

Entertainment
ย้อนดูอดีต OASIS ยุคพีคสุดสู่การแยกวง เรื่องราวเบื้องหลัง 3 เพลงดังที่หลายคนอาจยังไม่รู้
By: unlockmen January 13, 2018 88320
สิ้นสุดการรอคอยกับคอนเสิร์ตมาแรงสุดที่เพิ่งจบไปในไทยแลนด์โดย ‘Liam Gallagher live in Bangkok’ หลายคนที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศในนั้น คงอิ่มเอมกับ ‘ความเลียม’ ของพี่เลียม และหายคิดถึงบทเพลงร็อกระดับตำนานจาก OASIS เจ้าของยอดขาย 70 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก
แต่หากใครพลาดคอนเสิร์ตก็อย่าเพิ่งเศร้าไป เรามาฟังเพลงให้หายคิดถึงไปด้วยกัน พร้อมกับเบื้องลึกเบื้องหลังของ 3 เพลงดัง ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อ่านจบก็มั่นใจได้ว่ามีข้อมูลเอาไว้คุยในร้านเหล้ากับเพื่อน ๆ เพิ่มความเท่ด้านดนตรีในระดับแฟนพันธุ์แท้ได้แน่นอน
ขึ้นชื่อว่า OASIS ที่การันตีด้วยยอดขาย 70 ล้านก็อปปี้ ถ้าให้นับทุกรางวัลที่ได้ บอกเลยว่ารายการยาวเป็นหางว่าว เล่าทั้งวันก็ไม่จบ แต่ถ้านับรางวัลใหญ่ ๆ ก็ต้อง Best British Necomer ในปี 1995 ถือเป็นรางวัลแรก ๆ ที่ได้ในนามของวง กวาดรางวัลเวทีใหญ่อย่าง NME Awards ไป 17 รางวัลไม่นับรวมเข้าชิงอีก 9 ครั้ง
พีคสุดๆก็คงเป็นการได้บันทึกชื่อไว้ใน The Guinness World Records ปี 2010 สาขา ’10 วงดนตรีที่ติดชาร์ตท็อปเป็นเวลายาวนาน’ คาอยู่ในอันดับ 22 เป็นเวลา 10 สัปดาห์ของอังกฤษ และประสบความสำเร็จในช่วงปี 1995 ถึง 2005 โดยกินเวลาไปถึง 765 สัปดาห์ในการติดท็อป 75 ซิงเกิ้ลและชาร์ตอัลบั้ม ที่ยกมานี่ยังไม่ถึงครึ่งของรางวัลที่ได้ แต่บอกได้เลยว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว กับคุณภาพของวงที่แม้จะกวนเท้าแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับทั่วโลกอย่าง OASIS
เป็นอันรู้กันว่าสองพี่น้องกัลลาเกอร์ไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร และเขาทั้งสองก็ไม่เคยปิดบังเรื่องความบาดหมางนี้เพื่อรักษาภาพลักษณ์เหมือนดาราไทยแต่อย่างใด ใครจะรู้ว่าไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้จะแตกหักกันในที่สุด จนถึงขนาดต้องแยกวงระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต เหตุการณ์จุดเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นปี 2009 ในคอนเสิร์ต ‘Rock en Seine festival’ ณ กรุงปารีส ทั้งสองคนก็มีปากเสียงกันตามปกติ แต่จุดเดือดมันอยู่ที่เลียมดันผีบ้าเข้า ทำลายกีตาร์โนลเละเป็นโจ๊ก
ทำให้โนลคนดีที่ใจเย็นกว่ามาตลอดต้องหมดความอดทนลง ถึงขนาดประกาศผ่านทางเว็บไซต์ของวงว่า กูไม่อาจจะทนทำงานกับเลียมต่อไปได้แล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ไม่มีใครจะรู้ดีเกินกว่าสองคนนั้นเองแน่นอนว่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นั้นอีกหรือไม่
คงชื่นใจกันไม่น้อยที่ได้กลับมาฟังบทเพลงระดับตำนาน จากเจ้าของผลงาน 70 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก แม้จะเป็นผลงานเดี่ยวหลังแยกวงไปในปี 2009 แล้วสองพี่น้องสุดแสบผู้ไม่เคยลงรอยกัน (เลย) แยกกันมาทำผลงานของตัวเอง โดย “โนล กัลลาเกอร์” ได้ทำวง Noel Gallagher’s High Flying Birds ในปี 2010 จนถึงปัจจุบัน
ส่วน “เลียม กัลลาเกอร์” ได้ทำวงดนตรีเช่นกันในชื่อ Beady Eye แต่ก็ไปไม่รอด แยกวงในแยกวงกันไปอีกในปี 2014 จนเมื่อปีที่แล้วได้ฉายเดี่ยว ออกซิงเกิ้ล “Wall Of Glass” โปรโมตตัวเองในฐานะศิลปินเดี่ยวแบบเต็มตัว อาจด้วยเพราะความคิดถึงเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของอดีตฟรอนต์แมนตัวแสบ อัลบั้มเดี่ยวของเขาได้กระแสตอบรับแบบท่วมท้น มากแค่ไหนก็ดูได้จาก iTunes Chart ที่ทะยานขึ้นอันดับหนึ่งไปแบบไม่ต้องสงสัย
มาดูกันว่า บทเพลงยอดฮิตติดหูคนทั่วโลก จากศิลปินระดับตำนาน “OASIS” จะมีที่มา มีเบื้องหลังอะไรอยู่หลังเนื้อเพลงที่คนร้องตามกันได้แบบไม่สะดุด
SUPERSONIC
ในช่วงแรกโนลและสมาชิกในวงมีความเห็นไม่ลงรอยกันตอนเลือกเพลงเปิดของอัลบั้ม ในขณะที่คนอื่นในวงไปพักกินข้าวกัน โนลเลยรีบปั่น เขียนเพลงนี้จบในวันเดียว จากตอนแรกที่ Alan McGee โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้อยากให้เพลง ‘Bring It On Down’ เป็นเพลงเปิดอัลบั้ม แต่พอได้ฟังเพลงนี้ (ที่โนลเขียนจบแบบสายฟ้าแลบ) เขาก็เปลี่ยนใจเลือกเพลงนี้ในทันที คุณภาพขนาดไหนคิดดู
เขายังให้สัมภาษณ์อีกว่า ในท่อน “I know a girl called Elsa, she’s into Alka-Seltzer” นั้นหมายถึงเจ้าหมาอ้วนจอมขี้เกียจที่ขดตัวนอนอยู่ใต้โต๊ะในห้องอัดได้ทั้งวี่ทั้งวัน
LIVE FOREVER
โนลเริ่มเขียนเพลงนี้ตอนเขายังเป็นแค่เด็กขนเครื่องดนตรีในวง Inspiral Carpet แต่เจ้าเพลงนี้เนี่ยแหละ ที่ชักชวนให้เลียมเข้ามาร่วมวง OASIS กับเขา เลียมชอบมันมากขนาดว่าเคยให้สัมภาษณ์กับ Q Magazine ในปี 2008 ว่านี่คือเพลงที่มีความหมายมาก และเป็นเพลงที่เขาชอบที่สุดอีกด้วย โดยเนื้อเพลงกล่าวถึงแม่ของสองพี่น้องสุดแสบ เป็นคนสวนที่โคตรขยัน สังเกตได้ว่าบางท่อนพูดถึงบรรยากาศของสวน ตอนที่สมัยสองพี่น้องไปนั่งรอแม่ทำงานด้วย
แต่เรื่องน่าแปลกเกี่ยวกับเพลงนี้คือ แม้เพลงนี้จะโคตรฮิตติดชาร์ตในประเทศอังกฤษ แต่กลับขายไม่ออกในฝั่งอเมริกาซะงั้น อาจเป็นเพราะวงเองไม่ได้เดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตฝั่งอเมริกามากสักเท่าไหร่ด้วย
MORNING GLORY
เพลงนี้โนลตั้งใจพูดถึงคนที่ติดยาจนไม่มีโอกาสหรืออนาคตที่ดีให้กับตัวเอง ในเนื้อเพลงต้องการเตือนสติและตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงที่ว่า ยาเสพติดได้ทำลายชีวิตและอนาคตคนไปมากแค่ไหนแล้ว โนลเองก็บอกว่าตอนเขาแต่งเพลงนี้ เขาเองก็เมาอยู่เหมือนกัน ถือว่าเป็นอีกเพลงที่สร้างอิมแพคให้คนฟังได้ค่อนข้างมากจากเนื้อเพลงที่มีประโยชน์ของเขา
แม้เพลงส่วนใหญ่ของวง โนลจะเป็นคนแต่ง ส่วนมากเลียมจะเป็นคนร้องเสียมากกว่า (ก็เป็นฟรอนต์แมนนี่เนอะ) แต่ทั้งคู่ก็คือส่วนสำคัญของ OASIS แม้วงจะผลัดเปลี่ยนสมาชิกไปแค่ไหน สองพี่น้องก็ยังคงเป็นหัวใจหลักของวงอยู่เสมอ ในฐานะแฟนเพลง การได้เห็นผลงานของศิลปินที่ตัวเองรักยังคงโลดแล่นข้ามผ่านกาลเวลามานับสิบปี ถือเป็นความรู้สึกที่โคตรสุดยอดไปอีกแบบ และแน่นอน แฟนเพลง OASIS นี่แหละที่ได้แตะความรู้สึกนั้นอยู่เสมอ