Next Cover, Same Mood 15 : ดูหนังเรื่องไหนต่อดี เมื่ออินกับเพลงในอัลบั้ม 6lur ของ Slur

6lur (เบลอ) อัลบั้มที่ 6 ของ Slur เป็นเหมือน ‘สายลม’ ที่พัดพาช่วงเวลา ความรู้สึก ไปพร้อมกับการกักเก็บความทรงจำของคนฟังเอาไว้อยู่ในมวลอากาศ จะเปิดฟังแบบที่ไม่ต้องโฟกัสก็ได้ แต่ในวันที่เปิดฟังจริงจังก็ยิ่งรู้สึกมากเหลือเกิน โดยเฉพาะพาร์ทของเพลงเศร้าที่ทำให้เราคิดย้อนกลับไปถึงวันที่ฟังอัลบั้มแรก Boo! ในมุมที่ว่า ‘ความ Youth Power แบบ Slur มันโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกครั้งแล้วว่ะ’ พลังวัยรุ่นในวันนั้นมันถูกเคี่ยวจนงวดเป็นความมันส์ด้วยท่าทีที่สุขุมขึ้น เศร้าอย่างเข้าใจ และซ่าแบบที่ลิมิตจะไปถึง   

การได้ฟังเพลงในอัลบั้มนี้หลาย ๆ รอบเพื่อเขียนถึง ทำให้เข้าใจความเป็น Slur หลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยมองเห็นเหมือนกันนะ อย่างเนื้อร้องของพี่เย่ที่เลือกเพียงคำที่ทำงานกับความรู้สึกจริง ๆ ไลน์กีตาร์ของพี่เฮาส์ดีไซน์ให้มีความเย็น ๆ ซนแต่ไม่ซ่าจนเกินไปก็เข้ากับความเป็น Slur ในยุคหลังได้ถูกต้องที่สุด ไลน์เบสของพี่บู้ที่มีความแฟชั่นดีไซน์ไม่ตีกรอบอยู่เสมอ และริทึ่มกลองของพี่เอมที่หวดแบบวิ่ง ๆ สับ ๆ ริทึ่มที่เป็นมากกว่าให้จังหวะแต่ยังเป็นเหมือนเมโลดี้คุมตัวตนความซนของ Slur ในทุกเพลง

Next Cover, Same Mood ตอนล่าสุดเลือกหนังและซีรีส์สำหรับคนที่มูฟออนจากเพลงหลากอารมณ์ในอัลบั้ม 6lur ไม่ได้ อัลบั้มที่มีเพลงเศร้ามากกว่าเพลงสดใส แต่เราเชื่อว่าเพลงเศร้าเหล่านั้นมีทางออกของ Sad Zone ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามรออยู่ล่ะ

Song : วงกต (MAZE)

Movie : Red Rocket

ไม่รู้ว่าวัยรุ่น Slur ทุกคนฟังเนื้อเพลงของวงแล้วรู้สึกยังไง แต่สำหรับเราคำร้องของเฮียหมามีความพิเศษตรงที่เราไม่ได้โฟกัสฟัง Story รวมเชื่อมกันทั้งหมด แต่ทุกเพลงจะมีคำวิเศษที่ทำงานกับความรู้สึกจริง ๆ วิ่งเข้ามาในหูให้ได้ยินอย่างชัดเจนในวิธีการอะเรนจ์ร้องยานนิด ๆ หย่อนหน่อย ๆ ขมัวด้วยความคลุมเคลือนั้น และในเพลงนี้คำพิเศษของเรามันคือคำว่า “ยินดีกับความเงียบงัน กับความรัก” ท่อนเฉลยว่าเขาวงกตนั้นคืออะไร  

ชอบเพลงแบบที่เอาความ Guitar Band เข้าสู้ แล้ว Don’t Give a Shit About ความซับซ้อนอย่างงี้มาก ๆ สับกีตาร์รัว ๆ ไปเลยดิวะ แต่ ! ท่อนฮุกที่เปลี่ยนสีเพลงให้เหมือนกำลังวิ่งเข้าเขาวงกตที่ปลกคลุมด้วยหญ้าเขียวนั้นดีมาก เออ จู่ ๆ ก็เป็นเขาวงกตสดใสที่คนฟังยินดีเข้าไปติดอะไรแบบนั้นอะ แล้วของดีอยู่ตรงท่อนโซโล่เบสนาทีที่ 01:52 (กรอเลย) อร่อยสุด ๆ ครับพี่บู้ กับเซอไพรส์อะเรนจ์ Percussion ท่อน Outro คือสนุกถูกเบอร์จัด 

โดยส่วนตัวมาก ๆ เลยนะ เรารู้สึกว่าเพลงนี้มันมีความเป็นธีมของผู้กำกับ Sean Baker เพลงที่ทำให้คิดถึง Summer Time ทำให้คิดถึงความทรงจำที่ถูกผูกติดอยู่กับสถานที่หนึ่ง-และยังคงยึดติดอยู่เสมอเพราะว่าพยายามจะพาตัวเองออกไปจากสถานที่แห่งนั้นให้ได้สักวัน หนังที่ควรดูต่อหลังฟังเพลงนี้จบก็ควรจะเป็น Red Rocket เล่าเรื่องของดาราหนังโป๊ชื่อ ‘ไมค์กี้’ ที่ถังแตก และกลับมาตายรังที่บ้านของแม่ยายภรรยาเก่า มาขออาศัยด้วย มาขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้คือการเล่าถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วในคำพูดของตัวละคร โดยการฉายภาพนั้นซ้ำในไทม์ไลน์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งตัวละครในเรื่องนี้มีสร้างเขาวงกตต่อกันและกันแบบ Circle เลย ไม่ว่าจะแม่และภรรยาเก่าที่อุตส่าห์ Move On ไปแล้วแต่ก็ยังต้องกลับมายึดติดไอตัวไมค์กี้เจ้าปัญหา เพื่อนบ้านเก่าที่เชื่อว่าไมค์กี้เป็นคนเท่ หรือ ตัวไมค์กี้เองที่ยึดติดกับความสำเร็จเพ้อฝันจนไปสร้างเขาวงกตล้อมเด็กสาวร้านโดนัทหวังปั้นเธอเป็นดาราหน้าใหม่เพื่อทำให้เขาหนีออกจากที่นี่ได้อีกครั้ง “ไม่มีใครทำให้หลงเข้าไป ความพอใจของตัวเราเองทั้งนั้น ทรมานนานนานให้สาแก่ใจ” คำนี้เลย

Song : สายไป (Too Late)

Movie : Annie Hall

โอ๋ววว อะเรนจ์โคตรดื้ออะ ใช้คำว่าชอบเปลือง ๆ กันไปเลย ขึ้นต้นด้วยซาวด์เบส Distrotion เข้า Pre-Chorus ด้วยโน้ตกีตาร์เคลือบน้ำตาลสุด ก่อนจะส่งไปฮุกแบบวงดนตรีร็อก High School ในงาน Prom มีทางคอร์ดที่ส่งต่อความหวังบางอย่างให้ความรู้สึกคนฟัง นี่ยังไม่นับท่อนที่ใช้ซาวด์ Phaser เพื่อส่งเข้าท่อนโซโล่กีตาร์ที่จู่ ๆ ก็เป็นซาวด์ fudge อีก สนุกเกินเบอร์แล้วอันนี้ แต่กลมกล่อมเว้ยยย เพลงแบบนี้ก็ต้อง ละ ละ ลุยยย ดิ

เหนืออื่นใด คือเราชอบการเขียนเนื้อร้องในเพลงนี้มาก เล่าเรื่องการนอกใจของอีกฝ่ายหรอ เล่าเรื่องการทำให้คนรักเสียใจเพราะเอาแต่กระทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ รึเปล่า ทุกวรรคเป็นปลายเปิดให้คนฟังเติมเรื่องราวของตัวเองลงไปในช่องว่างนั้น และอีกความพิเศษเสมอของ Slur คือการเล่า Topic ในมุมที่เล็ก ๆ และ Specific มาก ๆ ใoเพลง 3-4 นาที ไม่ต้องมา ต้น กลาง จบ ขมวดปมอะไรทั้งสิhน คำว่า ‘สายไป’ ในที่นี้หมายถึงอะไร หยิบความรู้สึกของตัวเองโยนเข้าไปในเพลงได้เลย

เพราะว่าก่อนจะพูดคำว่า ‘สายไป’ ออกมา มันมีภาพของช่วงเวลาไม่สมหวังและผิดหวังอยู่มากมายเต็มไปหมด หนังมาสเตอร์พีซของ Woody Allen ชื่อ Annie Hall เล่าเรื่องของชายหนุ่ม ‘อัลวี่’ กับ ‘แอนนี่ ฮอลล์’ เป็นไทม์ไลน์ ณ หลากช่วงเวลาได้อย่างงดงาม รักดูดดื่มอย่างงดงาม ทรมานด้วยความไม่เข้าใจอย่างงดงาม แต่ก็นะ สุดท้ายแล้วถ้ามีคำว่าสายไปเกิดขึ้นมา ก็ไม่มีประโยชน์ที่หน้าหนังสือนี้จะถูกเขียนเรื่องราวต่อไป ขีดเส้นใต้ จบ.

Song : ดึง (Tension)

Series : Mr.Robot 

รักฟอร์มเพลงนี้จัง หลังจากท่อนแรกที่เป็นฮุกก็ไม่แน่ใจอีกเลยว่าจะเข้าท่อนอะไรต่อ แต่ฟังรวมแล้วไม่งงนะ ไม่พอ เพลงนี้เป็นเพลงที่มีกับดักระเบิดความเสียใจเยอะมาก ขึ้นเพลงด้วยคำว่า ‘เก็บอาการ’ มีท่อน Bridge ที่ดึงให้จมกับความเสียใจตั้ง 2 ครั้ง แล้วยังเมโลดี้จำที่มาจากกีตาร์ซึ่งดีไซน์แบบเพลง Brit Rock ขยี้ ๆ นั่นอีก

หนึ่งในเพลงที่เศร้าที่สุดของอัลบั้มเบลอ (ใช่ครับ ยังมีเพลงเศร้ารออยู่อีก) เป็นความเศร้าที่ซิงก์กับตัวละคร ‘อีเลต’ ในซีรีส์ว่าด้วยกลุ่มแฮกเกอร์และองค์กรลึกลับอย่าง Mr.Robot เหลือเกิน อีเลียตเป็นตัวละครที่พยายามดึงตัวเองออกจากความรู้สึกจริงเพราะกลัวว่าใจจะพังเสียก่อน การคิดถึงอีเลียตกับเพลงดึงทำให้เราแอบเข้าใจเหมือนกันนะว่า เพื่อไม่ให้ใจสลายกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วนี่เอง เราถึงสร้างเกราะความรู้สึกบางอย่างมาปกป้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา

Song : อธิบาย (Clear)

Movie : The Squid And Whale

เข้าใจเลยว่าการตัดเพลงนี้เป็น Single สำคัญสำหรับการเล่าภาพรวมของเพลงเศร้าทั้งหมดในอัลบั้มเบลอยังไง และเพลงนี้ก็ยังเป็น Track ที่อธิบายได้ดีมาก ๆ ว่าความจริงใจในการอะเรนจ์พาร์ทดนตรีสำคัญแค่ไหน Slur เลือกลีนทุกองค์ประกอบจนเหลือแต่สิ่งที่ทำให้คนฟังรู้สึกที่สุดโดยไม่ต้องธิบายอะไรมากไปกว่านั้น

ท่อนฮุกของเพลงนี้คือเวทมนตร์เหลือเกิน อะเรนจ์ร้องคำแบบซอยแยกประโยค “สบตา หยุดฟัง ถ้อยคำ จากฉัน ไม่อาจ ให้รับรู้เร็วเกินไป” โห พอซอยคำร้องเป็นวรรคแบบนี้แล้วมันทำงานกับความรู้สึกเสียใจทุกคำทันทีเลยอะ : (

คำว่า Clear ที่อยู่ในวงเล็บของชื่อเพลงภาษาไทย เหมาะเจาะกับหนังของผู้กำกับ Noah Baumbach ว่าด้วยครอบครัว Berkman ที่ตัวละครทุกตัวโคตรจะไม่มีเคมีดี ๆ ให้กันเลย หนังสร้างความอึดอัดต่อกันตลอดทั้งเรื่อง พ่อที่เป็นอาจารย์มีสัมพันธ์ชู้สาวกับนักเรียนในมหาลัย และจะหย่ากับแม่ที่ก็ไปคบกับเพื่อนบ้าน และลูกสองคนในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่ก๊อปเพลงของ Pink Flyod จนชนะงานประกวดดนตรีของโรงเรียน ปัญหาเยอะมากกก ตรงนี้ล่ะ ที่เราว่าเพลงนี้ของ Slur พิเศษตรงที่สามารถหยุดเวลาให้คนฟังสบตาเพื่อรับฟังคำอธิบายบางอย่างกันอีกครั้ง

Song : จาง (Clear)

Movie : Moonlight 

นี่ล่ะ เพลงของ Slur แบบ Youth Power ณ ช่วงเวลานี้ ที่ทำให้รู้สึกว่าเพลงของพวกเขาทั้ง 4 เป็นสายลมพัดพาทุกความรู้สึกของคนฟังออกไปที่ไกลแสนไกล ในรูปแบบของเพลงที่แสดงถึงความรู้สึกสับสนในตัวเอง แล้วเป็นเพลงที่ไม่ได้ให้คำตอบอะไรต่อคนฟังด้วยนะ แต่เหมือนกับว่าตัวเพลงจะทำให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากของตัวเองด้วยการตั้งคำถามซ้ำ ๆ

ฉันควรต้องทำยังไง
ฉันควรต้องทำยังไง
ถ้าเจอต้องทำยังไง
และควรต้องทำยังไง

ส่วนตัวท่อนที่ร้องว่า “ดั่งฝน ที่พัดผ่าน ยิ่งนานเท่าไรยิ่งทำให้เราต้องลำบาก” ทำให้เราคลี่คลายความรู้สึกเมฆหมอกคลุมเคลือในตัวเองช่วงเวลาหนึ่งมาก ๆ เลย

ต้องชมพาร์ทดนตรีกันทุกเพลงเลยใช่มั้ย เพลง Alternative ที่ซาวด์กีตาร์มีความ Post Rock นิด ๆ แบบนี้มันเยี่ยมมากเลยนะ ที่ขอชมสุด ๆ เลยคือพาร์ทกลองของพี่เอมอะเรนจ์ดีมาก เป็นการไล่ระดับ 0-10 ที่โคตรแมทช์ ทำให้เพลงที่ดูเหมือนจะเนิบ ๆ มีพลังสุด ๆ ความรู้สึกจางนี้พาเรากลับไปที่หนังสำรวจความทรงจำของ ‘แบล็ค’ กับความทรงจำ ณ ชายหาดในช่วงฤดูร้อนครั้งนั้น

Song : แซง (Race)

Movie : Adrenaline Drive 

เออออ เพลงโคตรซิ่งโคตรวิ่งของจริงไปเลย ชอบอะเรนจ์คำว่า “แซงงง” ที่เอื้อนโน้ตมาก ๆ ฟังแล้วรู้สึกเหมือนตอนรถเร่งคันเร่งผ่อนไปแรง

เอาจริงพูดตามตรงไม่เข้าใจความหมายของเพลงนี้เท่าไหร่ แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เพลงของ Slur ไม่จำเป็นต้องเข้าใจความหมายทั้งหมด เลือกหั่นคำที่ทำงานกับตัวเรามาให้รู้สึกก็พอ เพลงนี้ก็ทำให้เรานึกถึงหนังญี่ปุ่นเรื่อง Adrenaline Drive ที่เอาจริง ๆ ก็จำพล็อตเรื่องไม่ได้มาก คุ้น ๆ ว่าตัวเอกตกกระไดพลอยโจนได้เงินฟ่อนจากกลุ่มโจรหรืออะไรสักอย่าง จากจุดสตาร์ทตรงนั้นล่ะ หนังก็วิ่งทั้งเรื่องแบบไม่มีหยุดพัก แต่เลือกหนังเรื่องนี้มาเพราะว่าซีนที่พระเอกกับนางเอกหนีจากแก๊งโจรพวกนั้นไม่เคยหลุดออกไปจากความทรงจำของเราเลย ภาพถนน ที่มีภูเขาและท้องฟ้ากว้าง ๆ และความชุนละมุนนั้น ไวบ์มันไปกับคำความแซงในเพลงนี้จริง ๆ

Song : ในตอนที่มันเกิด (Meanwhile)

Series : a day-off of kasumi arimura 

ชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม เพลงนุ่มฟูพ่อหนุ่มไมโครเวฟแบบ Slur ทำงานโอบกอดตัวเราในวันร้าย ๆ ได้เข้าอกเข้าใจความรู้สึกเหลือเกิน และขอยกให้เป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของเฮียหมา ทุกคำถูกเลือกประโยคมาอย่างดีแล้ว สามารถ Quotes ทุกคำมาเป็นคำเติมพลังในชีวิตได้เลยอะ ดีใจที่ได้รู้สึกกับเพลงนี้ของ Slur

หยุดฟังเถอะเพลงที่ทำให้เธอต้องเสียใจ
หาเหตุผลถ้อยคำซ้ำเติมอีกต่อไป

ถ้าจะต้องมีหนังสักเรื่องที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในวันสีเทาแบบเพลงนี้ล่ะก็ หนังที่เราจะเปิดดูซ้ำ ๆ ในวันที่รู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่ได้เป็นประชากรของโลกใบนี้ วันที่อะไรก็ดูจะไม่ต้อนรับฉันเอาซะเลย เราจะขอให้ซีรีส์เรื่องนั้นเป็น a day-off of kasumi arimura เสมอ ซีรีส์ที่อ้างอิงชื่อตัวละครจากนักแสดงดังของญี่ปุ่น คุณคาซุมิกับเรื่องราวที่เริ่มต้นเหมือนเดิมทุกครั้ง ก็คือคุณคาซุมิจะถูกแคนเซิลงานกะทันหัน และเวลาว่างที่คาดไม่ถึงนั่นเอง เธอก็จะใช้มันไปกับกิจกรรมแสนเรียบง่ายที่ได้คุณค่าบางอย่างกับตัวเองเสมอ กลับไปเยี่ยมแม่แล้วพบว่าการกินข้าวด้วยกันแชร์ความลับบางอย่างก็ไม่เลวเลย / ไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเจอคนรักในวัยเด็ก / ไปกินเบียร์กับเพื่อนพร้อมกับเจอผู้ชายที่เธอไม่ชอบเอาซะเลย หรือ รอคุณลุงที่มาเล่นเบสบอลทุกวันเพื่อให้ได้เจอผู้หญิงที่ตกหลุมรักในครั้งแรกเห็น จนมืด เป็นต้น

Song : ปอด (Respirator)

Movie : Leaving Vegas

หลังจากเพลง Instrumental เพื่อเข้าพาร์ทสุดท้าย ‘เลเวล 8 (Level 8)’ จบลง ตูม ! โอยยย Shoegaze จงเจริญ Slur ทำถึงมาก ซาวดีไซน์ขยะสกปรก ๆ ห่อหุ้มด้วยมวลของ Reverb โอบล้อมทุกอย่าง อะเรนจ์ดนตรีที่กระแทกอกคนฟังทุกวินาที ตอนฟังเพลงนี้เหมือนเราได้สูดอากาศเต็มปอดแรง ๆ สักครั้ง

เหตุผลที่จะซัพพอร์ต Next Cover Same Mood ในเพลงนี้ของเราอาจจะมีไม่มากพอในเรื่องเนื้อหาของเพลง แต่ความรู้สึกที่ถูกส่งออกมา มันทำให้ความคิดถึงความรู้สึกเศร้าที่เอ่อล้นอยู่เต็มอกในหนังเรื่อง Leaving Vegas ที่เล่าเรื่องของ 2 ตัวละคร ‘เบน’ กับ ‘เซล่า’ ที่มีความขมุกขมัวตลอดเวลาในขณะที่ฉากหลังของเมืองลาสเวกัสกำลังเต้นร่าไปด้วยผู้คน ความเศร้าในเพลงปอดของเราเป็นแบบนั้น

Song : ขอบคุณ (Thanks)

Movie : Cemetery Junction 

หนึ่งในที่สุดริฟ Guitar แสนเศร้าของวงสุดซ่าชื่อ Slur การได้ฟังคำว่า ‘ขอบคุณ’ ที่เกิดขึ้นแค่ 3 ครั้งในเพลงไปแล้วหนึ่งรอบของเพลงนี้ จะทำให้เมโลดี้กีตาร์นั้นทำงานกับคุณไม่เหมือนเดิมอีกเลย เพลงขอบคุณที่ถูกใช้เพื่อบอกลานี่มันเศร้าเสมอเลยเนอะ ถ้าได้จัดงานวันสุดท้ายเป็นของตัวเอง ก็คงอยากจะใช้เพลงนี้เพื่อบอกลาทุกคนที่รักเหมือนกัน Outro ของเพลงนี้คือช่วงเวลา Vanilla Sky แห่งการบอกลาจริง ๆ

ขอบคุณที่เคยมีความชิดใกล้
ขอบคุณที่เราเคยห่วงใย
ขอบคุณที่มันเป็นไปไม่ได้

ที่เลือก Cemetery Junction เพราะเราอยากให้ความรู้สึกขอบคุณนี้ได้ถูกมอบให้ทั้งกับสิ่งที่ทั้งตัวเองรักและเกลียด และก็อยากจะขอบคุณให้กว้างมากพอไปถึง ‘สถานที่’ ที่ซึ่งฝังผู้คนและความทรงจำของเราเอาไว้ บางความทรงจำก็ตื้นพอที่จะขุดได้ แต่บ้างก็จบลึกจนหาไม่เจออีกแล้ว หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของ ‘บรูซ’ / ‘เฟรดดี้’ และ ‘สน็อก’ กลุ่มเด็กหนุ่มเพื่อนซี้ที่ต้องการออกจากเมืองที่ตัวเองเติบโตมา เพราะพวกเขามีต้นแบบที่ไม่อยากเป็นตาม และมีเพื่อนที่เชื่อเหมือนกันว่าเมืองนี้เล็กเกินไปที่จะมีความฝันดี ๆ ในชีวิตนี้

Song : ร้อง (Scream)

Series : The Bear

เพลงสุดท้ายของอัลบั้มเบลอคือสายลมเบา ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่จะพัดมาในเวลาที่เราใกล้จะหายเหนื่อยแล้ว แต่เป็นเพลงเศร้านะ เออแปลกดี ไม่คิดว่าเพลงเศร้าแบบนี้ก็ใช้ปิดอัลบั้มให้คนฟังรู้สึกค้างและคิดถึงชีวิตของตัวเองได้เหมือนกัน ฟังถึงเพลงที่ 11 เราก็คงอยากให้อัลบั้มเบลอ เป็น Broken Heart Album ช่วยให้เราเติบโตในวัยผู้ใหญ่ 30 ของเรา ใครที่ใช้เพลงเศร้าเพื่อทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากความเศร้าอยู่แล้ว 6lur คือยาขนานดีเลย

ความ Lo-Fi ช้า ๆ จังหวะหน่วง ๆ ช่วยให้เพลงของเธอคนนั้นที่ยังคงเศร้าแม้ว่าเราจะปลอบโยนสักเท่าไหร่ก็ตาม เหมาะที่จะเอาไว้ดูคู่กับซีรีส์ว่าด้วยเด็กหนุ่มที่อยากชุบชีวิตร้านอาหารของพี่ชาย The Bear ซีซั่น 1 มาก ช่วงเวลาก่อนจะมีกระดาษ Let It Rip ตัวละครเอกที่ไม่ร้องไห้เลยอย่างคาร์มี่ เป็นตัวแทนของการเจ็บปวดที่มากกว่าการร้องไห้ฟูมฟายได้เป็นอย่างดี แล้วเขาก็ไม่ต้องการความเห็นใจหรือสิ่งใดจากใครการดูซีรีส์เรื่องนี้ฝนซีซั่น 1 เราอยากให้ทุกคนโฟกัสไปที่ ‘นาตาลี’ พี่สาวของคาร์มี่ ความที่เธอคอยปลอบน้อง และหวังว่าจะช่วยอะไรได้ทั้งที่รู้ว่าผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ต่างแต่ก็ไม่หยุด มันทัชกับคำวิเศษในเพลงนี้ของเรา และเชื่อว่ามันทำงานกับความรู้สึกของทุกคนที่ฟังเหมือนกัน

ร้องตะโกนบอกเธอจากข้างใน
มอบให้เธอด้วยหัวใจ แต่ดูเสียเวลา