Entertainment

NIHON STORIES: “WALTER HAMADA” เสาหลักเชื้อสายเอเชียคนใหม่แห่งค่าย DC

By: TOIISAN January 25, 2021

คุณชอบดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ไหม? แล้วถ้าชอบ คุณดูหนังฮีโร่ฝั่งมาร์เวลหรือดีซี? หรือคุณไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ชื่นชอบที่จะเห็นค่ายสร้างหนังฮีโร่แห่งยุคแข่งขันกัน เพราะผู้ชมอย่างเราก็จะได้กำไรแบบสองต่อ

ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวงการฮอลลีวูดหลายยุคหลายสมัย ย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อนเรามีซูเปอร์แมนหลายภาค มีวันเดอร์วูแมนฉบับคนแสดงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก แต่ทิศทางของความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป อาจเพราะค่านิยมตามสมัย รวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้กุมบังเหียนค่าย

NIHON STORIES สัปดาห์นี้จะพาผู้อ่านไปพบกับหัวหอกคนสำคัญแห่งยุคของบริษัทสร้างภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ วอร์เนอร์บราเธอส์ (Warner Bros.) หรือในนามอักษรย่อว่า WB อย่าง วอลเตอร์ ฮามะดะ (Walter Hamada) ที่ขึ้นกุมบังเหียนค่าย DC ที่อยู่ในสังกัด WB ในช่วงเวลาแสนสำคัญที่ทำให้ค่ายหนังกวาดคำชมจากกลุ่มนักดูหนังไปได้อีกครั้ง

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ฮามาดะจะเป็นผู้ควบคุมโปรเจกต์ภาพยนตร์หนังผี New Line Cinema ในปี 2007 ค่ายหนังในเครือ WB และมีส่วนร่วมกับการสร้างภาพยนตร์สยองขวัญขึ้นหิ้งหลายเรื่องทั้ง The Conjuring ที่ทำร่วมกับ เจมส์ วาน (James Wan) หรือ IT, The Gallows และ Annabelle เขาเป็นผู้บริหารและหุ้นส่วนบริษัท H2F Entertainment ก่อนจะกลายเป็นรองประธานฝ่ายผลิตของ Columbia Picture

ทั้งหมดคือประวัติการทำงานของฮามาดะก่อนจะโดนโยกย้ายอีกครั้งกับบทบาทที่ท้าทายขึ้นยิ่งกว่า ด้วยการมาดูแลและลงทุนภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่และตัวร้ายจาก DC Comics เมื่อปี 2018 สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์และแฟลตฟอร์ม HBO Max

ทันทีที่การแต่งตั้งฮามาดะได้รับการยืนยันหลังความล้มเหลวที่ประจักษ์แจ้งใน Justice League (2017) โลกก็ตีข่าวว่า “ฮามาดะคือคนที่จะมาจัดการความเละเทะของ DC” บ้างก็ว่า “เป็นมรดกที่ไม่น่ายินดีเท่าไหร่นัก”

ช่วงเวลาที่ฮามาดะเข้ามาคุม DC เกิดเรื่องหลายอย่างทั้งการสร้างภาพยนตร์ชวนให้ทบทวนกับความแปรปรวนทางความคิดอย่าง Joker (2019) ที่ลงทุนเพียง 55 ล้านดอลลาร์ แต่กวาดรายได้ทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ แถมยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์อีกหลายสาขา

ไหนจะ ‘วันเดอร์วูแมน’ ฮีโร่หญิงที่เปิดตัวในหนังที่ถูกเรียกว่า ‘โลกของผู้ชาย’ แต่กลับแย่งซีนไปได้อย่างงดงามใน Batman V Superman (2016) จนมีหนังภาคเป็นของตัวเองมาแล้วถึงสองภาค ความสำเร็จของมนุษย์ใต้น้ำที่ถือส้อมยักษ์อย่าง Aquaman (2018) ของ เจมส์ วาน รวมถึงโปรเจกต์สร้างรอคิวฉายทั้ง The Suicide Squad ของ เจมส์ กัน (James Gunn) ที่คาดว่าจะมากู้หน้าจากการสร้างภาคแรก รวมถึงโปรเจกต์ที่รอคิวสร้างทั้ง Batman เวอร์ชันพระเอกมาดเซอร์ โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson) กับ The Flash ของ แอนดี้ มุสชิเอตติ (Andy Muschietti)

แม้หนังภาคแยกของฮาร์ลีย์ ควินน์ ดาวร้ายแฟนเก่าโจ๊กเกอร์จะได้รับคำติมากกว่าคำชม แต่การสร้างหนังล้วนเกิดขึ้นจากความนิยมของผู้ชมที่อยากเห็นตัวละครต่าง ๆ ในโลกของ DC มากกว่าที่เคยเห็นมาแล้ว และฮามาดะก็อยู่ในยุคปลุกปั้นเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้ชื่อของเขาได้รับความสนใจจากแฟนหนังซูเปอร์ฮีโร่เดนตายมากขึ้น

ทีม CEO ของวอร์เนอร์สบราเธอส์ เคยให้คำนิยามสั้น ๆ ถึงฮามาดะเอาไว้ว่า “เป็นชายที่หลงใหลในหลักธรรมของ DC” ที่คนอื่น ๆ ก็พยายามจะหาเหตุผลว่า หลักธรรมที่ว่ามันคืออะไรถึงทำให้ฮามาดะได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ เปิดโอกาสให้เขาได้นำเสนอหลักธรรมที่ว่าให้โลกได้รับรู้ และขยายจักรวาลของ DC ให้เป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม

ผลงานที่โดดเด่นในยุคของฮามาดะคือการบริหารการสร้างหนัง และเขาจะอยู่กับ WB ไปจนถึงปี 2023 ก่อนเจรจาทำสัญญาต่อหรือแยกจากกันอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นเรื่องในอนาคตอีกหลายปี ซ้ำยังมีภาพยนตร์อีกจำนวนมากที่จะช่วยพิสูจน์ได้ว่าฮามาดะจะได้ไปต่อหรือควรพอแค่นี้ ประกอบกับเหตุการณ์สุดฉาวระหว่างเขากับ เรย์ ฟิชเชอร์ (Ray Fisher) ผู้รับบท Cyborg ใน Justice League กับข้อพิพาทร่วมที่พาดพิงถึงฮามาดะและคนเบื้องหลังอีกหลายคน ที่จะต้องตามดูต่อไปว่าเขาจะสามารถคลี่คลายความตึงเครียดได้ไหม

ท่ามกลางเสียงสงสัยว่า วอลเตอร์ ฮามาดะ จะมาเป็นฮีโร่ของฝั่ง DC ได้จริงหรือไม่? รวมถึงประเด็นดราม่าระหว่างเขากับอดีตนักแสดงร่วมโปรเจกต์ คงต้องทำให้แฟนหนังซูเปอร์ฮีโร่รวมถึงพวกเราชาว UNLOCKMEN ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ทิศทางของ DC ภายใต้การควบคุมของเขาจะออกมาในรูปแบบไหนกันแน่

 

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line