เมื่อ Civic Type R EK9 ยังสะใจไม่พอ จึงถูกส่งไปให้สำนัก Spoon Sports ปลุกเสกใหม่ที่ไม่ใช่แค่ใส่ชุดแต่ง มันคือการสร้างใหม่ตั้งแต่แก่น ซึ่งเฉพาะรถที่แต่งเต็มแบบ completed car แบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็น “Full Spoon EK9” Ichishima Tatsuru, ผู้ก่อตั้ง Spoon Sports ไม่เคยเชื่อว่ารถจะเร็วได้แค่จากแรงม้า เขาเป็น tuner ที่เชื่อในบาลานซ์, ความรู้สึก และความแม่นยำของรถ จากเดิมที่ Honda สร้าง Type R EK9 ให้เบาและตอบสนองแม่นยำอยู่แล้ว แต่ Tatsuru รู้ว่ามันยังดีได้อีก ผลลัพธ์คือ EK9 ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างเต็มรูปแบบในทุกมิติ ทั้งไส้ในเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบไฟฟ้า น้ำหนักตัวถัง ความแข็งแรงของแชสซี เครื่องยนต์ B16B จากโรงงานให้กำลัง 185 hp ถูกรื้อและปรับสมดุลทุกชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ในระดับความแม่นยำที่สูงกว่าค่ามาตรฐานโรงงาน ชิ้นส่วนอย่างลูกสูบ เพลาข้อเหวี่ยง
Series ความสุดจากฝั่งยุโรปวันนี้เรากลับมาที่ Koenig กันอีกครั้ง คราวนี้ขอหยิบตัวละครลับที่แทบไม่มีคนรู้ว่าเคยมี Koening Specials บน W202 C-Class ด้วย ย้อนไปในปี 1994 ปีที่ Klaus Ludwig ขับ C-Class จูนโดย AMG ลงคว้าชัยในสนามแข่ง DTM – Deutsche Tourenwagen Meisterschaft อย่างสง่างาม ทำให้ภาพลักษณ์ของ Mercedes ไม่ได้จำกัดแค่คำว่า “หรู” แต่เริ่มถูกตีกรอบใหม่ด้วยคำว่า “แรง” ในขณะที่ AMG, Brabus, Lorinser พากันผลิตชุดแต่งที่เน้นความหรูหรา แต่ KOENIG SPECIALS จาก Munich ตัดสินใจยกระดับ W202 ธรรมดาให้กลายเป็น DTM Look เครื่องเดิม 2.8 ลิตรยังน้อยไป Koenig จัดการขยายความจุเป็น 3.6 ลิตรยัด
ในยุค 90s ที่ BMW ยังไม่เคยมี X-series ยังไม่มีใครคิดถึง SAV หรือ Sports Activity Vehicle แต่ในปี 1995 พวกเขาแอบสร้างรถ Prototype ที่อาจจะล้ำยุคเกินไปจนโลกไม่เข้าใจ มันคือ BMW Z18 คอนเซ็ปต์ Roadster ยกสูง พร้อมลุยทุกสภาพถนน ด้วยสัดส่วนและสไตล์ที่โคตรแปลกตา Z18 มาในฟอร์มของรถเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ตัวถังทำจากวัสดุ Composite น้ำหนักเบา กันน้ำ กันสนิม กันกระแทก พร้อมฝาครอบหลังคาแบบแข็งที่ถอดเก็บได้ ออกแบบมาเพื่อขับลุยทราย ขึ้นดอย หรือจะขับลุยฝนลุยโคลนก็ยังได้ หัวใจขับเคลื่อนคือ V8 Engine จาก BMW 7-Series (E38) แรงแบบมีคลาส ขับได้ทั้งกลางเมืองและกลางป่า ตัวรถสร้างโดยแผนก BMW Technik GmbH ทีม
ในบรรดารถสปอร์ตที่สร้างตำนานในยุค 60s ชื่อของ Alfa Romeo Giulia Sprint GTA (Gran Turismo Alleggerita” หรือ Grand Touring, Lightened) เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ระดับตำนานอย่าง Giorgetto Giugiaro ผู้อยู่เบื้องหลัง BMW M1, DeLorean DMC-12 และอีกมากมาย ร่วมมือกับทีมจาก Bertone และขัดเกลาโดยทีมแข่ง Autodelta ผลที่ได้คือความงดงามคลาสสิกแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ที่มากับความแรงสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ แต่ในบรรดา GTA ทั้งหลาย ยังมีอัลฟ่าอีกสายพันธุ์ที่โหดจนแทบไม่มีใครคุมได้ นั่นคือ GTA-SA หรือ Sovralimentato เวอร์ชันพิเศษที่ติดตั้ง supercharger แบบ twin centrifugal เพิ่มเข้าไปในเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร DOHC 4 สูบ จนรีดพลังได้ถึง 220 แรงม้า กับน้ำหนักตัวที่เบาแค่
รถประธาน ที่มาพร้อมความบ้าคลั่งด้วยขุมพลัง 5.0-liter 1GZ-FE V12 ถูกวางอยู่ใน second-generaton Toyota Century G50 aka “The Rolls-Royce of the East” เป็นรถบ้าน V12 คันเดียวที่ Toyota เคยผลิตในประวัติศาสตร์ และเป็นรุ่นเดียวสำหรับ production car อีกด้วย เครื่องตัวนี้ให้พละกำลัง 276 แรงม้า แรงบิด 460 นิวตันเมตร ซึ่งเชื่อว่าถ้าวัดจริงน่าจะเกินไปไกล เกียร์อัตโนมัติ 6-speed ขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วงล่างถุงลมนุ่มและนิ่ง 0-100 km/h ใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 km/h สังเกตได้เลยว่าตัวรถถูกจูนมาให้เน้น “ความนุ่ม” ไม่ใช่ “ความเร็ว” เหตุผลที่ Toyota วางเครื่อง V12 ลงไปใน G50 ไม่ใช่เพราะอยากอวดแรงม้าเหมือนในสมัยนี้
มีคนเคยบอกเอาไว้ว่า การที่เราเลือก Lambretta สักคันมาเป็นของตัวเอง เราไม่ได้เลือกมันหรอก แต่เจ้าสกู๊ตเตอร์คันนี้ต่างหากที่เป็นคนเลือกเจ้าของ-คนที่มีคุณสมบัติความเป็นคนรัก Lamstory ประวัติศาสตร์สองล้อเข้าเส้น #เลือดกรุ๊ปแลม อินกับวัฒนธรรมและเรื่องราวที่สร้าง #แลมบันดาลใจ เกิดเป็นประสบการณ์ขับขี่แบบที่หาจากที่ไหนไม่ได้ UNLOCKMEN เคยเล่า Subculture History วัยรุ่มกลุ่ม Mods กับภาพยนตร์ Quadrophenia หนึ่งในไบเบิลประจำกลุ่มคนรักแลม / เรื่องราวของบาทหลวง Gabriele Amorth มือปราบผีที่ขี่แลมเดินทางในอิตาลี แต่ ! เหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องราวในมุม ‘คนขี่แลม’ ทั้งนั้น โพสต์นี้เราจะกลับไปที่ ‘กรุงมิลาน’ (Milan) บ้านเกิดตั้งแต่เริ่มต้นในปี 1947 ของ Lambretta เล่าเรื่องในฝั่งของ ‘คนซ่อมแลม’ กันบ้าง ไม่มีคนรักแลมคนไหนไม่รู้จัก ‘Casa Lambretta’ ร้าน Restoration Scooter ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ Lambretta และเป็นมากกว่านั้น ของ Vittorio Tessera ผู้ที่ช่วยให้แลมทุกคันไม่ว่าจะใหม่หรือเก่าได้วิ่งด้วยความมั่นใจ ชายผู้มีจุดสตาร์ทไมล์แรกที่เดียวกันคนรักแลมคนอื่น
ก่อนที่เราจะมี Skyline GT-R Autech Version 40th Anniversary ปี 1998 รุ่น 4 ประตูที่ผลิตเพียง 416 คัน ซึ่ง Unlockmen เคยนำเสนอไปในซีรีส์ JDM: CODE RARE ก่อนหน้านี้แล้ว น้อยคนจะรู้ว่า Autech Japan เคยมีอีกหนึ่งรุ่นสุด Rare ที่สร้างมาก่อนหน้านั้นถึง 5 ปี นั่นคือ Skyline Autech Version (1993: HNR32) Skyline Autech Version ใช้พื้นฐานจาก R32 GTS-4 4-Door ซึ่งเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อของตระกูล R32 แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่าง คือการที่ Autech ใส่เครื่องยนต์ RB26DE แบบไม่มีเทอร์โบ (NA version ของ
นี่ไม่ใช่ GTT 4 ประตูที่เอามาแต่งเป็น GT-R แต่นี่คือ GT-R 4 ประตูของแท้จากโรงงาน ที่หลายคนยังไม่รู้ว่ามีอยู่จริง เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Tokyo Motor Show ครั้งที่ 32 ช่วงปลายปี 1997 การร่วมมือกันระหว่างสำนัก Autech Japan และ Nissan ความแรร์ที่ถูกผลิตเพียง 416 คันในโลกเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของชื่อ “Skyline” ภายใต้คอนเซปต์สุดเท่ว่า “Sports sedan of highest performance for grown-ups.” แม้มันจะใช้พื้นฐานจาก Skyline R33 4-door แต่ Autech ไม่ได้เอามาแค่ตัดแปะดีไซน์เข้าไป พวกเขาออกแบบประตูหลังและโป่งซุ้มล้อหลังขึ้นใหม่ เพื่อให้ได้เส้นสายแบบ Blister Fender โป่งนูนสปอร์ต เสริมให้รถมีมิติที่บึกบึนแบบ GT-R 2 ประตูและรับกับตัวถังซีดานอย่างแนบเนียน ดีไซน์ภายนอกสุขุมสมกับตำแหน่ง “Gentleman’s
ผลงานล่าสุดจาก Singer : Porsche 911 Carrera Coupe Reimagined by Singer แรงบันดาลใจจากตำนานสุดแรร์ 911 SSE (Super Sport Equipment) ตัวถังแบบ wide-body ที่โด่งดังเรื่องโป่งข้างหนา ๆ และสปอยเลอร์ท้าย Whale Tail เอกลักษณ์จากยุค 80s พร้อมเพิ่มดีเทลใหม่สุดเท่ – ไฟ pop-up hood-mounted แบบฝังบนฝากระโปรงหน้า เติมกลิ่นอาย retro-futurism ได้อย่างลงตัว Singer จัดเครื่อง 4.0 ลิตร NA flat-six ที่พัฒนาร่วมกับสำนัก Cosworth จัดแรงม้าให้ถึง 420 hp พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง และโครงสร้างตัวถังที่เสริมความแข็งแกร่งใหม่ด้วยเทคนิคจาก F1 โดยร่วมมือกับ Red Bull Advanced
ในโลกที่ SUV ไม่ได้มีไว้แค่รับ-ส่งลูก แต่กลายเป็นสนามประลองของผู้มีอันจะซิ่ง Aston Martin จึงขอแนะนำ DBX S ยกระดับความแรงมากกว่าเดิม ขยับเพดานขึ้นอีก 20 แรงม้า ด้วยชุดเทอร์โบใหม่ที่ยืม DNA มาจาก Valhalla ซูเปอร์คาร์สายพันธุ์ไฟต์เตอร์ของ Aston เอง หลังจากที่ Aston ตัด DBX รุ่นพื้นฐาน 542 แรงม้าออกจากไลน์เพราะไม่มีใครอยากได้ มันเหลือแค่ DBX707 ตัวแรงที่เคยครองบัลลังก์ SUV สายโหดของค่าย แต่ตอนนี้ คำว่า “แรงพอแล้ว” ดูจะกลายเป็นสิ่งล้าสมัย เพราะ DBX S ขยับเพดานขึ้นอีก 20 แรงม้า ด้วยชุดเทอร์โบใหม่ที่ยืม DNA มาจาก Valhalla — ซูเปอร์คาร์สายพันธุ์ไฟต์เตอร์ของ Aston เอง ผลลัพธ์คือ 717 แรงม้า กับแรงบิด 900