วมไว้อาลัย และขอขอบคุณทุกความสุข เสียงหัวเราะที่มอบให้ตลอดมา น้าค่อมจะไม่ไปไหน จะอยู่ในใจของพวกเราตราบนานเท่านาน

 

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line