Entertainment

จาก Olympics 1988 สู่ความโหดร้ายใน Squid Game การซ่อน 500 ศพไว้ใต้พรมของรัฐบาลเกาหลี

By: Chaipohn October 31, 2021

ยังคงเป็นกระแสที่ Hype ไม่เลิก สำหรับซีรีส์ที่จุดกระแสมากมายในระดับที่คนทั้งโลกต้องดู สำหรับ Squid Game ซีรีส์สุดฮิตสัญชาติเกาหลี ที่พาให้ Netflix กลับไปขึ้นแท่นสตรีมมิ่งอันดับ 1 ของโลกไปได้อย่างขาดลอย พร้อมทั้งแจ้งเกิดนักแสดงและทีมงานทุกคน สร้างเม็ดเงินให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี จนกลายเป็น Soft Power ที่ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงการสร้าง Pop Culture ที่ Hype ทั้งแฟชั่นชุดวอร์มสีเขียวติดเบอร์ รองเท้า Vans สีขาว ไปจนถึงชุดยูนิฟอร์มของผู้คุมในซีรีส์ที่กระหึ่มงานเทศกาลฮาโลวีนทั่วโลกแน่ๆ แม้ว่าซีรีส์จะปล่อยใน Netflix มานานพอสมควรแล้ว แต่กระแสยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วเลย

เหล้าเก่าในขวดใหม่ ใส่ประเด็นสังคมเข้มข้น

Squid Game ซีรีส์สุดฮิตระดับ Mega Trend ที่ทำให้ Korean Wave หรือ Hallyu กลับมาเป็นกระแสทั่วโลกอีกครั้ง หลังจาก Parasite ทำให้วงการหนังเป็นที่พูดถึงในฐานะหนังภาษาต่างประเทศ 100% เรื่องแรกที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ BTS สามารถนำ K-Pop ครองใจคนฟังทั่วโลกได้ ซีรีส์ Squid Game คือก้าวต่อไปที่จะผลักดันให้บรรยากาศของวงการบันเทิงโลกให้กลับมาคึกคักหลังจากซบเซาไปนานจากภาวะโรคระบาด

แม้ Squid Game จะไม่ใช่ซีรีส์ที่แปลกใหม่แต่อย่างใด ตรงกันข้าม มีหนังและซีรีส์ที่เล่นกับประเด็น Survivor Game มากมาย (ใกล้เคียงที่สุดก็ Alice in Borderland) แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นที่โจษจัน ส่วนสำคัญก็น่าจะมาจากการผสมผสานระหว่างเรื่องราวสะท้อนสังคม และการนำสีสันแฟชั่นและ Pop Culture มาผสมกันได้อย่างลงตัว

แม้ในทุกสำนักข่าวทั่วโลก จะหยิบเรื่องราวของ Squid Game มาเล่าจนทะลุไปหมดแล้วก็ตาม แต่ยังมีประเด็นยิบย่อยที่ซ่อนเอาไว้ให้ต้องทึ่งตลอดเวลา และนี่ก็เป็นอีก 1 ประเด็นที่มีคนตาดี ได้เจอจุดเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้าง Squid Game ก็เป็นได้


Olympics 1988 เกียรติยศยิ่งใหญ่ ภายใต้ซากศพกว่า 500 ชีวิต

Hwang Dong-hyuk ผู้กำกับและเป็นเจ้าของบทประพันธ์ของซีรีส์ Squid Game เคยบอกถึงแรงบันดาลใจในการเขียนบทเรื่องนี้กับ Variety ว่าเกิดจากช่วงเวลาอัตคัดขัดสนของเขาตอนเข้าวงการใหม่ ๆ ที่แทบไม่มีเงินในกระเป๋าติดตัวสักวอน

“เมื่อตอนเริ่มเข้าวงการใหม่ๆ ผมประสบปัญหาทางการเงินมาก ๆ เลยใช้เวลาส่วนหนึ่งอยู่ในคาเฟ่ และหมดไปกับการอ่านหนังสือการ์ตูนเพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ หนึ่งในนั้นมี ‘Battle Royale’ และ ‘Liar Game’ รวมอยู่ด้วย ระหว่างที่อ่าน ผมก็สงสัยว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีส่วนร่วมในเกมเหล่านั้น จนค้นพบว่าเกมในหนังสือการ์ตูนเหล่านั้นมันซับซ้อนเกินไป เลยคิดว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าลดความซับซ้อนของเกมลงให้เป็นการละเล่นของเด็ก ๆ แทน”

แต่ในซีรีส์นั้นมีสถานการณ์หนึ่งใน EP.ที่ 5 เมื่อ Hwang Jun-ho ตำรวจสายสืบที่แฝงตัวเข้ามาในสถานที่ปิดตาย เพื่อตามหาพี่ชายที่สาปสูญ จนเขาได้เข้าไปในห้องเก็บแฟ้มการแข่งขันและพบว่า Squid Game นี้จัดมากว่า 30 ปีแล้ว โดยปีแรกที่จัดนั้นก็คือปี 1988 นั่นเอง

ปี 1988 มีความสำคัญ และเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์เกาหลีอย่างมาก เพราะเป็นปีที่ประเทศเกาหลีได้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมกีฬาโอลิมปิก แต่ในขณะที่ผู้คนต่างตื่นเต้นตื่นตากับการจัดงานยิ่งใหญ่ระดับโลกนี้ เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความเน่าเฟะ เต็มไปด้วยซากศพและคาวเลือดเกินที่ใครจะคาดคิด

ช่วงเวลานั้น ประเทศเกาหลีเป็นเพียงประเทศกำลังพัฒนา ยังมีช่องว่างทางชนชั้นและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมอยู่ ท่ามกลางมหาเศรษฐีที่นั่งรถหรู แต่ข้างถนนยังเต็มไปด้วยคนเร่ร่อน / คนไร้บ้าน / คนพิการ รวมไปถึงคนสิ้นหวังจากการตกงานมากมายอยู่ 2 ข้างทาง

วิธีการที่รัฐบาลโดยการปกครองของ Chun Doo-Hwan อดีตนายพลที่เป็นประธานาธิบดีในช่วงเวลานั้นจัดการก็แสนง่ายดาย เพื่อให้บ้านเมืองเป็นที่สะอาดสะอ้านเวลาที่แขกต่างบ้านต่างเมืองเดินทางมา พวกเขาจึงทำการกวาดต้อนคนเร่ร่อนข้างถนนเหล่านั้นเข้าค่ายแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ที่เข้าไปต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “มันคือนรกดีๆนี่เอง”

Social Purification Projects หรือโครงการชำระล้างสังคม คือโครงการที่หน้าฉากรัฐบาลประกาศหาที่พักพิงให้กับคนไร้บ้าน เริ่มโครงการตั้งแต่ช่วงปี 1984 หากแต่ในความเป็นจริงมันคือสถานที่ ๆ ไม่ต่างกับโรงฆ่าสัตว์ เหล่าคนเร่ร่อนมากมายถูกใช้งานเยี่ยงทาสในสถานกักกันนั้น

จากปากคำของ Choi Seung-woo ผู้รอดชีวิต ที่ในตอนนั้นเป็นเด็กที่พลัดหลงจากพ่อและถูกกวาดต้อนขึ้นรถมาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เธอกล่าวว่าเธอได้พบประสบการณ์เลวร้ายจากการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว

“เขาเปิดกระเป๋า พบขนมปังก้อนในกระเป๋าที่ฉันกินเหลือจากโรงเรียน เขาถามว่าฉันขโมยมาใช่ไหม ฉันตอบว่า “ไม่” เขาก็บังคับฉันให้ตอบว่าขโมยมา”

เพียงแค่วันแรกเด็กสาวผู้โชคร้ายก็ถูกทรมานด้วยการจับเธอแก้ผ้า และเอาไฟแช็คลนที่อวัยวะเพศของเธอเพื่อคาดคั้นให้เธอรับผิดในการขโมยขนมปังนั้น จากนั้นประสบการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้นในทุกค่ำคืน เมื่อเธอถูกผู้คุมข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่เธอยังเป็นเยาวชน

เหล่าคนเร่ร่อนที่ถูกจับมา จะอยู่ในชุดยูนิฟอร์ม เป็นชุดวอร์มสีน้ำเงิน รองเท้ายาง งานหลักของคนเร่ร่อนในค่ายกักกันคือจัดแพ๊คไม้จิ้มฟันหรือไม่ก็พับซองจดหมาย ส่วนงานรองของเขาและเธอคือการเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ความรุนแรง ผู้ชายจะโดนซ้อมจนตาย ส่วนผู้หญิงจะเป็นทาสบำเรอความใคร่จากเหล่าเจ้าหน้าที่กลัดมันนั้น

“ทุกคนไม่กล้าที่จะหนี เพราะถ้าหนีแล้วถูกจับได้จะกลายเป็นศพในวันถัดไป ส่วนผู้คุมคนไหนละเลยให้นักโทษหลบหนีไป พวกเขาก็จะโดนลงโทษเช่นกัน”

ภาพที่เห็นจนชินตาคือซากศพของผู้คนที่ตายในสภาพอันแสนทรมาน บางคนขาดใจตายคาที่นอนสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด หญิงสาวบางคนก็ทนรับความอัปยศอดสูจากการเป็นทาสบำเรอความใคร่และการทรมานไม่ไหว เลือกที่จะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายก็มี ดังนั้นคนที่ยังมีชีวิตอยู่และรอคอยที่จะได้รับอิสรภาพก็แทบไม่ต่างกับตัวละครที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ยืนหยัดถึงรอบสุดท้าย หากแต่รางวัลที่พวกเขาและเธอได้รับหาใช่เงินพันล้านวอน แต่เป็นอิสรภาพจากการจองจำ

จนในที่สุด ผู้คนมากมายเริ่มออกตามหาคนที่สูญหาย หนึ่งในนั้นคือพ่อของ Choi Seung-woo จนนำไปสู่การประท้วงใหญ่ และสุดท้ายค่ายกักกันก็ถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางคำขู่ของเจ้าหน้าที่ว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องในสถานที่กักกันนี้ให้ใครรู้

เหล่าผู้คนที่รอดชีวิตต้องอยู่กับฝันร้ายที่ต้องพบเห็นความตายของผู้คนในนั้นกว่า 500 คน เพื่อสังเวยนโยบายสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก โดยไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังนั้นเต็มไปด้วยการทรมานและโหดร้ายแค่ไหน กระทั่งปัจจุบันเหตุการณ์นี้ยังเป็นปริศนาที่อยู่ในมุมมืด และผู้คุมในนั้นไม่เคยมีใครรับโทษจากสิ่งที่ก่อสักคนเดียว แม้กระทั่งหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายยังไม่มีปรากฏให้เห็น และน้อยคนนักจะรับรู้เหตุการณ์อันโหดร้ายป่าเถื่อนนี้ กระทั่งเรื่องราวนี้ออกจากปากผู้เคราะห์ร้ายที่เคยอยู่ในค่ายกักกัน ยังถูกหน่วยงานรัฐคุกคามจนเธอท้อแท้ไปเลย

ซึ่งเหตุการณ์ใน Social Purification Projects นั้นตรงกับเหตุการณ์ในซีรีส์ Squid Game ที่แสดงให้เห็นการรวมตัวของกลุ่มคนจนตรอกที่ต้องเล่นเกมเพื่อเอาชีวิตให้รอด โดยมีพยานรู้เห็นเป็นกลุ่ม VIP นั่นคือเศรษฐีจากนานาประเทศ ที่มองหน้าฉากเป็นเพียงความสนุกสนาน โดยไม่รับรู้เลยว่าเบื้องหลังนั้นมีการสังหารหมู่ที่สุดทารุณขนาดไหน และในตอนจบของ EP สุดท้าย ที่พระเอกของเรื่อง Seong Gi-hun ได้ทำการเดิมพันกับตัวละครปริศนา เมื่อมองคนเร่ร่อนที่นอนหนาวเหน็บข้างทางนั้นจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ อาจจะเป็นสัญญะเพื่อบอกถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี แม้เรื่องราวทั้งหมดจะถูกคาดเดาว่าเป็นเพียงสมมติฐานที่เชื่อมโยงกัน แต่อย่างน้อยที่สุด เหตุการณ์อัปยศในครั้งนี้ก็ได้รับการเปิดเผยและผู้คนได้รับรู้ ซึ่งหมายถึงพลังอันน่าเกรงขามของซีรีส์เรื่องหนึ่ง ที่นอกจากจะผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีให้เติบโตยิ่งขึ้น ยังทำหน้าที่จุดประเด็นและเปิดโปงความจริงอันโหดร้ายให้โลกได้รับรู้อีกด้วย

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line