Oasis ร่วมกับ คอมมูนิตี้มิวสิคชื่อดัง เตรียมปล่อยเสื้อยืดระดมทุนช่วยเหลือสถานที่ ๆ เคยแจ้งเกิดพวกเขา

สาวก Oasis เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมสตุ้งสตางค์ ยิ่งสายเสื้อวงเสื้อทัวร์ยิ่งไม่ควรพลาด เพราะ Oasis ร่วมกับ The 100 Club เตรียมปล่อยเสื้อทีเชิร์ตรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น เพื่อช่วยเหลือคลับที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์

The 100 Club คืออะไร

สำหรับคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อกับสถานที่แห่งนี้ แต่สำหรับชาวลอนดอนแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักคลับเฮาส์ทางดนตรีที่สร้างตำนานและสร้างคุณูปการให้กับศิลปินมาอย่างยาวนาน

The 100 Club ตั้งอยู่ตรงชั้นใต้ดินบนถนนอ๊อกซ์ฟอร์ดมาตั้งแต่ปี 1942 โดยแรกเริ่มเดิมที สถานที่แห่งนี้เป็นภัตตาคารชื่อ Macks จนกระทั่งได้ว่าจ้าง Robert Feldman เพื่อจัด Jazz Session ทุกค่ำคืนวันอาทิตย์ จนร้านโด่งดังเพราะ Robert ได้เชิญชวนเพื่อนในวงการ Swing Jazz มาร่วมแจมดนตรีกัน จนกลายเป็นที่เลื่องลือในหมู่คนฟังเพลงแจ๊ส จากร้านอาหารจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Feldman Swing Club ที่สร้างขุนพลดนตรีผู้เลื่องลือนามมากมาย

จวบจนเวลาผันผ่าน ความนิยมของร้านก็ถูกพูดถึงในวงกว้าในฐานะ Club Jazz / Swing Jazz ที่ศิลปินชื่อดังมากมายมาปล่อยฝีไม้ลายมือให้เหล่านักฟังเพลง ศิลปินผิวสีที่ถูกแบนจากการเหยียดผิวชังพันธุ์ในยุคสมัยนั้นก็มีโอกาสได้โชว์ฝีมือกันที่นี่ ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เพียงคลับสำหรับคนที่รักในเสียงดนตรีเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสอันแสนวิเศษให้กับศิลปินอีกด้วย

จวบจนปี 1964 สถานที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น The 100 Club อย่างเป็นทางการ และเป็นต้นธารของการจัดแสดงสดดนตรีที่เปลี่ยนแนวไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น

1960s ยุคแห่งดนตรี Blues และ Rock & Roll

The 100 Club ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 โดย Chris Barber ได้นำศิลปินอเมริกันบลูส์ชั้นดี มาให้ชาวอังกฤษได้รับชม เช่น: Muddy Waters, Little Brother Montgomery, Bo Diddley และ B.B. King จนซีนดนตรีบลูส์ กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่นำพาดนตรีสู่การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยและส่งต่อสู่ยุค Rock & Roll / British Beat ที่ก่อกำเนิดวงดนตรีอย่าง The Animals, The Who, The Kinks, The Pretty Things และ The Spencer Davis Group ซึ่งวงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้ผ่านเวที The 100 Club มาแล้วทั้งนั้น

1970s เปลี่ยนวิกฤตสู่โอกาส ประกาศศักดาดนตรี Punk

ข้ามมายุค 70s ถือเป็นยุคที่ The 100 Club พบช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด จากการประท้วงของคนงานที่มีต่อสหภาพแรงงานที่กำหนดนโยบายลดค่าจ้างแรงงาน ไปจนถึงรัฐบาลได้สั่งปิดการใช้ไฟโดยอัตโนมัติในช่วงเวลา 18.00 – 21.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของ The 100 Club

ลูกค้าและแฟนเพลงจึงเริ่มไปหาสถานที่แฮงก์เอาท์ใหม่ที่ห่างไกลสายตาจับจ้องของรัฐบาล นั่นคือบนเรือจากการจัดรายการ Pirate Radio ทำให้ลูกค้าของ The 100 Club เริ่มร่อยหรอลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ

แต่ท่ามกลางวิกฤตก็พบโอกาส เมื่อการมาของซีนดนตรี Punk ได้ถือกำเนิดขึ้น ในห้วงเวลาที่คนไม่ได้รับความยุติธรรมจากภาครัฐ The 100 Club จึงจัดคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ ในวันที่ 20 – 21 กันยายน 1976 ในชื่อ 100 Club Punk Special ที่รวบรวมวงดนตรีในตำนานอย่าง Sex Pistols, The Clash, The Damned, Siouxsie & The Banshees, Buzzcocks, Vibrators และ Subway Sect มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันในค่ำคืนนั้น

แม้สถานที่จะคับแคบแต่สายตากว่า 600 คู่ ก็ได้เป็นประจักษ์พยานให้กับการแสดงอันยอดเยี่ยมในครั้งนั้น โดยนิตยสาร Melody Maker ได้เขียนถึงค่ำคืนแห่งพังค์ครั้งนั้นว่า “ทศวรรษใหม่ของดนตรีร็อคได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว” ซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยปั๊มหัวใจของ The 100 Club ให้กลับมาเต้นได้อีกครั้ง จนสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของซีนดนตรีพังค์ในเวลาต่อมา

1980s ช่วงเวลาของ Reggae / Ska / Post-Punk และ Northern Soul

ข้ามมาช่วงเวลาของทศวรรษ 80s The 100 Club เริ่มรับความหลากหลายจากแนวดนตรีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา Reggae ที่จัด Session พิเศษ Saturday Soul Club ในทุกคืนวันเสาร์ ไปจนถึงเปิดรับ Afro Beat จากแอฟริกา ด้วยการจัดช่วงเวลาวันศุกร์เป็นวันแห่ง South African Jazz พร้อมกันนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่ดนตรี Northern Soul และ Post-Punk กำลังเรืองรองอีกด้วย

1990s แจ้งเกิดวงดนตรีโนเนมให้กลายเป็นร็อคสตาร์

และช่วงเวลาที่ The 100 Club กลายเป็นบ้านของเหล่าศิลปินหน้าใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นในทศวรรษที่ 1990s เมื่อสถานที่แห่งนี้ได้เปิดประตูต้อนรับศิลปินอินดี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Suede / Blur / Primal Scream / St Etienne / Spiritualized / Kula Shaker / The Charlatans ที่หลั่งไหลในช่วงเวลาที่ซีนดนตรี Britpop ครองเมือง

และ 1 ใน วงดนตรี No Name ในห้วงเวลานั้นที่ใช้ The 100 Club เป็นเวทีแจ้งเกิด นั่นก็คือ Oasis นั่นเอง

Oasis กับห้วงเวลาแห่งความทรงจำด้วยค่าจ้างเพียง 250 ปอนด์

ทุก ๆ วงดนตรีไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ย่อมมีก้าวแรกเสมอ และใครจะรู้ว่า ร็อคสตาร์ปากดีที่เคยสร้างปรากฏการณ์แห่งดนตรียุค 90s มาแล้วอย่าง Oasis ก็เคยมีก้าวแรกและเคยยอมรับค่าตัวอันน้อยนิดเพื่อให้ได้เฉิดฉายในคลับดนตรีชื่อดังอย่าง The 100 Club โดยแสดงร่วมกับวงดนตรีอีกวงหนึ่งนั่นก็คือ Whiteout (ที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่ทราบ)

โดยช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นในมีนาคม ปี 1994 วงดนตรีที่ชื่อเสียงยังไม่เด่นดังนักได้จัดกิ๊กเล็ก ๆ ใน The 100 Club แต่การแสดงของพวกเขาก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ได้เข้าชม โดย Ted Kessler คอลัมน์นิสต์ของนิตยสาร NME ได้ชมคอนเสิร์ตในครั้งนั้นด้วยเมื่อเขาดูเสร็จก็รีบเขียนบรรยายบรรยากาศแห่งตำนานในครั้งนั้นด้วยความตื่นเต้นว่า

“ในค่ำคืนนี้ Oasis สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับตำแหน่งวงดนตรีที่เล่นเจ๋งที่สุดในสหราชอาณาจักร พวกเขาพกความมั่นใจและความหยิ่งผยองผ่านดนตรีสดใหม่และไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะนักร้องนำอย่าง Liam Gallagher ที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร นับเป็นความโชคดีของ Alan McGee (ผู้บริหารของค่าย Creation Records) อย่างมากที่ได้วงนี้มาอยู่ในสังกัด เขาควรจะโละวงในสังกัดทั้งหมดออกเพื่อโปรโมท Oasis เพียงแค่วง ๆ เดียว

ซึ่ง Oasis ได้ทวิตหนังสือสัญญาว่าจ้างราคา 250 ปอนด์ พร้อมส่วนแบ่ง 70% หลังขายบัตรผ่านหลัก 150 ปอนด์ไปแล้ว ถึงแม้ทั้ง Liam และ Noel จะไม่ได้ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลานั้น แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาและสมาชิกวง Oasis ไม่เคยลืมช่วงเวลาสำคัญที่เป็นก้าวแรกในฐานะวงดนตรีหน้าใหม่เลย

และด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 นั่นเอง 1 ในผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือผู้จัดคอนเสิร์ตนั่นเอง ซึ่ง The 100 Club ก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน ศิลปินมากมายจึงหยิบยื่นน้ำใจเพื่อช่วยเหลือและผยุงกิจการนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย และ Oasis ก็คือ 1 ในวงดนตรีที่จะทำการจำหน่ายเสื้อทีเชิร์ตที่ระลึกนี้ โดยวางวันขายเพียงวันเดียวนั่นคือวันที่ 24 มีนาคมนี้ เวลา 9 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศอังกฤษ ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้ The 100 Club เพื่อต่ออายุตำนานนี้ต่อไป

ใครสนใจสามารถซื้อได้ที่เว็บไซต์นี้เลย https://OasisMusic.lnk.to/OasisMerch

แม้ 2 พี่น้องนี้จะมีข้อเสียเรื่องปากจัด แต่ก็ถือได้ว่าสำหรับเรื่องน้ำใจและการช่วยเหลือแล้ว พี่น้อง Gallagher และสมาชิก Oasis ถือเป็นศิลปินที่มีน้ำใจงดงามจริง ๆ