Life

SEAN CONNERY เกือบทิ้งเส้นทางนักแสดง เพื่อขายวิญญาณให้ปีศาจแดง MANCHESTER UNITED

By: Chaipohn February 10, 2021

ตลอดช่วงอายุ 60 ปี ของภาพยนตร์ชุดเจมส์ บอนด์ (James Bond) นับตั้งแต่ภาคแรกออกฉาย เรื่องราวของสายลับอังกฤษเจ้าเสน่ห์ผู้นี้ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วทั้งสิ้น 25 ภาค และมีนักแสดงก้าวเท้ามารับบทนำรวมทั้งสิ้น 6 คน โดยนักแสดงคนแรกที่ได้รับบทนี้คือ ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery) นอกจากภาพจำในฐานะนักแสดงชื่อดังที่ฝากผลงานมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะบทสายลับหน้าหล่อเวอร์ชันคลาสสิก เขายังเคยเป็นอดีตนักฟุตบอล และฝีเท้าของเขาก็สามารถทำให้ผู้จัดการทีมฟุตบอลชื่อดังจากเกาะอังกฤษสนใจดึงตัวเขาไปร่วมทีม

ฌอน คอนเนอรี เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 1930 ที่เมืองเอดินเบอระ เมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์ เขาไม่ใช่เด็กโชคดีที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดเหมือนดาราดังทั่วไป เพราะชีวิตในวัยเด็กของเขาต้องต่อสู้กับความยากจน ครอบครัวของเขามีพื้นเพเป็นชาวไอร์แลนด์ที่อพยพมาอยู่อาศัยในสกอตแลนด์ พ่อเเม่ของเขาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ทำให้เมื่อคอนเนอรีโตพอจะดูแลตัวเองได้ เขาจึงเริ่มหางานพิเศษทำเป็นเด็กส่งนมตามบ้าน

 

 

เมื่ออายุ 16 ปี คอนเนอรีตัดสินใจสมัครเข้ากองทัพเรือสกอตแลนด์ เป้าหมายคือการหางานที่มั่นคง และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่สุดท้ายอาชีพนายทหารของเขาต้องสิ้นสุดลงเนื่องจากเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้เขาถูกปลดประจำการในอีก 4 ปีต่อมา คอนเนอรีต้องกลายเป็นคนตกงาน เขาจึงต้องหางานพิเศษทำเพื่อเลี้ยงปากท้อง ไม่ว่าจะเป็น ทำงานเหมืองถ่านหิน ประกวดเพาะกาย ถ่ายแบบ รวมไปถึงอาชีพ “นักฟุตบอล”

 

 

คอนเนอรี ในวัย 20 ปี ได้เข้าร่วมสโมสรฟุตบอลท้องถิ่น “Bonnyrigg Rose” โดยสวมเสื้อหมายเลข 7 ลงเล่นในตำแหน่งปีกขวา และยังเคยได้เข้าทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลระดับอาชีพอย่าง “East Fife” แต่ก็ไม่ผ่านการทดสอบ เขาจึงต้องกลับมาเล่นฟุตบอลระดับท้องถิ่นเหมือนเดิม

เคยมีแฟนบอลตัวยงของสโมสร Bonnyrigg Rose ออกมาพูดถึงลีลาฝีเท้าของคอนเนอรีว่าอยู่ในระดับไหน “ฌอน คอนเนอรี ถือว่าเป็นนักเตะที่เล่นได้ดีตามมาตรฐานระดับท้องถิ่นธรรมดา แต่ไม่ได้โดดเด่นชวนตะลึงแต่อย่างใด แต่ยอมรับเลยว่าเขาคือขวัญใจของสาวๆ ในย่านนี้”

คอนเนอรีใช้ชีวิตในฐานะนักเตะระดับท้องถิ่นนาน 3 ปี แต่เส้นทางในวงการลูกหนังของเขาไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย ยังห่างไกลจากการเป็นนักฟุตบอลระดับอาชีพที่มีค่าหนื่อยมหาศาลอยู่หลายขุม แต่เหมือนฟ้าจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวชายคนนี้ จึงได้เกิดเรื่องราวที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของคอนเนอรี

ในขณะนั้นฟุตบอลลีกอังกฤษกำลังอยู่ในช่วงปรีซีซันก่อนเปิดฤดูกาล 1953/1954 สโมสรผีแดง Manchester United ที่คุมทีมโดย เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby) กุนซือระดับตำนานของทัพปีศาจแดงในยุคนั้น ได้พาลูกทีมเดินทางมาเก็บตัวฝึกซ้อม และลงเตะอุ่นเครื่องกับสโมสรต่างๆ ในสกอตแลนด์

ในวันหนึ่ง ภายหลังจากการคุมลูกทีมฝึกซ้อมเสร็จ เซอร์บัสบี้ได้ออกไปพักผ่อนชมการแข่งขันฟุตบอลระดับท้องถิ่นในสนามใกล้ที่พัก โดยทีมที่ลงแข่งในวันนั้นก็คือ Bonnyrigg Rose และในเกมวันนั้น ฌอน คอนเนอรี วัย 23 ปี ได้ลงสนามเป็นตัวจริง ประจำการในตำแหน่งปีกขวา คอนเนอรีที่ปกติไม่ได้มีฝีเท้าโดดเด่นกว่าผู้เล่นคนอื่น แต่ในวันนั้นเขากลับโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นจนไปเข้าตาท่านเซอร์บัสบี้

หลังสิ้นสุดเสียงนกหวีดจบเกม เซอร์บัสบี้ไม่รอช้ารีบเดินตรงไปพูดคุยกับคอนเนอรี และเสนอสัญญาในการขายวิญาณให้ปีศาจแดง โดยสัญญาจ้างดังกล่าวมอบค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 25 ปอนด์ ซึ่งถือเป็นเงินที่เยอะมากสำหรับคอนเนอรีในตอนนั้น แต่สุดท้ายถึงแม้ข้อเสนอจะหอมหวานมากแค่ไหน คอนเนอรีก็กลับปฏิเสธสัญญาชิ้นโตนี้ไป

คอนเนอรีได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า “ผมรักฟุตบอลมาก และผมก็อยากจะรับข้อเสนอนั้น แต่ตอนนั้นผมอายุ 23 แล้ว การได้เล่นฟุตบอลในระดับอาชีพเหลือเวลาไม่มาก เมื่อถึงอายุ 30 ก็คงต้องเลิกเล่น ดังนั้นการที่ผมเลือกเป็นดารา คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาด”

หลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า สาเหตุที่ทำให้เซอร์บัสบี้เสนอสัญญาให้นักเตะระดับท้องถิ่น ทั้งที่เพิ่งเคยดูฟอร์มได้เพียงนัดเดียว นอกจากเรื่องฝีเท้าที่โดดเด่นที่สุดในวันนั้น น่าจะเป็นภาพลักษณ์ของคอนเนอรีที่เป็นผู้ชายหล่อเหลา รูปร่างดี เป็นที่ดึงดูดของสาว ๆ สามารถช่วยให้สโมสรสร้างมูลค่าการตลอดนอกสนามได้มากขึ้น และถ้าเกิดคอนเนอรีเล่นดีกับปีศาจแดงขึ้นมา ก็เหมือนเป็นการลงทุนครั้งเดียวแต่ได้กำไรกลับเข้ากระเป๋าหลายเท่า

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากละทิ้งโอกาสทองไป ชีวิตของว่าที่สายลับ 007 ผู้นี้ก็ไม่ได้สุขสบายขึ้นแต่อย่างใด เขายังคงใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงปากท้องนานกว่า 10 ปี เขาตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่วงการมายา และได้มีโอกาสแสดงบทสมทบเล็กๆ จากละคร ภาพยนตร์ และได้เลื่อนขั้นในวงการ จากตัวละครที่ออกมายืนนิ่งๆ ก็เริ่มมีบทพูดมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นเพียงนักแสดงสมทบที่ไม่เคยรับบทนำมาก่อน

เขาลองเข้าออดิชันบท เจมส์ บอนด์ แต่ยังมีคู่แข่งอีกหลายร้อยคนที่ต้องการเป็นสายลับ 007 เช่นกัน เดิมทีตัวคอนเนอรีไม่ได้มีบุคลิกของเจมส์ บอนด์ ตามภาพในอุดมคติของเอียน เฟลมมิ่ง ผู้แต่งนิยายต้นฉบับเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะภาพในหัวของเฟลมมิ่ง บอนด์คือผู้ชายบุคลิกสง่างาม มีราศีชั้นเชิงจัดจ้าน แต่คอนเนอรีมีรูปร่างสูงใหญ่ กำยำแข็งแรงเหมือนพระเอกหนังบู๊ระห่ำแหลกทั่วไป ทำให้เขาเกือบจะถูกขีดฆ่าจากรายชื่อผู้คัดเลือก แต่มนุษย์เมียของคุณเฟลมมิ่ง เธอได้บอกไว้ว่า

“ผู้ชายด้วยกันไม่มีทางมองออก ว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีเสน่ห์น่าหลงใหลมากแค่ไหน”

เมื่อคอนเนอรีได้เข้าคัดเลือกทดสอบการแสดง เขาแสดงฉากหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะใส่ปาก แล้วพูดประโยคคลาสสิกใตำนาน “Bond, James Bond” การแสดงฉากนี้ถูกใจอัลเบิร์ต บรอคโคลี (Albert R. Broccoli) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ผู้มีอำนาจชี้ขาดว่าใครจะได้รับบท ทั้งความเหมาะสมด้านรูปร่างหน้าตา และการถ่ายทอดอารมณ์ในสายตาของบรอคโคลี ทำให้คอนเนอรีได้รับบทสายลับ 007 ในตำนานไปครอง

ภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ภาคแรกในชื่อ “Dr. No : พยัคฆ์ร้าย 007” ออกฉายในปี 1962 ใช้ทุนการสร้างเพียงหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สามารถกวาดรายได้ถล่มทลายทั่วโลก จากความสำเร็จในภาคเปิดตัว ส่งผลให้คอนเนอรีได้รับบทเจมส์ บอนด์รวมทั้งสิ้น 6 ภาค ชนิดที่ว่าภาพยนตร์ภาคที่ 6 “On Her Majesty’s Secret Service : 007 ยอดพยัคฆ์ราชินี” ที่นำแสดงโดย จอร์จ ลาเซนบี ( George Lazenby) ไม่ค่อยถูกใจแฟนๆ จนทำให้คอนเนอรีต้องกลับมารับบทเดิมอีกครั้งในภาพยนตร์ภาคที่ 7 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของเขา แสดงให้เห็นว่าคอนเนอรีคือสายลับ 007 ที่แฟนๆ หลงรักมากที่สุดคนหนึ่ง

คอนเนอรีประกาศอำลาวงการบันเทิงในปี 2006 รวมระยะเวลาในวงการ 52 ปี นับเป็นหนึ่งในนักแสดงระดับแถวหน้าของวงการ มีผลงานการแสดงมากมาย และเคยได้รางวัลออสการ์สาขาดาราประกอบชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง The Untouchables ในปี 1987

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา ฌอน คอนเนอรีได้เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 90 ปี ที่บ้านพักในกรุงแนสซอ ประเทศบาฮามาส ถึงตัวจะจากไปแต่ผลงานการแสดง และเรื่องราวของการเป็นอดีตยอดนักเตะเนื้อหอมจะถูกพูดถึงตลอดไป

 


Written by: JSTK

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line