ทุกวันนี้เกิดกระแสของสะสมขึ้นมากมายหลากหลายรูปแบบจริงๆ ทั้งสะสมทั่วไปและสะสมเพื่อเก็งกำไร แต่สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่ามีของสะสมอยู่แขนงนึงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย มีการเติบโตทั้งจำนวนผู้สะสม มีความหลากหลายของตัวตน และที่สำคัญคือมีการเติบโตของราคาที่สูงทีเดียว ด้วยวัฒนธรรมของเราในอดีตอาจจะมองว่าสิ่งนี้เป็นของใช้งานไม่ได้มีคุณค่าหรือราคาอะไร แต่ในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว โดยเฉพาะกับคนยุคใหม่นั่นคือรองเท้าผ้าใบ หรือ Sneaker เมื่อไม่นานมานี้น่าจะพอได้ยินข่าวคราวเรื่อง Sneaker จากค่ายยักษ์ใหญ่รุ่นนึงที่เกิดการผลิตผิดพลาดโดยมีการปักตัวอักษรผิดและเกิดหลุดออกมาสู่ตลาด ด้วยโชคหรืออะไรก็ไม่ทราบดันมีลูกค้าชาวไทยคนนึงซื้อไปด้วยความบังเอิญ ซึ่งโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดแบบนี้มีน้อยมาก ๆ ถ้าเป็นสมัยก่อนรองเท้าคู่นี้คงไม่มีค่าหรือราคาอะไรมากนัก ผู้ซื้อคงเสียใจและเสียอารมณ์อย่างแน่นอนหรือเลวร้ายที่สุดอาจจะเกิดการฟ้องร้องกับทางผู้ผลิตเพื่อเรียกร้องความเสียหายได้เลย แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นหน่ะสิครับ รองเท้าคู่นี้ถูกรับซื้อต่อในระยะเวลาอันรวดเร็วจากคนไทยด้วยกันที่จำนวนเงินถึงหนึ่งล้านบาท ใช่ครับฟังไม่ผิดหรอก”หนึ่งล้านบาท” และจากข้อมูลที่ทราบมาว่าในตลาดโลกราคาของรองเท้าคู่นี้สามารถมีราคาขึ้นไปสูงถึงสองล้านบาทเลยทีเดียว มันเป็นไปได้ยังไงกันรองเท้าคู่เดียวมีราคาเทียบเท่ารถยุโรปคุณภาพดีคันนึงเลย ที่มันเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะโอกาสที่โรงงานจะผลิตชิ้นงานผิดพลาดและหลุดรอดการตรวจสอบจนถูกนำมาวางขายในตลาดนั้นต่ำมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ฉะนั้นรองเท้าคู่นี้อาจจะมีเพียงคู่เดียวในโลกก็เป็นได้และปัจจัยหลักต่อมาคือกำลังซื้อครับ ตลาด Sneaker และ Street Fashion มีกำลังซื้อและเงินหมุนเวียนที่สูงมาก ต้องอย่าลืมนะครับว่าสิ่งของเหล่านี้มักจะถูกซื้อด้วยความชอบและอารมณ์ เรื่องเหตุและผลเป็นเรื่องรองหรือไม่มีเลยจึงทำให้ซื้อง่ายจ่ายไวจ่ายหนักนั่นเอง และแน่นอนครับผมต้องมีข้อมูลติดไม้ติดมือมาให้ผู้อ่านเพื่อเป็นแนวแทง เอ้ยแนวทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Sneaker โดยวันนี้จะพูดถึง Sneaker 5 รุ่นที่น่าจับตามองกันครับ Adidas Yeezy Boost 350 V2 Beluga 2.0 ราคา 16,000 – 18,000 บาท :
เหมือนเป็นธรรมเนียมประจำปีไปแล้วที่ Forbes ต้องจัดอันดับมหาเศรษฐีระดับโลก แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าบรรดาคนมีตังค์ล้นฟ้าเหล่านั้นก็คือบรรดาคนมีตังค์ที่อายุยังน้อย จนเรียกได้ว่าอายุน้อยหลายร้อยหลายพันล้านดอลลาร์ที่แท้จริง โฉมหน้าพวกเขาจะเป็นอย่างไร? และเขาทำอะไรกันบ้าง UNLOCKMEN ชวนมาอัปเดตไว้เป็นแรงบันดาลใจให้ฮึดสู้ฟัดเผื่อจะรวยให้ได้เสี้ยวของเขาขึ้นมาบ้าง สำหรับมหาเศรษฐีที่เด็กที่สุด 3 ลำดับแรกล้วนแต่เป็นชาวนอร์เวย์ สำหรับคนที่เด็กที่สุดนั้นมีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น เธอคือ Alexandra Andresen โดยมีทรัพย์สินจำนวน 1.4 พันล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลือจะเป็นใครบ้างนั้นเราจะพามารู้จักพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน John Collison, 27 ปี — $1 พันล้าน John Collison เป็นนักลงทุนชาวไอริชผู้ร่วมก่อตั้ง Stripe ซึ่งเป็นบริษัทออนไลน์เพย์เมนต์ที่ตั้งอยู่ที่ซานฟรานซิสโก John Collison เริ่มมีไอเดียที่จะทำบริษัท Stripe กับพี่ชายของเขาตั้งแต่เรียนอยู่ในวิทยาลัยที่บอสตัน จนกระทั่งบริษัทของเขาก่อตั้งขึ้นได้สำเร็จในปี 2011 ซึ่งขณะนั้นบริษัทยังไม่เป็นที่รู้จักเนื่องจากเขาไม่ได้ขายอะไรที่เป็นสินค้าที่บริโภคได้ แต่เป็นระบบซอฟต์แวร์ที่จะขายให้บริษัททั่วโลกติดตั้งแล้วสามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้ แต่ล่าสุดเขาก็มีลูกค้ากว่า 100,000 รายทั่วโลก และได้รับตำแหน่งมหาเศรษฐีพันล้านที่รวยที่สุดคนหนึ่งไปแล้ว Evan Spiegel, 27 ปี — $4.1
สมัครเข้าบริษัทไหน ๆ เขาก็ยืนยันชัดเจนว่าเวลาทำงานต้อง 8 ชัวโมงเป๊ะ บวกกับเวลาพักกินข้าว 1 ชั่วโมง เท่ากับ 9 ชั่วโมงทำงานและพักที่ผู้ชายอย่างเราต้องใช้ไป แต่เคยสงสัยไหมว่าไอ้วิธีการทำงานด้วยสัดส่วนแบบนี้มันเวิร์คจริง ๆ หรือ? มันทำให้ประสิทธิภาพการทำงานพุ่งกระฉูดได้สุดจริงหรือเปล่า? UNLOCKMEN ประกาศตรงนี้เลยแล้วกันว่า “ไม่จริง!” แล้วมันต้องทำงานแบบไหนที่ผู้ชายอย่างเราจะได้งานอย่างจริงจัง? วิธีคิดเรื่องการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันไม่ใช่แค่เป็นความคิดสุดล้าสมัย (ที่ใคร ๆ ก็ยังใช้อยู่) แต่ยังไม่ได้ผลการทำงานอย่างเต็มที่อีกด้วย แต่ถ้าเราสงสัยว่า “อ้าว ถ้ามันไม่เวิร์คแล้วมันมีที่มาจากไหนล่ะ?” คำตอบที่จะมอบให้ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมช่วง ค.ศ. 1750 ถึง ค.ศ. 1850 นู่นเลย กฎการทำงาน 8 ชั่วโมง ถูกกำหนดขึ้นมาเนื่องจาก แรงงานในโรงงานต้องทำงานห่ามรุ่งหามค่ำอย่างไม่เป็นธรรม การทำงาน 8 ชั่วโมงจึงถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อกำหนดการทำงานอย่างมีมนุษยธรรมมากขึ้น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบันแต่อย่างใด พูดง่าย ๆ ว่าวิธีการทำงานที่คิดขึ้นเมื่อ 2-3 ร้อยปีก่อน นอกจากมันจะไม่เวิร์คแล้ว มันยังฉุดรั้งการทำงานของเราอีกด้วย โดยการศึกษาของบริษัท Draugiem Group
มีคนเคยเปรียบเปรยไว้ว่าการแสดงความคิดที่ต่างกันก็เหมือนการสวมแว่น เราสวมกรอบที่ต่างกันจึงมีมุมมองต่างกัน แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะมีคนคู่หนึ่งหยิบ “แว่น” จากคำเปรียบที่จับต้องไม่ได้มาสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริง ถอดคาแรคเตอร์คนสวมมาสร้างเฟรมแห่งตัวตน ชนิดที่ไม่ว่าจะสวมหรือวางไว้บนโต๊ะก็รู้ว่าเป็นตัวเรา ที่สำคัญมันยังสามารถกลายเป็นมรดกส่งต่อให้คนรอบข้างได้นึกถึงในวันที่เราไม่อยู่ในโลกใบนี้แล้วด้วย เพราะถ้าเก็บรักษาให้ดีก็มีอายุขัยมากกว่าคนสวมเสียอีก! อาร์ท – ชนกันต์ อุโฆษกุล และเฟิร์น – อานิกนันท์ เอี่ยมอ่อง คือ 2 นักดีไซน์ที่จบจากคณะมัณฑนศิลป์ รั้วศิลปากร ทำงานด้านครีเอทีฟและกราฟิกดีไซน์เนอร์ก่อนผันมาเป็นเจ้าของ Arty & Fern Eyewear ร้านแว่นแบรนด์ไทยมากเอกลักษณ์สไตล์ custom-made ร้านที่เปลี่ยนสโลแกนจากการ วัด “สายตา” ประกอบแว่น ให้ no limit ไปอีกขั้นด้วยการ วัด “สไตล์” ประกอบแว่น จนใครก็พร้อมใจเข้าคิวอยากเป็นเจ้าของ เปิดร้านแว่นจากคนนอก “สายตา” แม้หลายคนอาจจะเคยเห็นทั้งอาร์ตและเฟิร์นผ่านสื่ออื่น ๆ แต่สิ่งที่อาจไม่รู้มาก่อนคือ ทั้งคู่เป็นคนที่มีค่าสายตาน้อยมาก ๆ ดังนั้นความหลงใหลเรื่องแว่นที่พาพวกเขาให้ก้าวมาเปิดร้านจึงไม่ใช่เรื่องของทัศนมาตรศาสตร์ หรือเรื่องของการมองเห็นแต่เป็นเรื่องของดีไซน์ล้วน ๆ โดยเริ่มต้นจากความชอบแบบนักใส่นักสะสม ผสมกับความรู้เรื่องการดีไซน์ที่ร่ำเรียน จนกลายเป็นการเล่นสนุกตอบสนองความชอบตัวเองผ่านการทำแว่นไร้สายตาที่พวกเขาชื่นชอบกันอย่าง “แว่นกันแดด” ซึ่งแม้มันจะเป็นก้าวแรกของการสร้างแบรนด์แบบสนุก ๆ ที่ดันรุ่งโดยไม่ตั้งใจ
ขึ้นชื่อว่า “ความสำเร็จ” มันก็ได้มาโคตรยากจนเลือดตาแทบกระเด็นอยู่แล้ว แต่ว่ากันว่าทันทีที่เท้าก้าวขึ้นไปแตะยอดเขาแห่งความสำเร็จเมื่อไหร่เป็นต้องหนาวยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลังเมื่อนั้น สมกับที่เขาว่ากันว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เพื่อนที่เคยร่วมทางมาด้วยกันก็ห่างหาย ไหนจะใครต่อใครที่ต่างกังขาว่าเราสำเร็จมาได้อย่างไร หรืออย่างร้ายที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายคือการต้องรับมือกับความอิจฉาจากบรรดาลูกผู้ชายด้วยกันเอง ก่อนจะหดหู่จนไม่อยากก้าวเท้าสู่ความสำเร็จมากไปกว่านี้ UNLOCKMEN อยากเสนอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ให้ เพราะไม่ว่าอะไรก็ต้องมีหวัง วิธีการรับมือกับความสำเร็จก็เช่นกัน และนี่คือ “5 วิธีอยู่กับความสำเร็จที่ได้มาให้ได้” แม้จะยากแค่ไหนก็ต้องสู้ หนีไปจากคอมฟอร์ตโซนซะ! ความสำเร็จมันก็น่ากลัวสำหรับบางคนเหมือนกัน เพราะบางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกว่า “เฮ้ย กูสำเร็จแล้วว่ะ กูพอแล้วดีกว่า” หรือไม่ก็ “อุตส่าห์เหนื่อยมาตั้งนานของพักอยู่เฉย ๆ แล้วกัน” เพราะความสำเร็จทำให้เราเหนื่อยหรือรู้สึกว่าเรามาถึงจุดสูงสุดแล้ว เราจึงมักไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร อยากอยู่กับที่เพราะคิดว่าของเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ความจริงการออกจากคอมฟอร์ตโซน การลองอะไรใหม่ ๆ ต่างหากที่จะทำให้คุณอยู่รอดได้บนหนทางแห่งความสำเร็จต่อไป มันจะสอนให้คุณเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรียนรู้ที่จะผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ และการผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ จะทำให้เราเป็นคนเปิดกว้าง นอบน้อม รับฟังคนอื่นที่แม้ไม่สำเร็จเท่าคุณแต่คุณก็ใจกว้างพอจะเปิดรับเขา เป็นเมนเทอร์ให้คนรุ่นใหม่ ๆ การแบกรับความสำเร็จอยู่บนสองบ่าย่อมถูกคาดหวังว่าต้องแบ่งปันทริค แบ่งปันไอเดียที่จะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จไปสู่คนอื่นเป็นธรรมดา เราก็แนะนำว่าทำอย่างนั้นแหละถูกต้องแล้วเพื่อน! นอกจากความคูลแล้ว การเป็นเมนเทอร์ผู้อื่นยังทำให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนหนทางที่ผ่านมา และยังได้ความคิดเห็นเฟรช ๆ ใหม่
ปิดตำนานโจรสลัดโซมาเลียไปหลายลำที่เคยโลดแล่นกลางน่านน้ำแบบละมุนละม่อม ชนิดร่วงกราวกราฟดิ่งลงเหวเมื่อเทียบกับชายฝั่งโซนอื่นอย่างน่าแปลกใจ จนช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครได้ยินเรื่องโจรสลัดเจ้านี้สักเท่าไหร่ และคิดว่าคงโดนจัดการจากรัฐบาลที่มีท่านผู้นำสายโหดสักประเทศไปแล้วแน่ ๆ แต่พอตามควันการหายตัวไปจนเจอเฉลย เรากลับเจอเรื่องที่น่าประหลาดใจกว่า เพราะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผลงานของผู้ชายที่ชื่อ Kiyoshi Kimura เจ้าของเครือธุรกิจคิโยมูระคอร์ป ซึ่งเป็นประธานร้านซูชิเจ้าดังอย่าง Sushizanmai ลุง Kiyoshi คนนี้เป็นใคร คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ แต่ในตลาดปลาซึกิจิ เขาถือเป็นตัวพ่อสุดฮอตใจถึง ที่มักจะ bid หนักสอยปลาราคาแพงที่สุดในโลกเป็นประจำทุกปี โดยมีท่าเท่ ๆ ประจำตัวของ CEO เป็นการผายมือกว้างสองข้างโชว์ปลาทูน่ายักษ์ผ่าโชว์เนื้อแดงสดชวนน้ำลายหกเป็นซิกเนเจอร์ รวมถึงต้นปีที่ผ่านมาลุงก็ยังทำท่านี้ด้วยการเคาะราคา “ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน” น้ำหนัก 405 กิโลกรัม ในราคาสูงสุดที่ 36.5 ล้านเยน คิดเป็นเงินไทยแค่เบาะ ๆ 10 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากโปรไฟล์การประมูลในหน้าสื่อแล้ว สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ Kiyoshi คนนี้แหละที่ทำให้ตลาด Tsukiji ที่เคยซบเซากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง จนผู้คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมา โดยใช้วิธีรวมนักปั้นซูชิชั้นเลิศและรีโนเวทตลาดใหม่จนโด่งดังอย่างทุกวันนี้ในฐานะ “ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ญี่ปุ่นถึงโซมาเลีย อ่านไปสองย่อหน้าก็ยังสงสัยว่ามันมาเกี่ยวกันได้ยังไง ความจริงโซมาเลียมันไม่ได้ใกล้ญี่ปุ่น (โซมาเลียอยู่แอฟริกา) ทำไม Kiyoshi ถึงเลือกที่นี่ เหตุเพราะก่อนจะเป็นนักหาปลา
ความจริงกับความฝันบางทีมันก็ห่างไกลกันเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงานที่เราฝันมาตั้งแต่เด็กว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” แต่พอโตไป ๆ จริง ๆ ความฝันก็ยิ่งดูห่างไกลมากขึ้น ๆ เท่านั้น การทำงานเลยเป็นไปด้วยความหดหู่ห่อเหี่ยว ตื่นมาแต่ละเช้าเหมือนจะหมดพลัง UNLOCKMEN อยากจะกระซิบบอกว่า เฮ้ย มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกว่ะ ลองใช้วิธีพวกนี้ดูหน่อยไหม? แบ่งเวลาไปทำสิ่งที่ชอบ บางทีความรับผิดชอบก็ไม่ได้มาพร้อมความฝันและความสนุกเสมอไป การแบ่งเวลาไปทำในสิ่งที่เราชอบจึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ เมื่อเครียดกับเวลางานจนปวดสมองไปหมด หลังจากหมดเวลางานก็ไม่ควรเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยว่า โธ่ ผมไม่ได้ทำงานที่ผมรักแล้วจมปลักกับมันอยู่อย่างนั้น ให้เอาเวลาไปเติมพลังชีวิตกับสิ่งที่รักที่ชอบดีกว่า เรารับรองว่าช่วยคุณได้ หาอะไรที่เกลียดให้เจอ งานที่ไม่ใช่งานในฝันเพราะมันมีอะไรที่เราไม่อินกับมัน ไม่ชอบกับมันอยู่ แต่ไอ้ “สิ่งที่ไม่ชอบ” มันคืออะไรล่ะ? มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเกลียดทุกภาคส่วนของงาน ดังนั้นจงหาจุดที่เราเกลียดที่สุดให้เจอ เพื่อที่เราจะได้จัดการมันได้ตรงจุด อาจจะดีลกับมันอย่างตรงไปตรงมา หรือเลี่ยงมันให้ไกลที่สุด หรือตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าทำไมเราไม่ชอบมัน ทำไมเราเกลียดมัน เรียกได้ว่าเผชิญหน้ากับจุดที่เราเกลียดที่สุดเพื่อที่จะเข้าใจว่าเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร? ตั้งเป้าหมาย ถ้าเราไม่ได้ทำงานที่ฝัน แปลว่าเรายังมี “งานที่ฝัน” อยู่ ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความฝันเป็นแค่ความฝัน ตั้งเป้าหมายเป็นข้อ ๆ ไว้แล้วค่อย ๆ มุ่งไปทีละขั้น ๆ ยิ่งเราทำสำเร็จทีละข้อทีละขั้นก็แปลว่าเราใกล้ฝันเข้าไปเรื่อย ๆ โดยอาจไม่จำเป็นต้องรบกวนเวลาทำงาน
ช่วงนี้พนักงานชายทั่วประเทศคงได้รับใบภาษี ภ.ง.ด. กันมาแล้ว แต่พูดตามตรงบางทีผู้ชายอย่างเราก็ไม่ค่อยถูกกับตัวเลขเท่าไหร่ เงินเข้าเงินออกเราไม่ค่อยสนใจ เสียภาษีไหมบางทีก็ให้บริษัทจัดการ กับบางคนที่ทำธุรกิจ online หรือ freelance ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเข้าใจผิดไปบ้างว่ายอดเท่านี้ไม่หักบ้าง หักไปแล้วไง 3 % หรือคิดว่ารับเงินสดจับไม่ได้ไล่ไม่ทันหรอก แต่เอาจริง ๆ เรารู้เรื่องนี้ดีแค่ไหน ตอนไหนต้องจ่ายก็ยังเป็นเรื่องที่กังขากันอยู่ เพื่อคลายความสงสัยกับเงินที่ผู้ชายแนวหน้าอย่างเราต้องรู้ให้ครบ มาดูกันว่าคุณเคยมีคำถามเหล่านี้ในใจกับเขาบ้างไหม? วันนี้เรารวบรวมบางส่วนที่ได้จากการติดตามพี่บักหนอม – กูรูด้านภาษีมาบอกต่อ ควรเริ่มคิดเรื่องภาษีคิดตอนไหน? ถ้าถามอย่างนี้ แสดงว่าอาจจะเป็น beginner ที่ยังไม่เคยจ่ายภาษี ความจริงไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร มีรายได้เท่าไม้จิ้มฟันที่เข้าบัญชีแค่ไหน บาทแรกที่เข้ากระเป๋าก็ควรคิดเรื่องภาษีไว้แล้ว จำให้ขึ้นใจ เพราะถึงจะยังไม่ต้องจ่าย แต่ก็ต้องรู้จักกันไว้หน่อยเพราะมีประโยชน์นะ ข้อดี: รู้จักมันตั้งแต่เงินน้อย จะทำให้ตั้งตัวถูก เราจะไม่สะเทือนหรือตกใจตอนเราเงินเยอะขึ้น แถมยังรู้วิธีหลบหลีกได้เป็นอย่างดี รายได้ไม่ถึงไม่เสียภาษี แล้วไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. ได้ไหม? ไม่ถึง 25k ไม่เสียภาษีสิวะ เขาบอกกันมา! ก็ใช่ที่ได้ยินมามันก็ถูก แต่ถ้าบอกว่ารายได้ไม่ถึง จะไม่ยื่นใบภาษี ภ.ง.ด. โอ้โห
แรงบันดาลใจการทำงานของคุณคืออะไร? เรามั่นใจว่าถ้าถามคำถามนี้ไปผู้ชายหลายคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เดดไลน์” แม้มีเวลาให้เป็นเดือน แต่ถ้าวันกำหนดส่งมันยังไม่เด้งเตือน เราก็ไม่พร้อมกระตือรือร้นเร่งทำแต่อย่างใด ไม่ต้องตกใจไปเพราะใคร ๆ ก็เป็นกัน ตราบใดที่ยังทำงานที่มีคุณภาพและส่งทันกำหนดเวลา UNLOCKMEN ก็เชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ที่สำคัญการปั่นงานแข่งกับเดดไลน์ยังมีประโยชน์ซ่อนไว้แบบที่เราไม่ทันคิดอีกด้วย เวลามีค่าแค่ไหน? การปั่นงานแข่งกับเดดไลน์ทำให้เราเรียนรู้คุณค่าของเวลาได้อย่างมหาศาล ใครที่เคยคิดว่าเวลา 5 นาที 10 นาที ไม่มีความหมาย การปั่นงานแข่งกับเดดไลน์จะทำให้เรารู้ว่าเวลาแม้ 1 นาทีก็มีคุณค่ามากพอที่จะทำให้เราคิด ตริตรอง หรือลงมือทำอะไรได้อีกเยอะ เรียกว่าถ้ายังไม่ใกล้เวลาส่งงาน เราอาจพักสูบบุหรี่ได้คราวละ 15-20 นาที แต่ทันทีที่เดดไลน์จ่อตูดอยู่แล้วเราเชื่อว่าเวลา 1 นาทีของผู้ชายทุกคนจะพุ่งทะยานเพิ่มค่าเพิ่มความหมายไปได้ไกลกว่าที่เราเคยคิดไว้เยอะมาก หาหนทางลัดได้มากขึ้น งานหนึ่งงานเราทุกคนต่างมีวิธีจัดการให้มันเสร็จแตกต่างกันออกไป บางคนอาจใช้กระบวนการที่กินเวลามากหน่อย บางคนอาจใช้วิธีการที่ทุ่มพลังกว่าคนอื่น แต่การทำงานภายใต้เดดไลน์ ถือเป็นการทำงานภายใต้ความกดดันของเวลา จะยิ่งบีบให้เราคิดวิธีที่เร็วที่สุด ดีที่สุด ทรงประสิทธิภาพที่สุดออกมาใช้ เป็นการตัดทางเลือกการทำงานที่เยิ่นเย้อออกไปได้โดยอัตโนมัติ จนเราจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่ามันมีวิธีลัดที่ดีขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย? ศักยภาพที่จริงแท้ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อเวลายิ่งกระชั้นชิดเข้ามาทุกที ศักยภาพที่มีในร่างกายเราจะยิ่งพุ่งสูงขึ้น จากเดิมที่เราเคยคิดว่าเราทำงานได้ทีละอย่าง ร่างกายและสมองเราอาจจะ UNLOCK ไปถึงขั้นที่สามารถทำอะไรได้หลายอย่างในคราวเดียว รวมถึงระบบการคำนวณเวลาในหัวที่กดดันตัวเองพร้อม ๆ กันไปด้วย ไหนจะการตรวจตราความเรียบร้อยที่จะปล่อยให้งานหลุดคุณภาพออกไปไม่ได้
ผู้ชายที่ทำงานก็สุด เล่นก็สุดแบบเรา ๆ เหมือนจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับการออมเงินเสียเหลือเกิน ก็หามาได้มาก ก็อยากจะใช้ไปให้มาก ชีวิตมันต้องสุด! เรื่องการลงทุนต่อยอดเงินก็เรื่องหนึ่ง แต่พอพูดถึงการออมเงินเพื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรืออยากมีเงินสักก้อนไว้ทำอะไรให้ชื่นใจ ชิล ๆ ไม่ใช่ได้มาใช้ไป แล้วก็หมด ๆ ดูเหมือนจะห่างไกลจากความเป็นจริงไปทุกที ๆ UNLOCKMEN ตบบ่าแสดงความเข้าใจ และขอเสนอ 5 วิธีออมเงินที่จะว่าสไตล์เด็กอนุบาลก็ว่าได้ แต่ผลลัพธ์ออกมาเป็นกอบเป็นกำระดับคนวัยทำงานแน่นอน ไม่ใช้แบงค์ 50 โดยเด็ดขาด! วิธีสุดฮิตที่ผู้หญิงมักทำกัน ผู้ชายอย่างเราอาจจะดูถูกว่า โธ่ มันจะเวิร์คจริง ๆ หรอ แต่ UNLOCKMEN ของนั่งยัน นอนยัน ยืนยันอีกเสียงว่านี่เป็นอีกวิธีที่ได้ผลจริง กระบวนการก็ง่ายแสนง่าย คือ ห้ามใช้ แบงค์ 50 โดยเด็ดขาด! ไม่ว่าจะเจอเจ้าแบงค์สีน้ำเงินฟ้านี้ที่ไหนก็ขอให้พับลงกระเป๋าเงินให้เรียบร้อย แล้วเอาไปหย่อนลงกระปุกที่บ้าน เรารับรองเลยว่าภายในหนึ่งปี คุณจะเป็นผู้ชายที่มีเงินหมื่นเป็นของตัวเองแบบชิล ๆ แน่นอน กินข้าวกลางวันเท่าไหร่เก็บไปเท่านั้น ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ชายที่ชินกับการกินข้าวกล่องเซเว่นฯ มื้อละ 40-50 บาท หรือฝากท้องไว้กับป้าข้าวราดแกงมื้อละ