TECH
PROJECT ARTEMIS อนาคตของการสำรวจดวงจันทร์ ที่ถูกเว้นว่างไว้นานกว่าครึ่งศตวรรษ
By: Chaipohn July 23, 2019 154685
NASA องค์การอวกาศของสหรัฐ ที่เป็นเจ้าของโครงการ Apollo ซึ่งพามนุษย์ไปลงจอดและเดินบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และหลังจากภารกิจล่าสุดผ่านไป 47 ปีที่ไม่มีมนุษย์คนไหนได้เดินทางกลับไปเลย ในที่สุดรัฐบาลสหรัฐก็มีแผนที่จะส่งมนุษย์ออกเดินทางกลับไปอีกครั้งให้ได้
โดยครั้งนี้พวกเขามาในชื่อโครงการว่า Project Artemis ที่ตั้งตามชื่อเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ การออกล่า ป่า และเนินเขา ในเทพนิยายกรีกโบราณ ซึ่งเป็นธิดาของเทพ Zeus กับ Leto และเป็นพี่น้องกับเทพ Apollo ชื่อของโครงการแรกที่พามนุษย์ไปลงเดินบนดวงจันทร์
รัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump ต้องการจะส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้งอย่างเร็วที่สุด และในเดือนเมษายน ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา Mike Pence รองประธานาธิบดีของสหรัฐเองก็ได้ตั้งเป้าหมาย ให้ NASA พามนุษย์กลับไปลงเดินบนนั้นให้ได้ภายในปีค.ศ. 2024 หรือครบรอบ 55 ปีการลงดวงจันทร์ครั้งแรกนั่นเอง ซึ่งคล้ายคลึงกับตอนที่ John F. Kennedy อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศท้าทายและตั้งเป้าหมายการลงดวงจันทร์เอาไว้ในปีค.ศ. 1961
การกลับไปลงเดินบนดวงจันทร์ในรอบนี้นั้นแตกต่างไปจากเมื่อ 50 ปีที่แล้ว นั่นก็เพราะ เป้าหมายของโครงการ Artemis คือการส่งมนุษย์กลับไปลงจอดบนนั้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการตั้งถิ่นฐานห้องทดลองอย่างถาวรบนดวงจันทร์ ไม่ใช่การส่งไปเพียงแค่ 6 ภารกิจ และหั่นงบประมาณของ NASA ลง ทำให้การลงสำรวจดวงจันทร์ด้วยมนุษย์ก็สิ้นสุดลงตามไปด้วย
โครงการ Apollo เป็นโครงการที่เน้นในเชิงสัญลักษณ์และการสำรวจด้านวิทยาศาสตร์เบื้องต้นซึ่งถือว่าค่อนข้างเล็กน้อยมาก
Harrison Schmitt นักธรณีวิทยา และนักวิทยาศาสาตร์คนแรกที่ได้ลงไปสำรวจพื้นผิวดวงจันทร์ กับมนุษย์คนสุดท้ายนับจนถึงปัจจุบัน ที่ได้ไปลงเดินบนนั้น คือคนๆ เดียวกัน ซึ่งเชื่อกันว่าโครงการ Artemis จะเน้นไปที่การสำรวจเพื่อองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่มากยิ่งขึ้น และหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของภารกิจนี้ ก็คือความเป็นไปได้ที่เราจะเห็นนักบินอวกาศหญิงคนแรก ไปลงเดินบนนั้นอีกด้วย
ทว่าความเป็นไปได้ของภารกิจนี้ก็ดูยากเย็นอยู่พอควร เพราะทาง NASA ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ทันภายในกรอบเวลา 5 ปีที่เหลืออยู่นี้ ตั้งแต่จรวดขนาดใหญ่และทรงพลังเทียบเท่ากับสมัย Saturn V ที่ใช้ส่งยาน Apollo ไปดวงจันทร์ ไปจนถึงแต่ละสวิตช์ภายในยานที่จะต้องถูกติดตั้ง ทดสอบ และใช้งานจนมั่นใจในความสำเร็จ
อีกทั้งงบประมาณแต่ละปีที่ทาง NASA ได้รับการปันส่วนมาจากรัฐบาลกลางก็ค่อนข้างน้อยมาก เมื่อเทียบกับสมัยโครงการ Apollo ที่พวกเขาได้ถึง 4% ของงบประมาณประเทศ เทียบง่ายๆ ว่าในภาษีทุกๆ 100 เหรียญที่ชาวอเมริกันจ่าย NASA จะได้มา 4 เหรียญ แต่ในปัจจุบันงบที่พวกเขาได้นั้นไม่ถึง 1 เหรียญดีเลยด้วยซ้ำ
นอกจากนั้น ในระยะหลังทาง NASA เองก็มีประวัติไม่ค่อยดีด้านการรักษาสัญญา และทำงานให้ทันตามเส้นตายที่ถูกกำหนดไว้ ที่สำคัญก็ยังมีความไม่แน่นอนของประธานาธิบดี Trump ที่อยู่ดี ๆ ก็ดันอยากให้ NASA พัฒนายานไปดาวอังคารเสียเลยทีเดียว โดยไม่ต้องกลับไปดวงจันทร์อีกครั้ง
ดังนั้นอนาคตของโครงการ Artemis ก็ยังต้องคอยถูกติดตามต่อไปเรื่อยๆ ว่า NASA จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคด้านเทคนิคและการเมืองเหล่านี้ไปได้หรือไม่