เมื่อเราเจอกับเรื่องที่น่าผิดหวังบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทำงานพลาด โดนแฟนทิ้ง หรือ ไม่ได้รับในสิ่งที่หวังไว้ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เรามักคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่า และไม่สมควรได้รับความรักจากใครแม้แต้ตัวเอง พอนาน ๆ เข้า เราก็อาจจะดาวน์ และนำไปสู่ปัญหาด้านการใช้ชีวิตในที่สุด การรักตัวเอง หรือ self-love จะเป็นสกิลสำคัญในเวลาที่เจอเรื่องแบบนี้ มันจะช่วยให้เรารอดพ้นจากเรื่องแย่ ๆ ได้ และสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดังเดิม ทำไม self-love ถึงเป็นสกิลเอาตัวรอด ? หลายคนคงได้ยินคำว่า ‘รักตัวเอง’ บ่อยแล้วจากคนรอบข้าง แต่พอจะหันมารักตัวเองจริง ๆ อาจเริ่มรู้สึกสับสน เพราะคำนี้มีความหมายค่อนข้างกว้าง เราเลยอยากอธิบายบริบทของการ ‘รักตัวเอง’ ที่กำลังจะกล่าวถึงว่ามันคืออะไรกันแน่ self-love คือ การรักตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น คนที่รักตัวเองจะเข้าใจว่าตัวเองอยากทำอะไร และเข้าใจด้วยว่าความคิดและอารมณ์ส่งผลต่อตัวเองอย่างไร เมื่อเรารักตัวเอง เราจะมองเห็นคุณค่าของตัวเองอยู่เสมอ แม้เราจะเจอกับเรื่องที่ทำให้เราโกรธ เกลียด หรือ ผิดหวังในตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม เราก็จะไม่ดาวน์ และสามารถรับมือกับมันได้เป็นอย่างดี คนที่รักตัวเองมักทำเรื่องเหล่านี้ ได้แก่ พูดสิ่งดี
“ความสำคัญ คนสำคัญ” เป็น 2 คำที่น้อยคนจะใช้กับตัวเองแต่สามารถหยิบยื่นให้คนอื่นอย่างเต็มใจ เคยสังเกตกันบ้างไหมว่าเรามักมองคนทั้งโลกดีหมด ใจกว้างให้อภัยคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ได้ แต่กลับหวดตัวเองอย่างรุนแรงเมื่อพบข้อบกพร่องที่เกิดจากตัวเองเสมอ ถ้า “ดีเกินไป” คือสิ่งที่คุณทำให้คนอื่น แต่ไม่ยอมทำให้ตัวเอง เราขอให้ลดดีกรีมันลงอีกนิดเพราะบางครั้งมันอาจถ่วงคุณภาพชีวิตคุณลงจากผลสะท้อนทั้ง 3 ข้อต่อไปนี้ เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แต่ไม่ค้ำจุนเรา อารมณ์สงสารเป็นธรรมดาของลูกผู้ชาย กายภาพของเราที่แข็งแรงกว่ามักมาพร้อมหน้าที่ที่ฝังหัวมาว่าควรปกป้องคนอื่น และถ้าดีกว่านั้นหน่อยหลายคนก็เลือกเป็นพ่อพระทางความคิด ทำไปทำมาจนเคยชิน โดยไม่รู้เลยว่าการรับเรื่องราวบอบช้ำของคนอื่นมามาก ๆ สงสารเขาไปเรื่อย มันทำให้เราเหนื่อยล้า สิ้นหวังกับเขาลงได้เหมือนกัน ผลการวิจัยจาก University of Bradford เผยว่าแค่การรับข่าวจากสื่อโซเชียลที่ผ่านตาก็สร้างความเครียด ความรำคาญให้เราได้แล้ว ความเครียดที่ได้รับผ่านประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็นของเราโดยตรงหรือของคนอื่นเหล่านี้ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในตัวเราจนทำให้รู้สึกดิ่ง จม สิ้นหวังและไร้ค่า แถมผลกระทบนี้ยังสื่อออกมาผ่านพฤติกรรมและความคิดด้วย ถ้าคุณสังเกตว่าช่วงนี้การมองโลกไม่ค่อยเหมือนเดิม จัดการอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ ทักษะวิเคราะห์หรือความรู้สึกอยากริเริ่มสิ่งต่าง ๆ ลดลง นอนไม่ค่อยหลับ แสดงว่าต้องเริ่มหันมาเมตตาตัวเองบ้างแล้ว พักการเสพเรื่องแย่จากโซเชียลเสียบ้าง คนเจ็บปวดมือสอง เรื่องของเขาแต่พอเราฟังหรือเห็นก็เอามาเก็บไว้ให้เจ็บแทน สิ่งนี้คือเลเวลสองที่เพิ่มระดับจากความดิ่งแบบแรก การรับความเจ็บปวดมือสอง ฟังแล้วดูคล้าย ๆ ควันบุหรี่มือสอง แต่มันเล่นงานเราด้วยความเจ็บที่รวดเร็วและรุนแรงมากกว่านั้นเพราะจู่โจมการใช้ชีวิตเข้าอย่างจังจากภาวะเหล่านี้ ติดเป็นภาพจำจนเก็บมาเป็นฝันร้าย