Life

QUICK WORKOUT: เสริมความฟิตให้ร่างกายไปกับโปรแกรมฝึกสไตล์ไมค์ ไทสัน !

By: SPLESS August 8, 2020

สำหรับหนุ่ม ๆ ที่สนใจในกีฬาการต่อสู้อย่างกีฬาชกมวยชื่อของไมค์ ไทสัน (Mike Tyson) คงเป็นหนึ่งในรายชื่อที่วิ่งเข้ามาในหัวเป็นลำดับแรกเพราะยอดนักชกคนนี้ได้สร้างปรากฏการณ์เอาไว้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสถิติเจ้าแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยวัย 20 ปี 4 เดือน ก่อนแขวนนวมด้วยสถิติชก 58 ครั้ง ชนะน็อก 44 ครั้ง และปราชัยเพียง 6 ครั้งจนได้รับฉายา “Baddest Man on the Planet” มาครองในท้ายที่สุด

talkSPORT

หลายคนต่างรู้ดีว่าพลังหมัดและฝีมือบนสังเวียนของไมค์คือของจริงที่เกิดมาจากการฝึกซ้อมเฉพาะตัวสุดโหดและวันนี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่สนใจอยากออกกำลังในสไตล์ไมค์ ไทสัน เพราะ QUICK WORKOUT วันนี้ได้นำตารางฝึกซ้อมประจำวันในสมัยที่ไมค์ ไทสันยังคงฟาดปากบนสังเวียนมาฝากกัน

แต่การฝึกแบบไหนจะเป็นเบื้องหลังความแข็งแกร่งของชายคนนี้บ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อมกันได้เลย

 

Jogging

Iron Mike เริ่มต้นการฝึกในตอนเช้าของทุกวันด้วยการลุกขึ้นจากเตียงมาวิ่ง Jogging เพื่อเป็นการวอร์มอัพและยืดเส้นสายของร่างกายให้พร้อมสำหรับโปรแกรมฝึกที่เข้มข้นตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันการวิ่งเป็นการฝึกซ้อมที่ขาดไปไม่ได้สำหรับนักมวย เพราะการ Jogging จะช่วยสร้างกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรงซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังในการส่งหมัด รวมไปถึงช่วยเพิ่มกำลังให้สามารถยืนระยะชกบนเวทีได้นานขึ้นไปพร้อมกัน

Mike Tyson Tips: การฝึก Jogging ของไมค์ไทสันจะเริ่มขึ้นในเวลาตี 4-5 ของทุกวันโดยตัวเขาจะใช้ระยะทางในการวิ่ง 3-5 ไมล์หรือประมาณ 4.8 – 8 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามสำหรับหนุ่มที่สนใจเริ่มต้นวันด้วยการ Jogging สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือระยะทางและระยะเวลาในการฝึกที่ไม่ควรสั้นเกินไปจนไม่เกิดการเผาพลาญ แต่ก็ไม่ควรมีระยะทางมากเกินไปเพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนแรงได้

 

Boxing Sparring

หลังวิ่งเรียกกำลังและรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว การฝึกต่อมาของไมค์ไทสันคือ Boxing Sparring หรือการซ้อมลงนวมเพื่อเสริมทักษะการชกโดยการซ้อมลงนวมแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 10- 12 ยก ซึ่งเป็นระยะเวลาในการฝึกที่ใกล้เคียงกับการแข่งจริงซึ่งจะช่วยให้ตัวนักมวยคุ้นชินกับการถนอมแรงระหว่างการแข่งขัน ที่สำคัญคือการฝึกเชิงมวยเมื่อมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีสไตล์การชกแตกต่างกันออกไป

Mike Tyson Tips: ว่ากันว่าการ Boxing Sparring หรือการซ้อมลงนวมของไมค์ ไทสันนั้นแตกต่างจากนักมวยคนอื่นพอสมควร เพราะ Cus D’Amato ยอดโค้ชผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของไมค์มองว่าการ Boxing Sparring ควรเป็นการต่อสู้จริง ๆ ไม่ใช่การซ้อมชกทั่วไปและเลือกจ้างนักมวยมือเก๋าหลายคนมาร่วมฝึกซ้อม

อย่างไรก็ตามคู่ชกหลายคนไม่ต้องการลงนวมชกกับไมค์นานเกินไป เหตุผลเพราะแม้จะเป็นเวลาซ้อมแต่ไมค์มักสร้างความเสียหายหนัก ๆ ให้คู่ชกของเขาเสมอจนทำให้นักชกหลายคนไม่อยากรับงานนอกเวลาชิ้นนี้ ขณะเดียวกันการซ้อมลงนวมของไมค์ มักเป็นการซ้อมแบบไม่สวมใส่เฮดการ์ด เพราะ Cus D’Amato หัวหน้าโค้ชมองว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ทำให้สัญชาตญาณการตอบสนองหมัดของนักมวยช้าลงไป

 

Push-Ups,Sit-Ups, Shrugs and Neck Rolls

medicine

ผ่านการเรียกกำลังและลงนวมเพิ่มเหลี่ยมมวยกันมาแล้ว ถึงเวลาของโปรแกรมเพาะกายกันบ้าง โดยโปรแกรมฝึกบอดี้เวทของไมค์จะประกอบไปด้วยท่าหลัก ๆ 5 ท่าด้วยกันคือ Push-Ups, Sit-Ups, Dips, Shrugs และ Neck Rolls

เริ่มจาก Push-ups ที่จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับแขน ต่อด้วยการฝึก Sit-Ups, Dips และ Shrugs ที่เสริมความแข็งแรงให้ท้องส่วนบน หัวไหล่และหนอกคอ แต่หนึ่งในท่าที่สำคัญที่สุดคือ Neck Rolls ท่าที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงคอให้ทนทานต่อการรับหมัดของคู่ต่อสู้

Mike Tyson Tips: จำนวนเซตในการฝึกซ้อมคือเรื่องเบื้องหลังสำคัญของการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตามการฝึกกล้ามเนื้อของไมค์จะถูกแบ่งออกเป็นหลายเซตแต่ภายใน 1 วันสถิติการฝึกของเขาจะประกอบไปด้วยตัวเลขที่คล้ายกันคือฝึก Sit-Ups 2000 ครั้ง, Push-Ups 500 ครั้ง, Dips 500 ครั้งและ Neck Rolls 30 นาที

 

Heavy Bag

Brawl Bros.

การฝึกคู่กับ Heavy Bag หรือการฝึกชกกระสอบทรายถือเป็นการฝึกซ้อมขั้นพื้นฐานที่ขาดไปไม่ได้สำหรับการชกมวย โดยคุณสมบัติฐานของการชกกระสอบคือการปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับการชก ก่อนจะขยับแบบฝึกให้เข้มข้นมากขึ้นทั้งเรื่องเทคนิคการออกหมัดและพลังในการออกหมัด

อย่างไรก็ตามการซ้อมชกกระสอบในสไตล์ไมค์ ไทสันจะให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลักด้วยกัน เรื่องแรกคือ Form หรือท่าทางในการชก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งการ์ดและการเตรียมออกหมัด เรื่องต่อมาคือ Power หรือพลังหมัด และสุดท้ายคือ Combination หรือการออกหมัดชุด ซึ่งตั้งชื่อชุดเป็นตัวเลข 1 2 และ 3 เพื่อใช้สำหรับสื่อสารระหว่างแข่งขันในช่วงเวลาที่นักมวยคิดไม่ออกว่าจะโยนหมัดชุดแบบไหนออกไปใส่คู่ต่อสู้

Mike Tyson Tips: เทคนิคการซ้อมชกกระสอบทรายมีเรื่องที่ควรให้ความสำคัญคือน้ำหนักของถุงทรายที่เหมาะสมกับพลังหมัดของตัวเอง ไมค์ ไทสันเคยบอกว่าหมัดที่ทรงพลังของเขาเกิดขึ้นกับการชกกระสอบทราบที่มีน้ำหนักมากกว่าปกติ เพราะหากย้อนกลับไปในวัย 16 ปีตัวเขาเริ่มต้นฝึกกับกระสอบทรายขนาดมาตรฐานมาก่อน แต่ในช่วงเวลาที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพตัวเขาต้องซ้อมชกกับกระสอบทรายที่มีน้ำหนักมากถึง 140 กิโลกรัมเลยทีเดียว

 

คงเห็นกันแล้วว่าโปรแกรมฝึกซ้อมของอดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทคนนี้ประกอบไปด้วยการฝึกที่โหดและท้าทายหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นเบื้องหลังความสำเร็จบนสังเวียนของผู้ชายคนนี้ในท้ายที่สุด

อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่สนใจอยากออกกำลังสไตล์ไมค์ ไทสัน สามารถนำท่าฝึกทั้งหมดมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับโปรแกรมออกกำลังของตัวเองตามความเหมาะสมได้เลย สำหรับแฟนมวยอย่าลืมติดตาม Exhibition Fight ระหว่างMike Tyson และ Roy Jones JR. ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ 12 กันยายนนี้ มาดูกันว่าฟอร์มการชกของอดีตแชมป์ที่ล้างสังเวียนมานานกว่า 15 จะยังคงมีพลังหมดที่รุนแรงเหมือนเดิมหรือไม่ !

 


SOURCE: 1/2/3

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line