Entertainment

ON THE OTHER SIDE: ‘5 ซีรีส์พลิกมุมมองต่อชีวิต’สะกิดต่อมความคิดให้ลื่นไหลบน NETFLIX

By: unlockmen December 27, 2018

มุมมองที่เรามีต่อชีวิต กำหนดว่าเราพอใจแล้ว ยังอยากขับเคี่ยวให้มันเข้มข้นกว่านี้ หรืออยากจะผ่อนคลายให้มันลื่นไหลกว่าที่เป็น ในขณะที่มุมมองของคนอื่นมีต่อเราจะเป็นเหมือน Hint ที่คอยแนะนำเราอยู่ห่าง ๆ ในวันที่เราไม่อาจมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนนัก ดังนั้นไม่ว่าเรามีมุมมองต่อตัวเราแบบไหน การได้เห็นมุมมองของคนอื่น อาจจะเป็น Case Study ที่ดีสำหรับการใช้ชีวิตของเรา แม้ว่าชีวิตคนเราไม่อาจใช้บทเรียนของคนอื่นได้ 100% ก็ตาม

ลองมาดูมุมมองเข้มข้นของชีวิตผ่านซีรีส์บน Netflix ที่จะมาพลิกมุมมองของเราให้ได้ลองไปยืนในด้านอื่นที่ไม่คุ้นเคยกันบ้าง

Black Mirror

เทคโนโลยีที่ช่วยโอบอุ้มเราให้อยู่บนความสะดวกสบาย ให้เราได้ใช้ชีวิตลื่นไหลกว่าแต่ก่อน ในตอนที่ยังคงพึ่งพาระบบ Manual หรือ Analog กันอยู่ เราอาจมองว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้อมรอบแบบนี้มันช่างสมบูรณ์แบบ จนนึกภาพไม่ออกว่า ถ้าเราขาดสิ่งเหล่านี้ไปเราจะใช้ชีวิตยังไงไหว ลองมาดูเรื่องนี้ เรื่องราวของเทคโนโลยีในอีกด้านที่คอยกลืนกินเราอย่างช้า ๆ

เหมาะกับคนเวลาน้อยมาก ๆ เพราะเท่ากับว่าใช้เวลาดูตอนนึงแค่ 40 นาที แถมเนื้อเรื่องยังจบในตอนอีกต่างหาก แกนเรื่องหลักของทุกซีซั่นคือการใช้เทคโนโลยีในทางที่ชวนให้เกิดความหมิ่นเหม่ทางศีลธรรม จนเกิดคำถามเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตของเราว่าขอบเขตของมันควรอยู่แค่ไหน เราหรือมันกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายควบคุม เป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า

อาจจะฟังดู Sci-Fi เสียเหลือเกิน แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดี เข้าใจง่าย และออกมาในเชิงการตั้งคำถามกับชีวิตไม่ได้มีเนื้อหาเฉพาะ Geek IT เท่านั้น แม้จะไม่ได้อินเทคโนโลยี ก็สามารถอินไปกับเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

Mindhunter

เพราะการจะเข้าใจใคร มองจากมุมมองของเราเพียงฝ่ายเดียวอาจจะยังไม่พอ เราต้องไปยืนในฝั่งเดียวกับเขา เรียนรู้วิธีคิดแบบเขา แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องก็ตาม เรื่องราวของเจ้าหน้าที่ FBI ที่ต้องตั้งกลุ่มพิเศษขึ้นมาเพื่อศึกษาพฤติกรรมและความคิดของฆาตกร คดีที่โหดเหี้ยมและคดีต่อเนื่อง เพื่อหาหลักเกณฑ์ออกมาเป็นแนวทางในการทำคดีต่อ ๆ ไป ซึ่งทำให้เขาต้องคลุกคลีและใช้เวลาอยู่กับฆาตกรเหล่านั้นให้ตัวเองได้สัมผัสถึงจิตใจของฆาตกรเพื่อล้วงเอาเหตุผลที่ก่ออาชญากรรม ความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้นี่แหละ ยิ่งเขาถลำตัวเข้าไปลึกเท่าไหร่ เขายิ่งสูญเสียทุกสิ่งรอบข้างไปหรือแม้แต่ตัวตนของเขาเองก็ตาม

แค่เนื้อเรื่องก็เข้มข้นชวนติดตามขนาดนี้แล้ว และยังได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง David Fincher ที่เคยฝากผลงานแนวทริลเลอร์สืบสวนนี้ไว้ในเรื่อง Zodiac และ Se7en มากำกับด้วยตนเองใน EP 1,2,9 และ 10 ซึ่งดูเหมือนจะได้กลิ่นอายจากสองเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะพาร์ทคู่หูและไดอะล็อกของการสืบสวนสุดอึมครึมที่แสดงถึง Signature ของฟินเชอร์ได้แบบชัดเจนที่สุด ยิ่งทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาด

The Good Place

คุณเคยนึกภาพสวรรค์ไว้เป็นแบบไหน ? หากยังไม่มีคำตอบในใจลองมาดูเรื่องนี้กัน เรื่องราวของโลกหลังความตายที่ทุกคนจะถูกย้ายไปอยู่ในที่ที่ตัวเองควรอยู่ ใครที่คะแนนความดีตลอดช่วงเวลาของชีวิตถึงเกณฑ์ก็จะได้อยู่ที่ The Good Place ที่ตั้งใจทำมาเพื่อล้อกับสวรรค์นั่นเอง แล้วนางเอกของเราคือคนที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์เลยสักนิด เพราะตอนใช้ชีวิตก็ไม่ได้ทำความดีอะไรกับเขาเลย แต่สุดท้ายเธอก็ต้องแนบเนียนใช้ชีวิตในดินแดนของคนดีต่อไป

ความเจ๋งมันอยู่ตรงที่เนื้อเรื่องจะแทรกเนื้อหาของปรัชญาเอาไว้ได้แบบแนบเนียนมาก ๆ และยิ่งถ้าใครพอรู้เรื่องปรัชญาบ้าง รับรองว่าขำท้องแข็งกับการจิกกัดปรัชญาได้แบบเจ็บแสบของเรื่องนี้แน่นอน

อีกสิ่งที่เจอบ่อยคือมุกภาษาที่ใช้การเล่นคำ รับรองว่าขำไม่แพ้กัน ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ล้อเลียนความดีงามของโลกความเป็นจริงได้เจ็บแสบ เมื่อคนไม่ดีมาอยู่ในที่ดี ๆ เขาจะกลายเป็นคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่ เรื่องราวช่างคุ้นเคยราวเหมือนกับสังคมจริง ๆ ของโลกใบนี้เสียเหลือเกิน

The End of the F***ing World

ถ้าเราสามารถทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่าง เราจะเลือกทำอะไร ? James (Alex Lawther) หนุ่มน้อยผู้ไร้ความรู้สึก อยากจะหาเหยื่อมาเชือดตามเสียงเรียกร้องในหัว และ Alyssa (Jessica Barden) เหยื่อสาวที่หลงเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของ James ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ไปตลอดกาล

ความขาด ๆ เกิน ๆ ของทั้งคู่ดึงดูดให้พวกเขากลายเป็นคู่หลุดโลกที่ลุกขึ้นมาทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ออกไปเผชิญกับชีวิตจริงที่ไม่มีพ่อแม่หนุนหลัง ออกไปเจอเรื่องราวของผู้ใหญ่ที่เขาเชื่อว่าเขาจะรับมือกับมันได้ แต่ยิ่งนานวัน ความประหลาดของทั้งคู่ยิ่งผลักให้พวกเขาเดินทางไปไกลมากกว่าที่ตัวเองคิดไว้ จนไม่รู้ว่าจะถอยกลับได้ยังไง

เรื่องราวตลกร้ายที่อาจไม่ตลกสำหรับบางคน เพราะเป็นการเล่าเรื่องที่เฉพาะตัวพอสมควร (แต่ไม่ได้ดูยาก) ถือว่าดูได้เพลิน ๆ กับมุมมองของเด็กแสบที่เราล้วนเคยมีในใจสมัยที่ยังเป็นวัยทีนกันทั้งนั้น

The Affair

ความจริงที่เราเล่า อาจจะไม่ได้เป็นความจริงของอีกคน เรื่องราวการเล่าเรื่องแบบราโชมอนช่วยขับให้ความเข้มข้นของเรื่องนี้พุ่งไปข้างหน้าแบบไม่หยุดยั้ง เรื่องราวชีวิตคู่ที่พังยับไม่มีชิ้นดี จากการตัดสินใจเพียงชั่ววูบของนักเขียนมีชื่อ Noah Solloway (Dominic West) 

เขาเลือกจะทิ้งความสัมพันธ์ของภรรยาผู้แสนเพอร์เฟ็กต์ สาวที่เขาเคยหลงรักตอนมหาลัย ผู้เป็นแม่ของลูกสี่คนเอาไว้ในฤดูร้อนปีนั้น เพราะเขาได้ไปมีความสัมพันธ์แบบลับ ๆ กับสาวเสิร์ฟร้านอาหารผู้มาเติมเต็มสิ่งที่หายไปของเขาคือความเป็นผู้นำ เขาได้เป็นหนุ่มมากความสามารถในสายตาของสาวเสิร์ฟ หลังจากต้องเป็นผัวแสนขี้เกียจที่ลอยชายไปมาของภรรยาตัวเองมาตลอดชีวิต นั่นทำให้เขาไม่อาจถอนตัวจากอำนาจของความเป็นชายอันหอมหวานในครั้งนี้ได้

มันไม่ใช่แค่เรื่องผัวเมียละเหี่ยใจ อย่างละครที่เราคุ้นเคย แต่ทุกตัวละครมีทั้งความน่าสงสารและความน่าหมั่นไส้ในตัวทั้งนั้น การเล่าเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของแต่ละตัวละครจะยิ่งทำให้เราเห็นว่าตัวละครนี้มองอีกตัวละครยังไง สุดท้ายแล้วทุกตัวละครจะเล่าให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกและน่าสงสารในเรื่องราวอันยุ่งเหยิงนี้กันทั้งนั้น

ลองเลือกสักเรื่องที่ถูกใจ ให้อีกมุมมองของตัวละคร เป็น Hint เล็ก ๆ ให้เรานำไปต่อยอดความคิดในการก้าวเดินไปข้างหน้าในชีวิตจริง

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line