Entertainment

STEVIE WONDER ศิลปินผู้เกิดมากับความมืดมิด แต่สามารถพาชีวิตเข้าสู่ที่สว่างไสว

By: HYENA September 13, 2018

ความสามารถของคนนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้นเกิดมามีทุกอย่างพร้อมรึเปล่า ไม่ว่าคนที่เกิดมาพร้อมกับความรวย หรือ ความจน จะผิวขาว หรือ ผิวดำ เราต่างโชคดีเหลือเกินที่เกิดมามีร่างกายสมบูรณ์แบบ บางคนที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่างนั้น น่าเสียดายที่ปล่อยให้วันเวลาและความสามารถของชีวิตตัวเอง ค่อยๆ เดินผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์

ในทางกลับกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่เกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์อย่างไม่สามารถจะปฏิเสธมันได้ด้วยซ้ำไป ในกรณีนี้เราขอพูดถึงผู้ที่มีความพิการตั้งแต่กำเนิด แต่เมื่อได้เกิดมาแล้ว เค้าไม่มัวโทษโชคชะตาที่พาความไม่สมบูรณ์มาให้ตั้งแต่แรกเกิด ไม่นั่งรอปฎิหารย์ ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก จนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติ  ผู้ชายที่เราขอหยิบชีวิตมาเป็นแรงบันดาลใจในครั้งนี้คือ “Stevie Wonder” ศิลปินผู้มากความสามารถ แม้ตาบอดสนิทตั้งแต่กำเนิด แต่กลับเป็นที่ยอมรับในความสามารถจากทั่วโลก

Stevie Wonder เกิดในวันที่ 3 พค 1950 เป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้อง 6 คน แต่กลับต้องพบกับความโชคร้ายเพราะคลอดออกมาก่อนกำหนด ในประวัติของเค้านั้น บางข้อมูลก็กล่าวว่า การที่เขาคลอดก่อนกำหนดทำให้ดวงตาพัฒนาไม่สมบูรณ์ ส่วนบางกระแสก็กล่าวว่า ความพิการของเขามาจากความผิดพลาดของแพทย์ที่นำทารกน้อยเข้าตู้อบซึ่งมีปริมาณออกซิเจนมากเกินไป จนทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการมองเห็น

แต่ไม่ว่าสาเหตุคืออะไร ถือว่ายังมีความโชคดีในความโชคร้าย สิ่งที่ดีที่สุดคือเค้ายังคงมีชีวิตอยู่ แต่โชคร้ายที่เค้าไม่มีโอกาสที่จะมองเห็นโลกที่กว้างใหญ่ และสวยงามใบนี้แม้แต่วินาทีเดียว

ยังไม่พอ เมื่อถึงช่วงอายุได้เพียง 4 ขวบ แม่ของเค้าก็ทำการหย่าขาดจากพ่อ พาลูก ๆ ทั้งหมดมาเลี้ยงดูเพียงลำพัง และเปลี่ยนนามสกุลให้ลูก ๆ  ของเธอทั้งหมดจาก Judkins เป็น Morris ถึงแม้ว่า Stevie จะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่เค้ามีจิตใจที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เล็ก เรื่องปัญหาพ่อแม่ไม่สามารถทำให้เค้าหยุดพยายามได้แน่นอน โดยคำอบรมของแม่เค้าที่คอยบอกเสมอว่า “อย่าอายในความพิการของตัวเอง” ไม่ว่าจะถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียนแค่ไหน เค้ากลับรู้สึกว่ามันเป็นความท้าทายที่จะวัดว่าจิตใจของเค้าแกร่งแค่ไหน

“แม่สอนผมให้เดินบนถนนเอง ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะจำความได้ แม่ไม่เคยมัดผมให้อยู่นิ่ง ๆ หรือเอาแต่ตะโกนว่า อย่าก้าวไปตรงนั้น” หรือ ระวัง เดี๋ยวจะล้ม” แต่แม่บอกให้ผมระมัดระวัง ซึ่งผมก็ยังคงหกล้มอยู่ดี โชคดีที่แม่คอยช่วยผมไว้ได้เสมอ ยิ่งแม่ปล่อยให้ผมทำอะไรเอง ผมก็ยิ่งทำอะไรได้มากขึ้นเท่านั้นและเร็วขึ้น”

หลังจากย้ายมาอยู่ Detroit ได้ไม่นาน Stevie ก็มีโอกาสรู้จักกับเครื่องดนตรี ที่ชื่อว่า “เปียโน” แต่มันเป็นของเพื่อนบ้าน และทั้ง ๆ ที่เปียโนหลังนั้นไม่ได้จูนเสียงไว้ แต่ทันทีที่กดแป้นคีย์ เสียงเปียโนกลับทำให้เขามีความสุข ราวกับว่ามันคือสิ่งที่เกิดมาคู่กับเค้า

Stevie จึงมีเสียงดนตรีเป็นเพื่อนตั้งแต่ ณ วินาทีนั้น และยังไม่ทันจะถึงวันเกิดครบปีที่ 10 เค้าก็สอนตัวเองให้เล่นเปียโน ฮาร์โมนิก้า และกลองจนอยู่ในระดับเก่งชนิดหาตัวจับยาก

ในที่สุดชื่อเสียงของ Stevie หนุ่มน้อยนักดนตรีอัจฉริยะก็ดังไปถึงหูผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทแผ่นเสียง Motown Records เค้าจึงได้ชักชวน Stevie เซ็นสัญญากับบริษัทตั้งแต่อายุ 11 ปี โดยทางทีมงานได้ตั้งชื่อในการแสดงให้ว่า “Little Stevie Wonder” เพราะ Stevie เป็นนักร้องที่มหัศจรรย์สมชื่อจริง ๆ

เมื่อเขาอายุ 13 ปี เพลง Fingertips สามารถไต่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งของชาร์ต U.S. Pop and R&B ขณะอายุเพียง 14 ปี เขาแต่งเพลงที่เรียกร้องให้คนหันมาสนใจเรื่องของสังคม เช่น With a Child’s Heart และค่อย ๆ ผันตัวเองมทำงานเบื้องหลังมากขึ้นโดยเฉพาะในการแต่งเพลง

ในการเขียนเพลงใหม่ ๆ Stevie Wonder จะเริ่มต้นด้วยการเขียนเมโลดี้ โดยดึงเสียงดนตรีที่อยู่ในหัวออกมาเป็นตัวโน๊ต จากนั้นจะทบทวนด้วยการเล่นเพลงเดิมซ้ำ ๆ เพื่อหาว่าเขาจะลดทอนหรือเพิ่มเติมเสียงดนตรีใดเข้าไปได้อีกหรือไม่ เขาต้องการให้ดนตรีถ่ายทอดความรู้สึกให้ตรงใจมากที่สุด และนั่นทำให้เพลงของเขามีความแปลกใหม่อยู่เสมอ

Stevie บอกว่า เคล็ดลับในการสร้างสรรค์เพลงไม่ต่างจากการใช้ชีวิต นั่นคือการหันกลับไปทบทวนชีวิตของตัวเองบ่อยๆ เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดในเรื่องเดิมซ้ำ ๆ และทำในสิ่งที่ดีขึ้นได้เสมอ

Stevie มองย้อนกลับไปแล้วรู้ว่า ชีวิตของเค้านั้นได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นมาไม่น้อย เขาเคยให้คำจำกัดความสั้น ๆ ไว้ว่า ความพิการก่อให้เกิดการพึ่งพา และนั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียเกียรติแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ความพิการกลับทำให้เขารู้สึกถึงการให้และการรับว่ามีความสำคัญเท่า ๆ กัน ดังนั้นในเวลาที่เป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือ เค้าจะรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ และเมื่อมีโอกาส ก็จะเป็นผู้ให้ที่ให้ด้วยความเต็มใจที่สุด

นอกจากการแต่งเพลงเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของผู้คนแล้ว Stevie Wonder ยังแต่งเพลงและเล่นคอนเสริต์เพื่อช่วยเหลือการกุศลมาโดยตลอด ทำให้ UN ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ส่งสารแห่งสันติภาพ U.N. Messenger of Peace โดย Stevie จะทำหน้าที่เรียกร้องให้คนทั่วโลก หันมาสนใจคนพิการในสังคม เช่น กระตุ้นให้บริษัทใหญ่ ๆ ผลิตสิ่งที่ผู้พิการสามารถให้งานได้ด้วย หรือทำการวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะทำให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงคนปกติมากขึ้น

ความยิ่งใหญ่จากคนที่สายตามองไม่เห็น เมื่อเทียบกับคนในปัจจุบัน ที่แม้จะแข็งแรงสมบูรณ์แบบ แต่กลับกลายเป็นคนพิการทางอารมณ์และความพยายาม เพียงเพราะเจอกับปัญหา หรือสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่ใจต้องการ ชีวิตของ Stevie Wonder น่าจะสอนอะไรเราได้ไม่มากก็น้อย

ปัจจุบัน Stevie Wonder มี Net Worth อยู่ที่ $110,000,000 ทั้ง ๆ ที่เกิดมาตาบอด 

ก่อนจากกันไป ขอส่งท้ายด้วยผลงานเพลงจาก Stevie Wonder ที่เราชอบมาก ชื่อว่า I Just Called To Say I Love You กับเนื้อหาที่แสนจะลึกซึ้งกันใจ

“ไม่มีวันปีใหม่ให้เฉลิมฉลอง

ไม่มีช็อกโกแลตในกล่องรูปหัวใจจะมอบให้

ฤดูใบไม้ผลิยังมาไม่ถึง

ไม่มีเพลงใดๆ จะร้องให้ฟัง

วันนี้เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่งๆจริง

ผมอยากบอกเพียงผมรักคุณ”

 

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line