จากอดีตจนถึงปัจจุบัน นวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงาน และสร้างความสะดวกสบายให้มนุษย์พร้อมกับการรักษ์โลกได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก เช่นเดียวกับรถยนต์ ที่ได้มีการพัฒนาในหลายด้าน แต่ที่สำคัญและเป็น Next Big Thing มากที่สุดสำหรับคนเมือง คือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านโครงสร้างของระบบส่งกำลัง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ยังใช้พลังงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดการใช้เชื้อเพลิง และลดการสร้างมลพิษ มาดูกันว่า ณ ปัจจุบัน เทคโนโลยีการขับขี่ที่มีให้เลือกในตลาดรถยนต์นั้น ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง PETROL รถยนต์ที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายโดยทั่วไปนั้น จะเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในการขับเคลื่อนเป็นหลัก และต้องเติมน้ำมันเพื่อให้พลังงาน ซึ่งระหว่างการทำงานจะมีการปล่อยไอเสียออกมาผ่านทางท่อไอเสีย HEV (Hybrid Electric Vehicle) ต่อมาได้มีการเพิ่มระบบไฟฟ้าเข้าไป ซึ่งอุปกรณ์หลักที่เพิ่มเข้าไปคือ แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อช่วยให้มีกำลังมากขึ้นโดยสามารถส่งกำลังทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ อีกทั้งยังประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะมีแบตเตอรี่มาช่วย PHEV (Plug in Hybrid) เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมอีกขั้น โดยแบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว จึงทำให้ได้กำลังที่ดีขึ้นกว่าเดิม และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น BEV (Battery Electric Vehicle) หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน 100% โดยทำการตัดระบบเครื่องยนต์ออกทั้งหมด ไม่ต้องเติมน้ำมัน โดยรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เติมพลังงานได้จากการชาร์จไฟ ตัวรถทำงานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด
ชื่อ Gordon Murray อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกกับ Hypercar ที่มีชื่อว่า Gordon Murray T.50 แต่ที่จริงแล้ว Gordon Murray คือชื่อของ designer ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานระดับ masterpiece หลายคัน ไม่ว่าจะเป็น McLaren F1 ซึ่งทำตลาดอยู่ในช่วงปี 1992 – 1998 อดีตเจ้าของสถิติ the world’s fastest production car ทำความเร็วสูงสุดถึง 386.4 km/h ปัจจุบันมีราคาขายไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท รวมถึง Mercedes-Benz SLR McLaren และรถแข่ง Grand Prix กับ Brabham ครั้งแรกที่ชื่อ Gordon Murray จะปรากฎบนตัวถังรถ Hypercar ของตัวเอง ‘Gordon Murray Automotive
ปัจจุบันถ้าพูดถึง City Cars หรือรถยนต์ที่เหมาะสมต่อการขับขี่ในเขตเมือง หนุ่ม ๆ หลายคนคงมองเห็นภาพ Eco Cars และ City Cars หลากหลายรุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องของสมรรถนะ งานดีไซน์ รวมไปถึงฟังก์ชันเสริมที่มีมากน้อยแตกต่างกันไปในรถยนต์แต่ละคัน อย่างไรก็ตามหากย้อนเวลากลับไปช่วงปี 1980 ใครจะคิดว่าค่ายผู้ผลิตรถยักษ์ใหญ่อย่างฮอนด้าจะเคยเสริมจุดขายใน City Cars ของตัวเองด้วยสกู๊ตเตอร์คันจิ๋วที่ใช้ชื่อว่า Motocompo ซึ่งต่อมาได้มาเป็นตัวแทนคำบอกเล่าของยุคสมัยรวมถึงของสะสมหายากที่ใครหลายคนตามหา แต่เรื่องราวทั้งหมดจะมีจุดเริ่มต้นยังไงและพาหนะ 2 ล้อคันนี้ได้สร้างปรากฏการณ์อะไรบ้าง มาทำความรู้จักเรื่องราวทั้งหมดไปพร้อมกัน จุดเริ่มต้นของ Honda Motocompo เป็นผลพวงมาจากการพัฒนารถยนต์คันใหม่ของฮอนด้าในช่วงปี 1979 ช่วงเวลาที่ทีมออกแบบเลือดใหม่ของค่ายได้ร่วมกันระดมไอเดียเพื่อสร้างโปรเจกต์รถยนต์คันใหม่ของค่ายในฐานะ “รถยนต์ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีที่สุดสำหรับปี 1980” ซึ่งต่อมาทุกคนรู้จักรถคันนี้ในชื่อ “Honda City” ในเวลานั้น Hiroo Watanabe และ Hiroshi Azuma 2 วิศวกรผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของโปรเจกต์ได้รับโจทย์ให้สร้างรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดยเป้าหมายหลักคือการสร้างรถยนต์ที่มีสมรรถนะขั้นพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญคือต้องเป็นรถยนต์ที่ตอบสนองการใช้งานของกลุ่มคนทำงานหนุ่ม-สาวที่ต้องการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันเมืองเช่นโตเกียวหรือเมืองใหญ่ต่าง ๆ สุดท้ายคืองานดีไซน์และเส้นสายของตัวรถจะต้องถูกยอมรับในระดับสากล ไม่นานทีมงานรุ่นใหม่ไฟแรงของฮอนด้าที่มีอายุเฉลี่ยไม่ถึง 30 ปีก็เริ่มลงมือขึ้นรูปงาน Prototype
เชื่อว่าหนุ่ม ๆ ที่สนใจในรถยนต์หลายคนคงคุ้นเคยดีกับโมเดลเปิดประทุนคันเล็กจากยุค 90’s อย่าง Mazda MX-5 หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ Mazda Miata และ MX-5 Miata หนึ่งในโมเดลรถยนต์ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนมาสด้าให้เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นรากฐานสำคัญให้แบรนด์ให้เวลาต่อ แต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้รถยนต์คันนี้ สามารถรักษาความเชื่อมั่นจากคนรักความเร็วทั่วโลกมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ทั้งที่รถก็ไม่ได้แรงอะไรมาก ไม่ได้หรูหรา ไม่ได้ทันสมัย แต่มันมีเสน่ห์ในความเป็น Roadster ที่แตกต่าง วันนี้มาทำความรู้จักจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ รวมถึงแนวคิดที่ทำให้รถคันนี้กลายมาเป็น 1 ในไอคอนสำคัญของรถสปอร์ตขนาดเล็กไปพร้อมกัน บ็อบ ฮอลล์ ชายผู้จุดประกายให้กับ MX-5 Miata อย่างที่ทราบกันดีว่ามาสด้าคือแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่กำเนิดขึ้นในเมืองฮิโรชิมา แต่จุดกำเนิดของโรดสเตอร์ตัวกลั่นของค่ายคันนี้กลับมีจุดเริ่มต้นจากชายที่เติบโตขึ้นมาในเมืองแคลิฟอร์เนีย ชื่อของเขาคือ บ็อบ ฮอลล์ บ็อบ ฮอลล์ เกิดและเติบโตขึ้นท่ามกลางแสงแดดและชายหาดของแคลิฟอร์เนียฝั่งใต้ โดยได้รับการส่งต่อความหลงใหลเรื่องรถยนต์มาจากคุณพ่อที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนารถสปอร์ตที่เคยทำงานให้ทั้ง MG, Triumphs, Austin Haeleys และ Alfa Romeo ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศของโรงรถและคราบน้ำมัน รับหน้าที่ตั้งแต่ซ่อมจักรยานของตัวเองไปจนถึงช่วยพ่อประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้ในบ้าน ปลายยุค 70’s บ็อบ
เราเคยนำเสนอรถ Iconic Cars ไปหลายคัน ทุกคันล้วนมีความพิเศษของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรถที่ผลิตจำนวนน้อย หายาก แต่ไม่มีคันไหนจะพิเศษเท่ากับ Original 1964 Ford GT40 Prototype chassis number GT/105 ซึ่งถือเป็นรถที่ทำให้รถสัญชาติอเมริกันของ Ford สามารถเอาชนะ Ferrari ได้ในการแข่งขันระดับโลก 1966 24 Hours Le Mans Manufacturers’ Championship ใครเคยดูภาพยนตร์ Ford v Ferrari จะเห็นรถ Ford GT40 Prototype ที่ Ford ร่วมมือกับ Shelby สร้างขึ้นมาจากความขัดแย้งของ Henry Ford II และ Enzo Ferrari จุดเริ่มต้นของสงคราม 24 Hrs Le Mans GT40 Prototype ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด
Land Rover Defender 90 เป็นหนึ่งในรถที่หลายคนต้องการครอบครอง ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดีมีเสน่ห์เข้าขั้นคลาสสิกเหนือกาลเวลา แต่ที่หลายคนไม่กล้าตัดสินใจเพราะความไม่เสถียรของระบบที่อายุค่อนข้างมาก (ผลิตครั้งแรกในปี 1948) และความอืดอาดที่ไม่เหมาะจะใช้งานในชีวิตประจำวันมากนัก ล่าสุด Twisted Automotive ผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งรถค่ายนี้โดยเฉพาะ คงรู้ดีว่า Defender 90 มีจุดอ่อนตรงไหน จึงสร้าง ‘NAS-E’ โปรเจคสุดคูลแบบ all-electric makeover จับ soft-top Defender 90 มาชุบชีวิตใหม่ด้วยการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนข้างในให้เป็น EV Offroader ที่ทั้งแรงและทันสมัย พละกำลังจากแบตเตอรี่ขนาด 60kWh และมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งกำลังแบบ direct drive power system ขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel-drive ให้พลัง 214 แรงม้า แรงบิดเกือบ 400 นิวตันเมตร เป็นตัวเลขที่ Defender 90 เดิม ๆ อยู่ห่างไกลชนิดไม่มีวันทำได้
ในภาพยนตร์บางเรื่อง รถยนต์ประกอบฉากก็มีความโดดเด่นไม่แพ้นักแสดงนำเลย ไม่ว่าจะเป็น 1963 VOLKSWAGEN BEETLE ที่ถูกดีไซน์ใหม่ในภาพยนตร์เรื่อง The Love Bug (1968) หรือ 1961 FERRARI 250 GT CALIFORNIA SPYDER SWB ที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Ferris Bueller’s Day Off (1986) UNLOCKMEN เลยอยากแชร์กับทุกคนว่า มีรถยนต์คลาสสิกรุ่นไหนบ้างที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ 1961 FERRARI 250 GT CALIFORNIA SPYDER SWB จาก Ferris Bueller’s Day Off หลายคนคงจดจำรถที่ Cameron Frye (นำแสดง โดย Alan Ruck) จากภาพยนตร์ เรื่อง Ferris Bueller’s Day Off (1986)
จากไลฟ์สไตล์คนเมืองในปัจจุบัน ปัจจัยในการเฟ้นหารถยนต์คู่ใจสักคัน อาจไม่ได้จบแค่หัวใจหลักอย่างเรื่องสมรรถนะ หรือความปลอดภัยเพียงเท่านั้น เพราะมันจำเป็นต้องลงลึกไปถึงรูปลักษณ์เส้นสายงานดีไซน์ที่ใช่ ไม่เว้นแม้แต่ฟังก์ชันการใช้งานอันหลากหลายซึ่งพร้อมตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่าง และต้องบอกว่า New Mitsubishi Xpander Cross รุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซน์อารมณ์สปอร์ต SUV รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายภายใต้นิยามของความเป็น The Urban SUV คืออีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครซึ่งกำลังมองหารถยนต์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ครบครัน ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพความปลอดภัย รวมไปถึงคุณสมบัติการใช้งานที่อเนกประสงค์ และดีไซน์ที่สวยงามโดดเด่นซึ่งพร้อมสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ออกมาได้อย่างชัดเจน เกริ่นมาแค่นี้อาจยังไม่เห็นภาพ ในวันนี้เราจึงอาสาพาผู้อ่าน UNLOCKMEN ทุกท่าน ไปสัมผัสกับจุดเด่นด้านต่าง ๆ ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน New Mitsubishi Xpander Cross รุ่นใหม่ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และช่วยตอบคำถามที่ว่าทำไมมันถึงเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจ และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างเรา ๆ EXTERIOR เริ่มต้นกันที่การออกแบบภายนอกของ New Mitsubishi Xpander Cross ที่ยังคงเอกลักษณ์ของแนวคิดการออกแบบด้านหน้ารถที่เรียกว่า Advanced Dynamic Shield ซึ่งเป็นการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัย และสมรรถนะการขับขี่จนได้ผลลัพธ์เป็นเส้นสายงานดีไซน์ที่พบเห็นได้ในรถยนต์ Mitsubishi ยุคใหม่ทุกรุ่น และ New Mitsubishi
สำหรับผู้ชายผู้ชื่นชอบรถยนต์ การได้ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกแห่งความเร็ว นอกจากจะได้ความเพลิดเพลิน ยังได้เกล็ดความรู้และประวัติของรถคันนั้น ๆ ให้ไปหาข้อมูลต่อกันได้เสมอ และนี่คือภาพยนตร์ 5 เรื่องเกี่ยวกับลูกผู้ชาย รถยนต์ และความเร็ว ที่มาพร้อมกับเรื่องราวแห่งมิตรภาพ แต่ละเรื่องจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรและจะมีความสัมพันธ์แบบไหนที่ถูกถ่ายทอดออกมาให้ชมกันบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลย FORD V FERRARI Ford V Ferrari คือภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนไปพบกับสงครามความเร็วระหว่างค่ายรถสายพันธุ์อเมริกันอย่าง Ford และผู้คร่ำหวอดในวงการรถแข่งจากประเทศอิตาลีอย่าง Ferrari บนสังเวียนการแข่งขันรถยนต์สุดโหด 24 Hours Of Le Mans ในช่วงต้นปี 1960 Ford V Ferrari จะพาเราไปรู้จักกับเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของโมเดลรถยนต์ในตำนาน Ford GT40 mk II พร้อมกันนั้นยังนำเสนอมุมมองของมิตรภาพระหว่างผู้คนได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องราวของ Carroll Shelby และ Ken Miles 2 ตัวเอกในเรื่องที่แม้จะมีปัญหาถกเถียงกันหรือเห็นต่างกันในหลายช่วงเวลา แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการพัฒนารถยนต์และการแข่งขันทั้ง 2 คนก็ยังคงเคารพและไว้ใจกันเสมอ อีกความสัมพันธ์ที่น่าสนใจคือเรื่องราวระหว่าง Ken Miles
ค่อย ๆ เผยสเปคออกมาเรื่อย ๆ สำหรับ varients ย่อยของ Porsche 911 992 และล่าสุดก็เป็นคิวของตัวแรงสุดประจำรุ่น 911 Turbo และ Turbo S ทั้งในรูปแบบของ Coupe และ Cabriolet อัพเกรดความแรงให้สะใจยิ่งขึ้น 2021 Porsche 911 (992) Turbo ใช้เครื่องยนต์ 3.8-liter twin-turbo flat-six ให้พละกำลัง 572 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ทำเวลา 0-100 km/h ใน 2.7 วินาทีสำหรับรุ่น Coupe และ 2.8 วินาทีสำหรับรุ่น Cabriolet เทียบเท่ากับ 911 Turbo S ในรุ่นก่อนพอดิบพอดี ส่วนใน 2021 Porsche