เพิ่งรู้ว่า Amazon Prime ประเทศไทยเอาหนังสายลับที่โด่งดังที่สุดในโลก 007 ลงสตรีมมิ่งด้วย เหล่าแฟน ๆ สามารถกดรวดดูยาว ๆ ได้แล้วตอนนี้เลย! และถ้าพูดถึงสายลับ 007 นอกจากรถ Aston Martin สุดโฉบเฉี่ยว หรือสูทของ Tom Ford ตัวเท่ที่มาพร้อมกับสารพัดอุปกรณ์ไฮเทคแล้ว สิ่งที่สร้างให้สายลับโค้ดเนม James Bond คนนี้มีเสน่ห์ของความเป็นผู้ชายแสนอันตรายที่ดึงดูดเหล่าสาว ๆ ก็เห็นจะเป็น ‘แว่นตา’ สุดแฟชั่น ซึ่งเป็นที่จับตามองทุกครั้งที่เปลี่ยนภาค เป็นอีกจุดเด่นที่ทุกคนนึกถึงสายลับคนนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปส่องแว่นตาอันน่าจดจำของสายลับบอนด์ เริ่มตั้งแต่สายลับคนแรก Sir.Sean Connery จนถึงสายลับคนล่าสุด Daniel Craig กันเลย Cat Eye แว่นตาที่น่าจดจำของหนังซีรีส์ 007 เกิดขึ้นจากการสวมแว่นตากันแดดครั้งแรกของ Sir.Sean Connery ในหนังภาค 2 ที่ใช้ชื่อว่า From Russia with Love (1963)
เมื่อภาพยนตร์ James Bond ออกฉายครั้งแรกปี 1962 ตอนนั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าจักรวาลหนังสุภาพบุรุษสายลับจะเดินทางข้ามกาลเวลาและเติบโตมาถึงภาคที่ 25 ได้ แฟนหนังหลายรุ่นตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงรุ่นหลานต่างเห็นยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่านกับตัวเอกที่เปลี่ยนไป พอรู้ตัวอีกทีเราก็เดินทางมาถึงบทสรุปของสายลับรหัส 007 คนล่าสุดในภาค Bond 25: No Time to Die (2020) เสียแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องบอกลาสายลับคนล่าสุดของจักรวาล James Bond แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์นามว่า Swatch (สวอท์ช) จึงอยากเชิญผู้ชมทุกท่านย้อนความหลังตั้งแต่ Bond 1 จนถึง Bond 25 ผ่านคอลเลกชันเรือนเวลาที่ดึงเอกลักษณ์ของหนัง James Bond ภาคก่อน ๆ ทั้งหมด 6 ภาค พร้อมกับกล่องนาฬิกาดีไซน์เท่ถอดแบบมาจากตลับเทปชวนให้คิดถึง และไฮไลต์เด็ดของคอลเลกชันอย่างเรือนเวลานวัตกรรมล้ำสมัย Q Watch โมเดลรุ่นที่ 7 ออกแบบพิเศษมาเพื่อส่งท้าย Bond 25: No Time to Die โดยเฉพาะ เปิดตัวอย่างงดงามกับตัวอย่างภาพยนตร์ Bond
เหลือเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนหนุ่ม ๆ ที่เป็นแฟนภาพยนตร์เจมส์บอนด์จะได้ชมบทสรุปของชายผู้มาพร้อมรหัส 007 และการอำลาบทบาทของแดเนียล เคร็ก ในภาค ‘NO TIME TO DIE’ ขณะที่ค่ายนาฬิกาอย่าง SWATCH ก็อยากให้เกียรติการกลับมาของ 007 ด้วยแคปซูลนาฬิกา SWATCH x 007 SWATCH x 007 ประกอบไปด้วยนาฬิกา 6 เรือน มีพื้นฐานจากโมเดล Original Gent’s หน้าปัดขนาด 34 มิลลิเมตร และรุ่น New Gentleman ขนาดหน้าปัด 41 มิลลิเมตรเพื่อตอบโจทย์ผู้ชายที่มีขนาดข้อมือใหญ่ ความพิเศษคือทั้ง 6 เรือนได้แรงบันดาลใจงานดีไซน์ตามจากแฟรนไชส์ James Bond ที่เลือกมา 6 ภาคเด่นจากตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา เอาเป็นว่าอย่ารอช้า เชิญไปดูกันว่าแต่ละเรือนนั้นถูกสร้างออกมาได้โดดเด่นแค่ไหน Dr. NO (1962) Dr. NO มาพร้อมหน้าปัดขนาด
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์สายลับเราจะนึกถึงใครจากเรื่องอะไรบ้าง ? แน่นอนว่าหนึ่งชื่อที่จะต้องถูกยกขึ้นมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงสายลับก็คือ James Bond เจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษรหัส 007 ที่ใครหลายคนยกให้เป็นต้นแบบของความเท่สไตล์สุภาพบุรุษ James Bond เป็นตัวละครโคตรเท่โลดแล่นอยู่ในหน้ากระดาษจากงานเขียนของ Ian Fleming ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายภาคด้วยกัน และตอนนี้ก็มีภาคหนึ่งที่มีอายุถึง 50 ปีแล้ว ภาคที่ว่าคือ On Her Majesty’s Secret Service (1963) นวนิยายลำดับที่ 10 จากหนังสือชุดของ James Bond วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1963 และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันว่า On Her Majesty’s Secret Service (1969) โดยได้ George Lazenby รับบทเป็นสายลับสุดเท่ ซึ่งตอนนี้เรื่องราวของหนังสายลับฉบับภาพยนตร์ On Her Majesty’s Secret Service ก็ครบรอบ 50 ปี ในปี 2019 จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาที่อยู่คู่กับ James
หลังจากภาพยนตร์สายลับที่มักปรากฏตัวพร้อมกับชุดสูทสุดเนี้ยบกับสาวข้างกายอย่าง James Bond ภาคล่าสุดถูกเลื่อนออกไปจากปี 2019 เป็นปี 2020 ตอนนี้มีข่าวลือสุดระทึกที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกและอาจสะเทือนใจแฟนคลับ 007 หลายคนมากที่สุด กับประเด็นที่ว่า “จะเป็นอย่างไรหากบอนด์คนเดิมไม่ใช่บอนด์ที่เป็นชายผิวขาวแต่กลายเป็นหญิงสาวผิวสี” ปัจจุบันโลกของเรามีนักแสดงชายที่รับบทเป็นเจมส์ บอนด์ มาแล้ว 6 คนด้วยกัน ทุกคนต่างเป็นชายหนุ่มผิวขาวทั้งหมด โดยคนล่าสุดที่รับบทเป็นสายลับรหัส 007 คือ Daniel Craig ที่รับบทเป็นบอนด์ครั้งแรกจาก Casino Royale (2006) ต่อด้วยภาค Quantum of Solace (2008) ถัดมาคือ Skyfall (2012) รวมถึง Spectre (2015) และภาคล่าสุด Bond 25 (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) ซึ่งมีกำหนดการเข้าฉายเดือนเมษายนปี 2020 ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของ Craig ในฐานะหนุ่มบอนด์ ทำให้คำถามที่ตามมาคือใครจะมารับไม้ต่อในครั้งนี้ ? จากเพื่อนของ CAPTAIN MARVEL สู่ว่าที่สายลับรหัส 007 ก่อนจะพูดถึง 007 คนต่อไป เราต้องขอข้ามจักรวาลของ
จากคอนเทนต์ที่แล้ว (www.unlockmen.com/james-bond-cars/) ชาว UNLOCKMEN คงได้รู้จักรถคู่ใจ James Bond ในภาค Dr.No ถึง Octopussy กันไปแล้ว เรามาต่อกันในภาคถัดไปและยิงยาวจนถึงภาคล่าสุดอย่าง Spectre กันเลยดีกว่า ไปดูกันว่าสายลับมาดเท่ของเราจะขับรถอะไรให้เราได้ทึ่งกันอีกบ้าง A View to a Kill – Renault 11 อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าพ่อสายลับของเราผันตัวไปเป็นโชเฟอร์ขับแท็กซี่เสียแล้ว แต่เหตุที่รถที่โดดเด่นที่สุดในภาค A View to a Kill เป็นแท็กซี่ยี่ห้อ Renault ก็เพราะว่าในเรื่องเป็นฉากที่เขาต้องรีบทำภารกิจ จึงจำเป็นต้องหารถโดยเร่งด่วน ไม่ว่าจะรถหรูหรือแท็กซี่ก็ไม่เกี่ยงจริง ๆ สำหรับ James Bond The Living Daylights – Aston Martin V8 Vantage Volante เป็นอีกภาคที่มีการเปลี่ยนตัวนักแสดงนำอีกครั้งจาก Roger Moore เป็น Timothy Dalton จึงเหมือนเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะกลับมาใช้รถยี่ห้อที่เปรียบเสมือน Signature ของซีรีส์สายลับเรื่องนี้อย่าง Aston Martin ซึ่งคราวนี้มาในรุ่น V8 Vantage
นอกจากชุดสูทเท่ ๆ, คารมคมคาย, บุหรี่, สาวสวย Sexy, Vodka Martinis Shaken Not Stirred แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เรามักจะนึกถึงเสมอเมื่อพูดถึงซีรีส์ภาพยนตร์สายลับ 007 ระดับตำนานอย่าง James Bond คือรถยนต์คู่ใจของเขา ที่ในแต่ละภาคแทบไม่ซ้ำกันเลย แต่ละคันก็ไม่ใช่ธรรมดา เป็นซูเปอร์คาร์สุดหรูทั้งนั้น เห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหน่วยงาน MI6 ต้นสังกัดของสายลับมาดเท่นั้นรวยขนาดไหน นับตั้งแต่ Dr.No ภาพยนตร์ภาคแรกในซีรีส์ James Bond นำแสดงโดย Sean Connery ถึงภาคล่าสุดอย่าง Spectre ที่นำแสดงโดย Daniel Craig รวมทั้งหมดก็ 24 ภาค แน่นอนว่าสายลับ 007 ของเราก็มีรถคู่ใจทุกภาค วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปทำความรู้จักทั้ง 24 คันไปด้วยกัน Dr. No – Sunbeam Alpine Sunbeam Alpine เป็นรถสปอร์ตสองที่นั่งที่ผลิตโดย Rootes Group