Entertainment

COOLEST PLAYLIST รวมหนัง SurfSkate และ Skateboard สาย CULT สุดคลาสสิคที่นักไถต้องดู

By: Chaipohn February 23, 2021

ช่วงนี้กระแสของการเล่น SurfSkate & Skateboard กลายเป็นเทรนด์ฮิตอย่างมาก ไม่เพียงแค่หมู่วัยรุ่นเท่านั้น แม้แต่วัยทำงานที่เคยมองผ่านกีฬา Extreme ชนิดนี้ในยุครุ่งเรืองก็เล่นกันให้เต็มบ้านเต็มเมืองเลยทีเดียว เหล่า celeb ที่โหมจนเซิร์ฟบกกลายเป็น Mega เทรนด์ใหม่ รวมไปถึงเด็ก ๆ ต่างก็พากันจับจองพื้นราบพื้นเนินตามสวนสาธารณะ เพื่อเล่นกีฬาสุดฮิตนี้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อปล่อยตัวไปตามไปตามแรงลมและลู่ล้อแห่งความอิสระเสรี

เรามาดูวิวัฒนาการผ่านหนัง Surf Skate & Skateboard ที่แม้บางเรื่องจะหาดูยาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถในการรับชมได้ทาง Internet และบางเรื่องก็บันทึกช่วงเวลาสำคัญแห่งนักสเก็ตบอร์ดชื่อดังในตำนาน UNLOCKMEN ไม่อยากให้คุณพลาดกับที่สุดของหนังเหล่านี้ ถ้าพร้อมแล้ว ไถหน้าจอแล้วไปหาดูกันได้เลย


คุณูปการสำคัญสำหรับ Skaterdater คือหนังที่ได้รับการบันทึกว่า “เป็นหนังสเก็ตบอร์ดเรื่องแรกของโลก”

หนังสั้นไร้ไดอะล็อคเรื่องนี้ บันทึกภาพของเหล่าเด็กสเก็ตเท้าเปล่าที่โชว์ความโลดโผนบนท้องถนน ผ่านสายตาผู้คนในชุมชนมากมายที่บ้างมองด้วยความทึ่ง บ้างมองด้วยความดูถูกดูแคลน

แต่หนุ่มน้อยคนหนึ่งในแก๊งกลับผ่าเหล่าเมื่อเขาได้ชนกับเด็กสาวที่ขี่จักรยานโดยบังเอิญ จนกลายเป็นความรัก / ความขัดแย้งของกลุ่ม / การแบทเทิ่ล และการเรียนรู้ของชีวิตในแบบ Coming-of-Age จนเรียกได้ว่าเป็น “แฟนฉัน” ฉบับ Skateboard ได้เลย

หนังสั้นเพียง 15 นาทีที่ไม่มีบทพูดสักประโยค แต่สามารถคว้ารางวัล Palme d’Or ในสาขาภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยมของเทศกาลเมืองคานส์นี้ สามารถดึงเสน่ห์ของกีฬาไถบอร์ดที่ยังดูเป็นของใหม่ให้คนดูได้ตื่นตะลึง บรรเลงด้วยบทเพลง Surf Rock แห่งยุค 60’s ที่ชวนหลงใหล จนเรียกได้ว่า Skaterdater คือบรรพบุรุษของหนังสเก็ตทั้งหลายทั้งปวงบนโลกใบนี้อย่างแท้จริง

ชมหนังสั้นได้ที่นี่


1 ในหนังเซิร์ฟสเก็ตที่เป็นตำนานบทสำคัญ เพราะเป็นหนังสารคดีที่ตามรอยกลุ่มผู้ผลักดันให้ Surf Skate กลายเป็น 1 ใน Iconic สำคัญ จนเป็นที่กล่าวขวัญจนถึงทุกวันนี้

แก๊ง Z-Boys หรือ Zephyr คือก๊วนวัยรุ่นบ้านแตกสาแหรกขาดที่รวมเด็กมีปัญหาผู้หันมาปลดปล่อยตัวเองด้วยการเล่นเซิร์ฟ จนพวกเขาเปิดร้านเซิร์ฟบอร์ดที่ชายหาดแคลิฟอร์เนียทางตอนใต้ในย่าน Dogtown

แต่เมื่อชายหาดประสบปัญหาภัยแล้ง แม้แต่สระว่ายน้ำยังร้างว่างเปล่า พวกเขาจึงเปลี่ยนจากการโต้คลื่นเป็นโต้บก โดยเปลี่ยนพื้นที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นสนามที่โชว์ฝีมือ และเปลี่ยนวัฒนธรรมของการไถสเก็ตให้กลายเป็นลีลาผาดโผน จนกลายเป็นที่กล่าวขวัญในฐานะผู้สร้างตำนานแห่ง Surf  Skate

หนังสารคดีบอกเล่าถึงตำนานและความรุ่งเรืองขั้นสุดของวัฒนธรรมสเก็ต จากการบรรยายของ Sean Penn ที่เคยผ่านยุครุ่งเรืองในช่วงนั้นมา ร่องรอยของเหล่าขบถผู้สร้างลัทธิใหม่ให้เหล่าวัยรุ่นและเปลี่ยน South California ให้เป็นให้เป็นแลนด์มาร์คชาว Surf Skate ได้อย่างยิ่งใหญ่และยืนยง ที่ไม่เพียงสร้างคุณูปการให้ชนรุ่นหลังเท่านั้น แต่ยังทำให้แบรนด์หลายๆแบรนด์ โดยเฉพาะ Vans ที่กลายเป็นรองเท้าสำหรับนักสเก็ตไปโดยอัตโนมัติ

และจากสารคดีที่ได้ปลุกตำนานแห่งแก๊งสเก็ตระดับ Legend ในอีก 4 ปีต่อมา เรื่องราวของพวกเขาก็ถูกสร้างเป็นหนังอัตชีวประวัติในชื่อ Lords of Dogtown (2005) ที่ขยายเรื่องราวของตำนาน Z-Boys ให้สนุกเข้มข้นยิ่งขึ้นพร้อมการถ่ายทำที่ทำให้กีฬาอย่าง Surf Skate เปี่ยมด้วยเสน่ห์และความอันตรายในคราวเดียวกัน

ชมสารคดีได้ที่นี่


จากความทรงจำอันเลวร้ายที่ Blake Nelson นำมาเขียนเรื่องราวเป็นนิยาย จน Gus Van Sant ผู้กำกับที่คร่ำหวอดกับการทำหนังสะท้อนปัญหาชีวิตวัยรุ่นมากมาย ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้เหนือชั้นและสะท้อนความสับสนของวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี

มาครั้งนี้ Gus ได้นำชุมชนชาวสเก็ตที่มักรวมกลุ่มไถสเก็ตกันอย่างผิดกฏหมายที่สวนสาธารณะ O’Bryant Square มาตีแผ่ให้เห็นถึงความสับสนซับซ้อน ผ่านเรื่องราวของหนุ่มน้อย Alex วัย 16 ปี ที่ได้ไปพัวพันกับคดีฆาตกรรม แต่พล็อตเลือกที่เสนออย่างหลวม ๆ เพื่อที่ไปโฟกัสความสับสนว้าวุ่นใจของวัยรุ่นแทน

หนังใช้เทคนิคอย่างแพรวพราวเพื่อบอกเล่าสังคมของวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยปัญหา การมองโลกของผู้ใหญ่ที่มักจะตัดสินกลุ่มเด็กสเก็ตบอร์ดว่าเป็นพวกกุ๊ยใต้สะพาน ด้วยการปะติดปะต่อเรื่องเพื่อสะท้อนความสับสน จนนำไปสู่บทสรุปที่ชวนเศร้า บอกกล่าวเล่าความของสังคมสเก็ตที่มักเป็นผู้ร้ายในสายตาคนทั่วไป ผ่านการตอกย้ำซ้ำ ๆ ด้วยเทคนิคการถ่ายภาพสุดอาร์ตในรูปแบบฟิล์ม 8 มม. ฝีมือการถ่ายภาพโดย Christopher Doyle ตากล้องคนสำคัญของ หว่องการ์ไว แห่งยุค 90s มาถ่ายทอดด้านดิบดาร์กของวัยรุ่น และบทเพลงที่มีตั้งแต่เพลงคลาสสิค ไปยันเพลงของ Elliott Smith เพื่อแสดงให้เห็นสภาพล่องลอยที่ถูกบีบคั้นจนยากที่จะแยกระหว่างความจริงหรือความฝัน

Gus Van Sant สะท้อนภาพสมจริงของวัยรุ่นในย่าน Oregon ด้วยการเปิดรับสมัครนักแสดงสมัครเล่นผ่านเครือข่ายสังคม MySpace ในยุคนั้น และคัดเลือกนักแสดงกว่า 3,000 คน รวมไปถึงคัดเลือกนักสเก็ตบอร์ดตัวจริงมาเพื่อเล่นหนังเรื่องนี้ โดยมีบทภาพยนตร์เพียง 33 หน้า และใช้เทคนิคและการตีความของแต่ละบุคคล จนทำให้หนังเรื่องนี้เสมือนจริง และสะท้อนภาพบีบคั้นของวัยรุ่น Gen-Y ได้อย่างทรงพลังและยอดเยี่ยม


เมื่อธานอสไถสเก็ตบอร์ด หนังคัลท์คลาสสิคที่เล่าถึงยุครุ่งเรืองถึงขีดสุดของกีฬาสเก็ตบอร์ดสาย Extreme ที่รวบรวมยุคสมัยที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดของกีฬาสเก็ตบอร์ดจนได้รวบรวมไอดอลแห่งสเก็ตบอร์ดในยุคนั้นไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tony Alva, Tony Hawk, Christian Hosoi และ Steve Caballero ที่โด่งดังถึงขีดสุดในยุคนั้น

Thrashin’ คือหนัง Romeo & Juliet เวอร์ชั่นการแข่งขันสเก็ตบอร์ด เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างแก๊งสเก็ตบอร์ดมือสมัครเล่นที่ต้องมาห้ำหั่นกับแก๊ง The Daggers สเก็ตบอร์ดพังค์ร็อค ที่พระเอกในหนังเผลอไปรักน้องสาวของหัวหน้าแก๊งขาโหด นำไปสู่การเดิมพันและการแข่งขันที่สุดโหดในช่วงท้าย

หนังบันทึกช่วงเวลารุ่งโรจน์ไม่ว่าจะเป็นการแข่งที่สุดเดือด ที่มีแบคกราวด์เป็นซาวด์แทรคของดนตรี Punk Rock รวมไปถึง Red Hot Chili Peppers ที่เพิ่งแจ้งเกิดในฐานะศิลปินหน้าใหม่ มาร่วมปรากฏในหนังด้วย

และอาจจะงงว่า ธานอส มาเกี่ยวในหนังเรื่องนี้ได้ยังไง ดูให้ดีๆ พระเอกคนนี้คือ Josh Brolin ผู้รับบทธานอสในวัยละอ่อนนั่นเอง


แม้ว่าภาพยนตร์ “เจาะเวลาหาอดีต” จะไม่อาจเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นหนังสเก็ตบอร์ดแท้ ๆ เพราะมีสเก็ตบอร์ดเป็นเพียงส่วนประกอบยิบย่อยเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า สเก็ตบอร์ดในหนังเรื่องนี้มันช่างคูลและทำให้จุดกระแสของการไถสเก็ตได้อย่างคึกโครมในยุคนั้น โดยเฉพาะซีเควนซ์ที่ Marty McFly ย้อนอดีตยังยุค 50s เขาถูกเหล่าวัยรุ่นอันธพาลวิ่งไล่ จนเขาได้เจอรถเลื่อนของเด็ก ในสถานการณ์ขับคันเขาจึงจัดการโมรถล้อเลื่อนเด็กเล่นให้กลายเป็นสเก็ตบอร์ด DIY จนเรียกได้ว่าการเชื่อมโยงขำๆในหนังที่นำไปสู่ทฤษฎีที่ว่า มาร์ตี้ อาจจะเป็นผู้คิดค้นสเก็ตบอร์ดเป็นคนแรกของโลกก็เป็นได้ (ขำๆนะไม่ใช่เรื่องจริง)

ซึ่งเมื่อหนังออกฉาย Back to the Future กลายเป็นหนังเมนสตรีมเรื่องแรกที่มีสเก็ตบอร์ดปรากฏในหนังอย่างเป็นทางการ หลังจากที่โลดแล่นอยู่ในหนังทุนต่ำและหนังสารคดีเสียเป็นส่วนใหญ่ในยุค 70s และแน่นอนเมื่อหนังออกฉายและกลายเป็นปรากฏการณ์ถล่มบ๊อกซ์ออฟฟิศ เหล่าวัยรุ่นในยุคนั้นต่างก็พากันไปหาสเก็ตบอร์ดไถกันจนเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ฮิตมากในช่วงนั้น

โดยเมื่อปี 2019 Madrid แบรนด์สเก็ตบอร์ดชื่อดังได้เฉลิมฉลองวาระของหนังที่สร้างชื่อให้สเก็ตบอร์ด กลายเป็น Iconic แห่งโลก Pop Culture ด้วยการออก Marty McFly Valterra Reissue สเก็ตบอร์ดลายที่เหมือนในหนัง Back to the Future มาให้คอลเลกเตอร์ได้สะสมกัน ซึ่งทำจำนวนจำกัดเพียง 175 ชุดเท่านั้นและมันก็ได้หมดอย่างรวดเร็วเมื่อออกขาย

 

แน่นอนว่า หนังทั้ง 5 เรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่สร้างตำนานบนจอ และต่อยอดประวัติศาสตร์ของ SurfSkate และ Skateboard ให้ยืนนานตราบจนปัจจุบัน และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหลากหลายได้สัมผัสถึงศิลปะและการเล่นที่เต็มไปด้วยลีลาและความผาดโผนจนคุณอยากจะลองเล่นสักครั้ง

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line