รีวิว BMW i7 xDrive60 ที่สุดของความหรูหราและน่าตื่นเต้น มาตรฐานใหม่ของรถ EV ในประเทศไทย

นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ BMW ในการสร้างโมเดล flagship รุ่นใหม่อย่าง i7 ขึ้นมา มันมีความแตกต่างจาก 7-Series ในอดีต รวมถึงคู่แข่งใน segment เดียวกันได้อย่างสิ้นเชิง มันเป็นรถที่ไม่ได้มีแค่ความหรูหราที่ส่งผ่านออกมาทางดีไซน์อย่างชัดเจน แต่มันยังมีความเร้าใจที่ล้ำหน้ากว่าใครซ่อนอยู่รอบคัน

สมรรถนะที่น่าตื่นเต้นจากพลังงานไฟฟ้า 100% การออกแบบที่แตกต่างและห่างไกลจากคำว่า conservative เราจะพบเจอฟีเจอร์ที่ควบคุมสั่งงานผ่านหน้าจอได้เกือบจะทุกจุดรอบคัน รวมถึงจอ Theatre Screen 31.3 นิ้ว ที่ปรับระดับใกล้ ไกล และองศาได้จากห้องโดยสารด้านหลัง มันจึงตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้บริหารรุ่นใหม่ รวมถึงลูกค้ากลุ่ม luxury ที่มองหาความแปลกใหม่โดยที่ราคาไม่ใช่อุปสรรค

มองไปรอบตัวยังไม่เจอคู่แข่งของ BMW i7 แบบตรง ๆ แม้แต่รุ่นเดียว เช่นในด้านราคาตัวเริ่มต้นราว 7.5 ล้านบาท ซึ่งเรามองว่ามีทุกอย่างให้ครบจนไม่จำเป็นต้องซื้อตัวท็อปกว่านี้

ดีไซน์ภายนอกถือเป็นอีกจุดเด่นของ BMW i7 ได้เลย หากคุณขับไปบนถนน คุณจะรู้สึกได้ว่าตกเป็นจุดสนใจจากคนรอบข้าง มันเป็นดีไซน์ที่เตะตาและบอกคาแรคเตอร์ของผู้ขับและผู้โดยสารได้ชัดเจนมาก ไฟหน้าคริสตัล Iconic Glow และกระจังหน้าไตคู่เรืองแสงช่วยเพิ่มความน่าเกรงขามในยามค่ำคืน

มิติตัวถังของ i7 มีความยาวมากถึง 5,391 มิลลิเมตร กว้าง 1,950 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,215 มิลลิเมตร หรือเทียบง่าย ๆ คือยาวเท่ารถกระบะหรือรถตู้ หากคุณเป็นคนขับเองอาจจะต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยในการถอยจอดหรือขับเข้าซอยที่มีพื้นที่แคบเนื่องจากรถมีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่อคุ้นเคยก็จะสามารถใช้งานอย่างคล่องตัวได้ไม่ยาก แต่แนะนำว่าที่จอดรถหน้าบ้านต้องมีพื้นที่เพียงพอเพราะความยาวใหญ่ของตัวรถ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะขับยาก พวงมาลัยไฟฟ้าปรับความหน่วงให้เหมาะกับความเร็วได้ดีมากและเลี้ยวได้องศาแคบมาก ๆ จนเรานึกว่ามีระบบ rear-wheel steering มาพร้อมกล้อง 360 องศารอบคัน

BMW i7 xDrive60 แรงเต็มพิกัดด้วยขุมพลังกว่า 400 กิโลวัตต์ หรือ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาด 101.7 kWh ระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าราว 600 กม. โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ประกบล้อหล้าและหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ทำความเร็ว 0-100 km/h ใน 4.7 วินาทีเท่านั้น

แม้มันจะไม่ใช่ Sports Sedan อย่างตระกูล M แต่หากคุณลอง Kick down ในโหมด Sport หลังจะติดเบาะและรู้สึกว่ารถพุ่งเร็วยิ่งกว่าตัวเลขที่ระบุเอาไว้แน่นอน มันแรงมากจนเกินพอสำหรับการใช้งาน และมีเสียง IconicSounds มาแทนที่เสียงเครื่องยนต์เล่นออกมาจากลำโพงที่ฝังไว้ในเบาะก็ยังเป็นอะไรที่ไม่ค่อยชินหูเท่าไหร่ แถมไม่กล้าฟังจนจบเพราะรถมันเร็วมากจริง ๆ

การตกแต่งภายในและลูกเล่นของผู้โดยสารตอนหลังน่าจะเป็นไฮไลท์ที่สุดของ BMW i7 โดยเฉพาะหน้าจอ BMW Theater ขนาด 31.3 นิ้ว แบบ Ultra-wide screen ความละเอียด 8K น่าจะเป็นจุดขายที่ทำให้หลายคนเลือกรถคันนี้ได้ไม่ยาก

เราสามารถเสียบ PS5 หรือ Laptop เพื่อเล่นผ่านหน้าจอได้เลย และยังมี Netflix, YouTube และ entertainment app อีกมากมายที่เล่นแบบออนไลน์ได้ด้วยการใส่ eSim ระบบเสียงบรรเลงผ่าน Bowers & Wilkins Diamond พร้อมลำโพง 39 ตัวเซอร์ราวด์รอบทิศทาง เรียกว่าแค่ Sit back and enjoy จนลืมความวุ่นวายรอบตัวทิ้งไปได้เลย โดยเราสามารถเลือก Mode ต่าง ๆ ได้ด้วยนิ้วสัมผัสเพียงครั้งเดียว เช่น กดไปที่โหมด Theater ตัวรถจะทำการเปิดหลังคากระจก Sky Lounge และม่านบังแดดทั้งหมดรอบคันเพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งแต่ละโหมดจะมีค่า pre-set ที่ต่างกัน

โดยสรุปแล้ว BMW i7 xDrive60 ตัวเริ่มต้นก็ดีมากเกินพอ ทั้งความแรง ความหรู และฟีเจอร์ที่ใส่มาแบบล้น ๆ มันเป็นรถ EV ที่มีความเป็นตัวตนชัดเจน เรียกได้ว่าเป็นรถไฟฟ้าที่หรูหราและน่าสนใจอันดับต้น ๆ ในตลาดเมืองไทย ณ เวลานี้ และเราเชื่อว่าทุกคนที่ได้ขึ้นไปลองขับหรือลองนั่งเบาะหลังของรถคันนี้เป็นครั้งแรก จะต้องตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจจนอ้าปากค้างกันอย่างแน่นอน