Entertainment

วางโลกที่แบกไว้ทั้งใบลงก่อน แล้วหยิบอ่านมังงะ Slice Of Life ให้หัวใจได้สูดอากาศบริสุทธิ์อีกครั้ง

By: GEESUCH November 2, 2022

ในช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความโกลาหลจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เข้ามาไม่หยุดหย่อนแบบนี้ หลาย ๆ คนก็คงมีวิธีคลายเครียดต่างกันออกไป แต่สำหรับคนที่หลบจากโลกความจริงเอาใจไปปล่อยในมังงะอย่างพวกเรา การมาถึงของอนิเมะบู๊เลือดสาดอย่าง Chain Saw Man ที่กำลังไฮป์ที่สุดในทุกแพลตฟอร์มตอนนี้ ดูจะหนักเกินไปเหลือเกิน ก็ชอบแหละ แต่ขอห่างกันสักพักไปก่อน เพราะตอนนี้มังงะแบบ Slice Of Life น่าจะตอบโจทย์ชีวิตตอนนี้มากกว่า 

มังงะแนว Slice Of Life เป็นการ์ตูนที่จะพาเราปล่อยใจ พร้อมค้นหาความหมายของชีวิตบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในความสามัญธรรมดาในทุกวันที่ผ่านไป จริง ๆ ถ้าลองสังเกตุดี ๆ ก็จะเห็นว่ามังงะแทบทุกเรื่องจะมีตอนที่เป็น Slice Of Life ซ่อนอยู่เสมอ เป็นวันที่ตัวเอกของตอนนั้น ๆ ทำอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่คิดอะไรมาก แค่เดินไปตามท้องถนนเฉย ๆ ให้คนอ่านได้พักหายใจก่อนที่จะออกเดินทางเสพเนื้อเรื่องหลักอันเข้มข้นต่อไป 

UNLOCKMEN ขอแนะนำมังงะ Slice Of Life ที่ผู้เขียนอ่านเอง รักเอง และเชื่อว่าคนอ่าน UNLOCKMEN น่าจะชอบด้วยเหมือนกัน เพราะโลกมันเครียดมากแล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่มีอะไรดีเท่ากับการที่มังงะสักเล่มจะสามารถสร้างวันหยุดให้กับใจเราทุกครั้งที่เปิดอ่านนี่ล่ะ : )


โคทาโร่อยู่คนเดียว (Kotaro Live Alone)

เรื่องย่อ : โคทาโร่ ซาโต้ เด็กอนุบาลลึกลับ ผู้ชอบใช้คำติดปากแบบยุคสมัยขุนเจ้าขุนนาง แทนตัวเองว่า ‘ข้าพเจ้า’ เลือกเข้ามาอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ด้วยตัวคนเดียวแบบที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป แต่ถึงจะอยู่คนเดียว ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวจริง เพราะเหล่าเพื่อนข้างห้องที่เป็นนักเขียนการ์ตูนไส้แห้ง สาวบาร์โฮสต์ คุณลุงหน้ายากูซ่า และอีกหลาย ๆ คน ก็เอาใจช่วยเด็กน้อยคนนี้อยู่  

สำหรับมังงะเรื่อง Kotaro Live Alone เราอยากให้คำนิยามว่าแบบนี้-นี่คือมังงะที่พยายามเผยให้คนอ่านเห็นแง่มุมความบกพร่องในชีวิตที่ ‘ผู้ใหญ่’ หลงลืม โดยเล่าผ่านการอยู่ตัวคนเดียวของ ‘เด็ก’ อนุบาลชื่อ โคทาโร่

เป็นมังงะที่เราโกรธตัวเองที่เริ่มอ่านช้ากว่าชาวบ้าน จำได้เลยว่า 2-3 เดือนก่อน เวอร์ชั่นอนิเมะของมังงะเรื่อง Kotaro Live Alone ที่อยู่ใน Netflix ถูกพูดถึงความดีงามและเกิดการชักชวนดูทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งเรามีความคิดแบบนี้ว่ะ ถ้าจะเสพการ์ตูนสักเรื่องก็ต้องเริ่มจากต้นฉบับของมัน ดังนั้น ไหน ๆ สำนักพิมพ์ Pastel ของ NED เขาซื้อลิขสิทธ์พิมพ์ฉบับแปลไทยชื่อว่า ‘โคทาโร่อยู่คนเดียว’ (ปัจจุบันมี 2 เล่ม) ก็ต้องขออ่านหน่อยละกัน

“ฮือออ” (เสียงควาปลื้มปลิ่มที่มาพร้อมกับน้ำตาไหลพรากของผู้เขียน)

ยกให้เป็นมังงะคอเมดี้ที่ทำงานต่อวัยผู้ใหญ่ของเราได้งดงามที่สุดของปี 2022 แนะนำก่อนเลยสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านมังงะ โคทาโร่อยู่คนเดียว เนื้อเรื่องคือทำจุกทุกตอน ซีนสร้างน้ำตารื้นคือตรงจุดมาก ๆ แนะนำว่าให้ค่อย ๆ อ่าน เมื่อจบ 1 ตอนแล้วก็ทบทวนก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นค่อยเปิดบทต่อไป

อ๊ะ ๆ พิมพ์แบบในบรรทัดก่อนคนอาจคิดว่านี่อาจจะเป็นมังงะเครียด ๆ พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกต้องทั้งหมดสักทีเดียว เอาจริง โคทาโร่อยู่คนเดียว เป็นมังงะ Drama-Comedy ที่ซีนตลกก็สามารถทำได้ดีมากด้วย ขำจริง แต่พาร์ทซีเรียสก็ค่อนข้างเข้มข้นแต่ไม่ได้สุดโต่งจนเกินไป เป็นบาลานซ์ที่กำลังดี จะเรียกว่าตัวโคทาโร่คือสิ่งที่นิยามความเป็นมังงะเรื่องนี้ก็ไม่ผิดนัก


โอซาว่า ฮายกครัว  (Urayasu Tekkin Kazoku)

สุดยอดการ์ตูนแก๊กตลกสุด Sur-Real สุดปั่น ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และทุกรูปแบบเท่าที่จินตนาการของมนุษย์จะจินตนาการไปถึง (แต่บางอย่างก็ทึ่งว่ามนุษย์คิดจริงหรอ 555) ว่าด้วยเรื่องราวของ ครอบครัวโอซาวากิ ที่ประกอบไปด้วยสมาชิกสุดเพี้ยน และเหล่าผู้คนรอบตัวในชีวิตที่เพี้ยนยิ่งกว่า! 

ถึงจะเป็นการ์ตูนแก๊ก แต่เอาเข้าจริงมังงะเรื่องนี้ก็มีความเป็น Slice Of Life อยู่สูงมาก หรือถ้าจะบอกว่าเป็นแก่นของมันเลยก็ได้เหมือนกัน การเปิดเนื้อเรื่องในแต่ละตอนมักจะเริ่มด้วยตัวละครหลักของตอนนั้นสักคนใช้ชีวิตตามปกติทุกวัน แต่จู่ ๆ สิ่งที่พวกเขาไปเจอกับบ้าบอมากขึ้นเรื่อย ๆ และบางครั้งก็เป็นพวกเขาที่บ้ามาก ๆ ด้วยตัวเอง จนทำให้ความ Slice Of Life ถูกผสมกับมังงะตลกหลากแบบ จะ Horror, Thriller, Adventure หรืออะไรก็ตามที่ผู้เขียนจะรังสรรค์ได้เลย (แล้วมันเป็นทุกอย่างได้จริง ๆ ด้วยนะ)

เนื่องจากความเป็นมังงะแก๊กอะไรก็ได้ ทำให้โอซาว่ามีซีรีส์แก๊กของตัวละครเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น ‘อากาเนะ จัดหนัก’ รวมตอนของสาวน้อยผู้โชคร้ายชื่ออากาเนะ ผู้ไปที่ไหนก็เจอแต่เรื่องซวยตลอดเวลา หรือ ‘ฮารุมากิ ติดเกาะ’ อาจารย์ประจำชั้นของกลุ่มเด็กนักเรียนตัวเอกของเรื่อง ที่ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ มาก แล้วชอบมั่วซั่วไปติดอยู่ที่ไหนสักแห่งจนออกมาไม่ได้ ติดเกาะกลางถนนบ้าง ติดอยู่บนหลังคาบ้านบ้าง อารมณ์เดียวกับ Tom Hank ใน Cast Away (2000) และการเกิดของซีรีส์หายนะเหล่านี้ก็เป็นอะไรที่คนอ่านเฝ้ารอจะได้เจอความสร้างสรรค์ของ Kenji Hamaoka ผู้เขียนเสมอ   


คำอธิษฐานก่อนจากลา (Frieren Beyond Journey’s End)

เรื่องย่อ : เมื่อ ‘ฟรีเลน’ เอลฟ์จอมเวทย์ที่อยู่กลุ่มเดียวกับ ‘ผู้กล้า’ ได้เดินทางไปปราบจอมมารได้สำเร็จ จนโลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ในตอนนั้นเองทุกคนในกลุ่มนี้ก็ได้แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่อย่างที่เรารู้กันว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเงื่อนไขอายุที่ค่อนข้างสั้น ซึ่งจะต่างกับเอลฟ์อย่างเธอที่มีอายุยาวกว่า 1,000 ปี ฟรีเลนจึงใช้ชีวิตที่เหลือแบบที่ไม่มีกลุ่มผู้กล้าแล้ว เก็บตกชีวิตของตัวเอง ค่อย ๆ ทำสิ่งต่าง ๆ ในทุกวันที่ผ่านไปอย่างไม่เร่งรีบไปเรื่อย ๆ ตามหาความหมายที่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงได้รีบเร่งใช้ชีวิตพร้อมกับซึมซับทุก ๆ อย่างที่เจอเข้าไปนัก

ยกให้เป็นหนึ่งในมังงะที่คอนเซปต์ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยอ่านมา แล้วความเป็น Slice Of Life ของมังงะแฟนตาซีเรื่องนี้ นั้นงดงามมาก มันเหมือนเรากำลังเล่นเกม RPG แบบ Dragon Quest, Grandia, Final Fantasy แบบที่คอยเก็บเลเวลไปเรื่อย ๆ เดินชมเมืองชิล ๆ หาของเวทย์บ้าง เทรดของซื้อเสื้อผ้าแต่งตัวบ้าง คุยกับ npc บ้าง ใช้ชีวิต Slow Life ชื่นชมความงามของเกม ที่มีมากกว่าเนื้อเรื่องหลักและหัวหน้าใหญ่สุดตระการตา


ถ้านอนไม่หลับไปนับดาวกันไหม (Insomniacs After School)

เรื่องย่อ : เรื่องราวของ ‘กันตะ’ กับ ‘อิซากิ’ ที่เป็นโรคนอนไม่หลับในเวลากลางคืน จนต้องหาโอกาสหลับในที่โรงเรียนช่วงกลางวันระหว่างเรียนเสมอ และนั่นรวมถึงการหาสถานที่อันถูกต้องด้วย แล้วบังเอิญว่าโรงเรียนมัธยมที่พวกเขาเรียนอยู่นั้น มีอาคารหอดูดาวเก่าของชมรมดาราศาสตร์ที่ไม่ได้ใช้แล้วอยู่ ความบังเอิญอย่างน่าประหลาดเกิดขึ้น เมื่อได้มานอนที่นี่ทั้งคู่ก็สามารถหลับลงได้อย่างสนิทใจอย่างที่ไม่เคยมาก่อน จนกลายเป็น Safe Zone ที่ทั้งคู่มีร่วมกัน

มังงะน้ำดีอีกเรื่องของสำนักพิมพ์ Pastel ที่เราไม่แน่ใจว่าฮิตในหมู่คนอ่านบ้านเราแค่ไหน แต่เราก็พยายามหาโอกาสที่จะแชร์เรื่องนี้มานานมากแล้ว และจะขอใช้โอกาสนี้เลยครับผม

“ถ้านอนไม่หลับไปนับดาวกันไหม” เป็นประโยคคำถามที่มีความสำคัญต่อเรื่องมังงะเรื่องนี้มาก เพราะมันคือหัวใจหลักของการดำเนินเรื่องราวตั้งแต่เล่มที่ 1 จนคิดว่าน่าจะถึงเล่มจบของเรื่องเลย และตรงนี้เองก็แสดงถึงความเป็น Slice Of Life ของเรื่องด้วย ซึ่งต้องชมจริง ๆ เพราะไม่น่าเชื่อเลยกับการที่แค่ออกไปดูดาวอย่างเดียว จะสามารถทำเป็นเรื่องราวได้มากมายขนาดนี้ ญี่ปุ่นนี่มันประเทศแห่งคอนเทนต์จริง ๆ

ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของอาจารย์ Makoto Ojiro ผู้เขียนเรื่องนี้ คือการเป็นคนวาดภาพ Close Up ได้เก่งและเลือกช่วงเวลาได้ทำงานต่อคนอ่านมาก ๆ อาจเป็นเพราะเขาตั้งใจให้บทพูดของมังงะเรื่องนี้มีน้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ แล้วเลือกเล่าเรื่องด้วยภาพเป็นหลัก จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่มังงะเรื่องอื่นไม่สามารถให้ความรู้สึกแบบนี้ได้ 


Saint Young Men

Saint Young Men เล่าเรื่องของการพักร้อนของ 2 ศาสดา ‘พระเจ้า’ กับ ‘พระเยซู’ บนโลกมนุษย์หลังจากยุคสมัยของทั้ง 2 คู่ได้จบลงไปแล้ว โดยการเข้ามาซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นในศัตวรรษใหม่ราวกับว่าเป็นนักท่องเที่ยว ทั้งตระเวณหาของกินขึ้นชื่อท้องถิ่น เที่ยว Tokyo Disney Land ไปจนถึงซื้อมังงะมานอนอ่านในห้อง ซีนที่พระพุทธเจ้าอ่าน BADDAH ของ เท็ตสึกะ โอซามุ ตลกมาก 555


Shuumatsu Touring 

มังงะขับรถมอเตอร์ไซต์ตะลุยโลก Post Apocalypse ในช่วงเวลาหลังการล่มสลายของมนุษย์โลก กับเด็กสาว 2 คน ที่ออกตระเวณขับมอเตอร์ไซต์สำรวจโลกที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ พร้อมกับเรียนรู้วัฒนธรรมที่เคยมีอยู่ผ่านรูปถ่ายของคนที่ตัวเองรัก โดยที่ไม่รู้ว่าในอนาคตจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีกมั้ย 

เรียกว่าเป็น Slice Of Life อีกรสชาติที่ดีเยี่ยมจริง ๆ ไม่นึกว่าพล็อตเรื่องประมาณนี้ก็ออกมาเป็นมังงะที่มีความ Positive ได้เหมือนกัน มันเหมือนกับเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สูญหาย และความหมายของการเป็นอะไรสักอย่างไปในตัว ใครนึกไม่ออกลองคิดถึง Love Death + Robots (2019) ของ David Fincher ตอน ‘3 หุ่นยนตร์’ มันจะเป็นการสำรวจวัฒนธรรมประมาณนั้นเลย แต่มังงะเรื่องนี้จะเป็นการที่มนุษย์เรียนรู้วัฒนธรรมของตัวเอง (อีกครั้ง) ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ถึงการดับสูญ และประเด็นของการที่ควรจะมีอยู่ต่อไป

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line