ก่อนที่ Mercedes จะควบรวมเอา AMG (Aufrecht, Melcher and Großaspach) เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งอย่างเต็มตัวในปี 2005 ย้อนไปในช่วงปี 1985 เป็นยุคที่ AMG ยังเป็นสำนักแต่ง independent workshop ที่เชี่ยวชาญการนำรถ Mercedes-Benz โมเดลต่าง ๆ มาอัพเกรดโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือทำรถให้แรงที่สุด ทำเวลาในสนามแข่งได้เร็วที่สุดทั้งในการแข่งขันและตามงบที่ลูกค้าต้องการซิ่งบนถนน อยากแรงแค่ไหน AMG รับจบให้ไม่เคยขัด และทำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย เช่นเดียวกับประวัติของรถคันนี้ เป็นรถที่หลายคนคุ้นตากันดีเพราะในเมืองไทยก็มีเจ้าของสะสมอยู่บ้าง เดิมทีเป็น 500SEC coupe หรูรหัส C126 จากตระกูล 1979-1991 W126 S-Class sedan ผ่านการจูนโดยสำนัก AMG เดิมใช้เครื่องยนต์ 5.0-liter SOHC M117 V8 จากโรงงาน ได้แรงม้าประมาณ 228 hp แรงบิด 405 Nm
บรรพบุรุษของ hypercars ยุคปัจจุบัน หลายคนเรียกมันว่าเป็น Porsche 962 รถแข่ง Le Mans ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเวอร์ชัน Road-going car ที่ขายในปี 1992 ด้วยค่าตัวสูงถึง $1.5 ล้านเหรียญ เทียบเป็นค่าเงินปัจจุบันเท่ากับราว $3.3 ล้านเหรียญ หรือ 117 ล้านบาท คาดว่ามีคำนวนทั้งหมดเพียง 7 คันในโลก Schuppan 962CR เป็นรถสปอร์ตโดย DNA ผลงานของ Vern Schuppan นักแข่งชาว Australian เพื่อฉลองความสำเร็จแชมป์รายการ 1983 Le Mans 24 Hours โครงสร้างภายใน carbon fiber chassis ซึ่งทำได้ยากมาก ๆ ในปี 1992 ขุมพลังจาก Porsche 962 3.4-liter twin-turbocharged flat-six
Ferrari Testarossa ยุคปลายก่อนปิดตำนาน ผ่านการปรับแต่งดีไซน์เป็นพิเศษโดยสำนัก Pininfarina ใช้รหัส 512 TR โดย “5” หมายถึงเครื่องยนต์ Tipo F113 D dry sump system วางหลัง ความจุ 5 ลิตร, “12” คือจำนวนลูกสูบ และ “TR” หมายถึง Testarossa จับคู่เกียร์ 5-speed manual ให้กำลังสูงสุด 428 แรงม้า แรงบิด 491 นิวตันเมตร 0-100 ใน 4.8 วินาที Pininfarina ปรับดีไซน์ภายนอก refresh ให้ดูทันสมัยมากขึ้น กันชนหน้า ไฟท้าย สปอย์เลอร์ engine cover ล้อขนาด 18 นิ้ว ปรับรายละเอียดในห้องโดยสาร แต่ที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็ฯการเสริมโครงสร้าง chassis
ปกติเราจะเห็นค่ายรถเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษในรหัส ‘Edition One’ เช่นเดียวกับ Range Rover ที่เคยเปิดตัว RR Sport SV Edition One ในปีก่อนไปแล้ว แต่ด้วย demand จากลูกค้าที่สูงมากจนเป็นที่มาของรุ่นพิเศษภาคสอง Range Rover Sport SV Edition Two Range Rover Sport SV Edition Two มาพร้อมบอดี้สีพิเศษทั้งหมดสี่สี Blue Nebula Matte, Ligurian Black Gloss, Marl Grey Gloss และ Sunrise Copper Satin เสริมความดุดันด้วยชุดแต่ง carbon fiber รอบคัน ใส่ล้อ carbon fiber wheel ขนาด 23 นิ้วลายใหม่มาเป็นมาตรฐาน ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสเปกที่แตกต่างจากรุ่นปกติ เช่นการใช้หนัง
ชวนแฟนพันธุ์แท้ Mazda สตาร์ทเครื่องออกเดินทางย้อนรอยเรื่องราวประวัติศาสตร์กว่า 20 ปี ของ Mazda6 ตั้งแต่การถือกำเนิดรุ่นแรกในปี 2002 ต่อเนื่องมาจนถึง Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษเฉลิมฉลองความสำเร็จตลอด 20 ปี ของพรีเมี่ยมสปอร์ตซีดานคันนี้ แต่ละรุ่นแต่ละปีจะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปชมกันได้เลย ย้อนไปในปี 2002 คือ ช่วงเวลาที่ Mazda6 1st Generation ได้เผยโฉมสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในฐานะยนตรกรรมรุ่นแรกที่พร้อมประกาศก้องแนวคิด “Zoom-Zoom” ด้วยการพัฒนาสปอร์ตซีดานสุดหรู ที่รวบรวม DNA ของแบรนด์ Mazda ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมถ่ายทอดผ่านผลงานการออกแบบที่สง่างาม และสมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง รวมถึงระบบช่วงล่างเกาะหนึบทุกการเข้าโค้ง จนคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมกว่า 23 รางวัล จาก 16 ประเทศทั่วโลกภายในปีเดียวที่เปิดตัว และทำให้ Mazda6 1st Generation เป็นตัวแทนภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ Mazda ที่แข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน มาต่อกันที่ Mazda6 2nd Generation
อยากขับ GR Corolla แต่ไม่อยากสับเกียร์เหยียบคลัตช์ คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ หลังทำตลาดด้วยเกียร์ 6-speed manual เพียงออปชันเดียวมาครบสองปี ในที่สุด Toyota ก็ได้เพิ่มตัวเลือกที่แรงขึ้นและสบายมือเท้ามากขึ้นด้วยเกียร์ 8-speed automatic พร้อมอัพเกรดหลายจุด รวมถึงด้านสมรรถนะและระบบระบายความร้อน เกียร์ 8-speed automatic ที่ถูกใส่เข้ามาใหม่ลูกนี้ถูกเรียกว่า Gazoo Racing Direct Automatic Transmission มาพร้อมระบบ launch control และ paddle shifters ที่ปรับตั้งค่าให้แตกต่างจากใน GR Supra และ GR86 นอกจากเกียร์จะปรับตามความเร็วและ g-force ใน Corolla ยังนำน้ำหนักเบรกและคันเร่งที่เหยียบมาคำนวณจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการเลือกเปลี่ยนเกียร์อีกด้วย โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบคือ Normal, Sport, Eco และ Custom ซึ่ง Gazoo Racing ได้จูนเกียร์โหมด Sport เป็นพิเศษสำหรับ
หากพูดถึงยอดยนตรกรรมจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ประทับใจแฟน ๆ ชาวไทยมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าชื่อของ Mazda ย่อมติดโผอยู่ในอันดับต้น ๆ ในใจของใครหลายคน และในวันนี้เราจะชวนแฟนพันธุ์แท้ Mazda เดินทางย้อนสู่เรื่องราวตำนาน Flagship Sedan รุ่นเด่นของ Mazda ที่คงความสง่างามและเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี Mazda6 หนึ่งในรถยนต์นั่งสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ที่ให้ความหรูหราภูมิฐานจากประเทศญี่ปุ่น ที่แฟน ๆ ชาวไทยรอคอยมาอย่างยาวนาน ซึ่งพร้อมแล้วที่จะให้สาวก Mazda ตัวจริงได้ครอบครอง กับ Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษส่งตรงจากสำนักงานใหญ่ เมืองฮิโรชิมา จำนวนจำกัดเพียง 100 คันในประเทศไทย!! MAZDA LUCE – 1966 : เริ่มต้นกันที่ Mazda Luce รุ่นแรกที่แฟน ๆ Mazda น่าจะจดจำความโดดเด่นได้เป็นอย่างดี ในฐานะรถยนต์ซีดาน ขนาด 1.5 ลิตร คันแรกของ
โควททรงพลังตลอดกาลแห่งโลกยานยนต์ ที่บอกว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม ‘สีดำ’ (Black) ก็จะเป็นหนึ่งในโทนสีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกเสมอ ไม่ว่าจะเกิดสีใหม่อีกกี่ร้อยกี่พันสีในโลกใบนี้ก็ตาม ต่อยอดจากปี 2023 ที่ Mitsubishi ได้สะเทือนวงการรถกระบะ off-road ด้วย All-New Mitsubishi Triton Double Cab Plus Ultra ที่เหยียบคันเร่งทะลุจินตนาการของสายรถกระบะทุกคน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดีไซน์ได้อย่างสวยงาม หรูหรา แข็งแกร่ง รวมถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมมาพร้อมความประหยัดน้ำมันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทั้งในเมืองและเส้นทาง off-road ความตื่นเต้นยังไม่ทันจางหาย ปี 2024 นี้ Mitsubishi ได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้งด้วยดีไซน์ที่ถูกนิยามขึ้นมาใหม่ของ All-New Mitsubishi Triton Black Edition 2024 ที่จะออกมาเปลี่ยนอารมณ์บนถนนด้วยรูปลักษณ์การตกแต่งที่ทรงพลังแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ! กับรถกระบะที่ถูกดีไซน์ให้ใช้งานแบบ Everyday Life พร้อมไปได้ทุกเส้นทางเพื่อให้แฟน Mitsubishi ทุกคนได้แสดงออกถึงความเป็นตัวเองแบบไม่เหมือนใครได้อย่างเต็มภาคภูมิยิ่งขึ้น All-New Mitsubishi Triton Black Edition 2024 การตกแต่งด้วยโทนสีดำสุดเท่ที่ปรับลุคให้ดุดันกินพื้นที่กว่า 90%
ทรงดี บารมีชัดเจน 2025 BMW M5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วพร้อมตำแหน่ง “The most powerful M5 in history” ที่ทั้งแรงที่สุดและหนักที่สุดด้วยน้ำหนักตัวเกือบ 2.5 ตัน จากการใช้ขุมพลัง plug-in hybrid แบกแบตเตอรี่ 14.8 kWh เอาไว้ ดีไซน์ภายนอกแตกต่างจาก 5 series ปกติอย่างชัดเจนเพราะผ่านการดีไซน์เพิ่มความดุดันสัมผัสได้ถึงสมรรถนะทันที ความกว้างด้านหน้าของ M5 เพิ่มขึ้น 3 นิ้ว ด้านหลัง 1.9 นิ้ว เครื่องยนต์เป็นตัวเดียวกับใน XM ขุมพลัง twin-turbocharged 4.4-liter V8 พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ติดตั้งไว้กับเกียร์ 8-speed ให้กำลังรวมสูงสุดถึง 717 horsepower แรงบิด 738 lb-ft ทำเวลา 0-100 ใน 3.4 วินาที ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 40
2025 BMW 1 Series F70 ลำดับที่ 4 เปิดตัวใหม่แบบ all-new แทนที่รหัส F40 หลังทำตลาดไปได้ราว 5 ปี เป็นโมเดลแรกที่ใช้ดีไซน์กระจังหน้าใหม่คล้ายใน neue klasse concept และเป็นโมเดลแรกที่ BMW เริ่มทิ้งตัวอักษร “i” จากชื่อรุ่นเพื่อไม่ให้สับสนกับรุ่นพลังงานไฟฟ้าในอนาคต ขนาดมิติของ 1 Series ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบันเล็กน้อย ความยาวเพิ่มขึ้น 42mm สูงขึ้น 25mm แต่มีความกว้างและระยะฐานล้อเท่าเดิม กระจังหน้าของรุ่นปกติจะใช้การผสมระหว่างเส้นแนวตั้งและแนวขวางที่คล้ายเส้นจากสัญลักษณ์ ///M รวมเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนรุ่น M135 xDrive จะใช้กระจังหน้าแนวนอนเหมือนใน M2 ไฟหน้าใหม่ double arrows และไฟท้ายใหม่ดีไซน์เดียวกับใน X2 ภายในอัพเกรดเป็นแบบใหม่ควบคุมรถผ่านจอสัมผัส 10.7-inch ที่รวมอยู่ใน panel เดียวกับจอ 10.25-inch ของคนขับ ช่องแอร์แบบใหม่เหมือนใน 3 Series