DESIGN

OMEGA OLYMPIC GAMES TOKYO 2020 COLLECTION ฉลองปีที่ 90 ผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการโอลิมปิกครั้งที่ 29

By: Chaipohn June 28, 2021

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก คือการแข่งขันกีฬาที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ถ้านับตั้งแต่การแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกที่จัดขึ้นใน Los Angeles ปี 1932 จนถึงปัจจุบัน จะมีการจัดไปแล้วทั้งหมด 28 ครั้ง และในวันที่ 23 กรกฎาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ก็จะถึงช่วงเวลาสำคัญที่คนทั้งโลกเฝ้ารอคอย การแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 29 “Olympic Games Tokyo 2020 “

ตลอด 90 ปีที่ผ่านมาของกีฬาโอลิมปิก มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยเฉพาะสถิติโลกที่นักกีฬาทั่วโลกต่างพยายามจะทำลายมันลงในทุกการแข่งขัน กีฬาประเภทใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในแต่ละปี และเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการตัดสินที่แม่นยำมากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือการเป็น Olympic Games Official Timekeeper ของ OMEGA ผู้จับเวลาตัดสินอย่างเป็นทางการของการแข่งขันระดับโลก ที่ต้องใช้ความแม่นยำระดับ Microsecond เพราะในโลกของการแข่งขันสำหรับนักกีฬาที่ทุ่มเทฝึกซ้อมมาหลายปีเพื่อเวทีแห่งนี้ ความเที่ยงตรงแม้ 1 ใน 1,000,000 วินาที ก็มีความสำคัญอย่างมากเพื่อการตัดสินที่เป็นเอกฉันท์ และเพื่อเป็นสักขีพยานยืนยันการทำลายสถิติที่คนทั้งโลกต้องจดจำ

ไม่ใช่แค่ความแม่นยำ OMEGA ยังแนะนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ถูกนำมาใช้ตัดสินกีฬาเกือบทุกประเภทใน Olympic เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถของนักกีฬาที่ก้าวข้ามขีดจำกัดในทุกการแข่งขัน รวมถึงรองรับกีฬาใหม่ ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในรายการแข่งขัน Olympic Games Tokyo 2020 เช่น คาราเต้ ปีนหน้าผา โต้คลื่น เบสบอล ซอฟต์บอล และสเก็ตบอร์ด เป็นบทพิสูจน์ความน่าเชื่อถือและความเป็นที่สุดด้านเทคโนโลยีและความแม่นยำของนาฬิกา OMEGA ในเวทีระดับโลกที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้

ตลอดระยะเวลา 90 ปี มีนวัตกรรมมากมายที่ OMEGA คิดค้นพัฒนาก่อนจะกลายเป็นการกำหนดทิศทางให้กับมาตรฐานการแข่งขันกีฬา Olympic แต่ละครั้ง

ตำนานเกียรติยศอันยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากปี 1932 Olympic Games Los Angeles ครั้งแรกในประวัติศาสตร์กับการตัดสินด้วยนาฬิกาจับเวลา Split Second Stopwatches ที่บอกความละเอียดระดับ 1/10 วินาที เป็นความแม่นยำที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่การจับเวลาในยุคนั้นจะสามารถทำได้

จากนั้นในปี 1964 เป็นปีแรกที่ OMEGA แนะนำระบบ Electronic Timing การบอกเวลาแบบ Real time เพื่อแสดงความเที่ยงตรงให้ผู้ชมนับล้านคนได้ร่วมเป็นสักขีพยานผ่านหน้าจอทีวี และพัฒนาไปสู่นาฬิกาจับเวลาระดับ Quantum Timer ความละเอียด 1 ในสิบล้านวินาที ที่ถูกนำมาใช้ใน London ปี 2012

อีกเทคโนโลยีสำคัญจาก OMEGA ที่โลกจดจำได้ดีคือระบบ Electronic Start System ในปี 2010 การเปลี่ยนสัญญาณปล่อยตัวนักวิ่ง จากปืน pistol ซึ่งมีปัญหาทำให้นักวิ่งสับสนเพราะแสงประกายกับเสียงเดินทางได้เร็วไม่เท่ากัน ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในเสี้ยววินาทีที่สำคัญของการออกตัว OMEGA จึงเปลี่ยนมาใช้ Flash gun ที่มีทั้งแสง เสียงจากลำโพงจุดสตาร์ท ที่เริ่มทำงานจับเวลาพร้อมกันทันทีที่ให้สัญญาณ

นอกจากนี้ยังมี Pressure Sensitive Starting Blocks สำหรับปล่อยตัวนักกีฬา ถูกนำไปใช้ในกีฬาวิ่ง ว่ายน้ำ และอีกมากมาย เป็นอุปกรณ์ที่สามารถวัดแรงกดของเท้าอย่างละเอียดหลายพันครั้งใน 1 วินาที เพื่อเช็คว่านักกีฬาทุกคนออกตัวอย่างถูกต้องหลังเสียงสัญญาณ แก้ปัญหาการออกตัวก่อนสัญญาณแม้เพียงเสี้ยววินาที

เพื่อฉลองให้กับการเป็น Olympic Games Official Timekeeper ครั้งที่ 29 ความพิเศษที่นักสะสมเรือนเวลาหลายคนเฝ้ารอก็คือ OMEGA Olympic Games Tokyo 2020 collection นาฬิกา Seamaster 3 รุ่นพิเศษ​ที่ผลิตในจำนวนจำกัด ประกอบไปด้วย

 

นาฬิกา Diver โทนสีขาวน้ำเงิน ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 42 มม. หน้าปัดเซรามิกสีขาว day-date บอกเวลาและวันที่ เพิ่มมิติลายคลื่นสลักด้วยเลเซอร์ ชุดเข็มและตำแหน่งเวลาสีน้ำเงินบรรจุสารเรืองแสง Super-LumiNova ขอบตัวเรือน ceramic bezel สีน้ำเงินพร้อมสเกลดำน้ำสีขาว (enamel diving scale) มองเห็นได้ชัดแม้ในสถานการณ์แสงน้อย ทำให้ดีไซน์โดยรวมสวยงามลงตัว

ด้านหลังสวยงามด้วย open-caseback กระจก sapphire crystal พร้อมความพิเศษสำหรับการสะสมด้วยการสลักโลโก้ Tokyo 2020 ด้วยเลเซอร์ เผยให้เห็นเครื่อง OMEGA CO‑AXIAL Master Chronometer Calibre 8800 ความเที่ยงตรงและกลไกที่สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กเข้มข้นระดับ 15,000 เกาส์ ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก METAS (Swiss Federal institute of Metrology) สำรองพลังงานได้ถึง 55 ชั่วโมง กันน้ำลึก 300 เมตร พร้อม Helium escape valve บรรจุในกล่องดีไซน์พิเศษ Olympic Games presentation box

 

นาฬิกาสปอร์ตหน้าปัดเซรามิกสีน้ำเงิน พร้อมดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลโก้ Olympic Games Tokyo 2020 แสดงวันที่บริเวณ 6 นาฬิกา ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 41 มม. ฝาหลัง sapphire crystal caseback สลักโลโก้ Tokyo 2020 ด้วยเลเซอร์ เผยให้เห็นกลไก OMEGA CO‑AXIAL Master Chronometer Calibre 8900 สำรองพลังงานได้ถึง 60 ชั่วโมง กันน้ำได้ลึก 150 เมตร มาพร้อมสายยางสีน้ำเงิน และสายสแตนเลสสตีลในกล่องดีไซน์พิเศษ ผลิตจำนวนจำกัด 2,020 เรือน

 

นาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจจากธงชาติญี่ปุ่น ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 39.5 มม. ขอบเซรามิกสีขาว ตัวเลข 20 บนขอบตัวเรือนและเข็มวินาทีโลลิป๊อปปลายดอทสีแดง สื่อถึงดวงอาทิตย์ในธงชาติญี่ปุ่น ฝาหลัง sapphire crystal caseback สลักโลโก้ Tokyo 2020 ด้วยเลเซอร์ กลไก OMEGA CO‑AXIAL Master Chronometer Calibre 8800 สำรองพลังงานได้ 55 ชั่วโมง กันน้ำลึก 600 เมตร มาพร้อมสายหนังสีขาว สายสแตนเลสสตีล และสาย NATO สีขาว บรรจุในกล่องดีไซน์พิเศษ ผลิตจำนวนจำกัด 2,020 เรือน

OMEGA Olympic Games Tokyo 2020 Collection ทั้ง 3 รุ่นนี้มีความแตกต่างเฉพาะตัว การออกแบบที่นำเอาแรงบันดาลใจจากจุดเด่นของโอลิมปิกมาใช้ได้อย่างโดดเด่น การดีไซน์ที่สวยงาม กลไกที่เที่ยงตรงจากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เป็นความพิเศษที่ช่วยเพิ่มมูลค่าความน่าเก็บสะสมให้กับ OMEGA Seamster collection นี้มากขึ้นไปอีกหลายเท่า

มาร่วมกันนับถอยหลังเข้าสู่การแข่งขัน Olympic Games Tokyo 2020 ครั้งที่ 29 การแข่งขันทั้งหมด 339 รายการ 33 ชนิดกีฬา กับ OMEGA, Olymic Official Time Keeper ที่สุดแห่งความแม่นยำ สำหรับที่สุดมหกรรมการแข่งขันกีฬาของโลก

สำหรับคนที่สนใจ OMEGA Olympic Games Tokyo 2020 Collection สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูติก OMEGA
สาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959
สาขาสยามพารากอน โทร. 02-129-4878
สาขาดิเอ็มโพเรียม โทร. 02-664-9550  

หรือ คลิก https://bit.ly/2TRf08S

#OMEGAOfficialTimekeeper #Tokyo2020 #SeamasterDiver300M #OMEGAThailand

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line