แดดที่ว่าร้อนยังต้องหลบให้กับสีใหม่พิเศษสุดร้อนแรงของ Honda Civic สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) ในรุ่น TURBO RS ที่สุดแห่งยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ที่ยกระดับความร้อนแรงไปอีกขั้นรับซัมเมอร์ ซึ่งมาพร้อมดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจด้วย เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ที่ทรงพลังและให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ฮอนด้า ซีวิค สีแดงอิกไนต์ รุ่น TURBO RS โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่ท้าทายทุกสายตาในสไตล์ RS ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย เบาะที่นั่งตกแต่งด้วยด้ายสีแดงผสานความสปอร์ตเร้าใจ ทุกการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ครบครันด้วยฟังก์ชันความสะดวกสบายที่เหนือระดับ
Jeep Wrangler แม้จะเป็นรถที่ไม่ได้มีคุณภาพเนี้ยบหรือนั่งสบายอะไร เน้นใช้งานตามสไตล์รถยนต์ Made in USA แต่สำหรับสายลุยป่าและนักผจญภัยสายอินดี้แล้วล่ะก็ นี่ถือเป็นรถคู่บุญที่ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ เสมอ แต่ไม่ใช่สำหรับ Sterling Automotive Jeep Wrangler Launch Edition SUV คันนี้ เพราะมันผ่านการปรับแต่งโฉมหน้าให้หล่อเหลาโดย Sterling Automotive จากฝั่งอังกฤษ สำนัก Custom รถยนต์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งรถยนต์ให้ดูหรูหราและเนี้ยบแบบเมืองผู้ดี โดยออกแบบ ตัดเย็บ และผลิตแบบ In-house จึงวางใจได้เรื่องความโดดเด่นไม่ซ้ำใครบนท้องถนน จุดเปลี่ยนที่สังเกตได้ชัดเจนใน Sterling Automotive Jeep Wrangler Launch Edition SUV คือกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Sterling signature horizontal slot grille แบบแนวขวางสีดำ พร้อมตาข่ายช่วยเสริมภาพความสปอร์ตเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองมากขึ้น ซุ้มล้อถูกขยายสำหรับล้อ Pro Camp ขนาด 17 นิ้ว หุ้มยาง
“มันสามารถบดขยี้ระยะทาง 1/4 ไมล์ ได้ในเวลาไม่ถึง 8 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 170 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยไม่ซดน้ำมันสักหยด และเสียงเครื่องยนต์ของมันจะไม่ระคายของคุณแม้แต่นิดเดียว” นี่คือคำนิยามที่ทำให้ขาซิ่งสาย Drag ทั้งหลายได้จินตนาการถึงภาพความแรงระห่ำแบบไม่โหวกเหวกโวยวายของ Ford Mustang Cobra Jet 1400 รถต้นแบบจากสำนัก Ford Performance ซึ่งภูมิใจเสนอหนึ่งเดียวคันนี้ ที่ถือเป็นคันแรกของการสืบสานตำนาน Drag จาก Mustang Cobra Jet ในรูปแบบของยนตรกรรมขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้า 100% ภายหลังจากการเปิดตัว SUV พลังไฟฟ้า Ford Mustang Mach-E ไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ค่ายวงรีสีน้ำเงินก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาขุมกำลังแห่งอนาคต หรือเครื่องยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ล่าสุด Ford ได้นำเอางูเห่าผยองอย่าง Mustang Cobra Jet เจ้าของสมญา ‘เทพเจ้าแห่งสนาม Drag’ ที่วาดลวดลายจี๊ดจ๊าดฝากตำนานฝังใจชาว Dragster เอาไว้ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 60 มาปลุกชีพในฐานะต้นแบบ Muscle Car
ออกมาทำตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 ถึงเวลาต้องกระตุ้นให้ Supra ดูสดใหม่ไม่เงียบเหงา Toyota Japan เผยโฉม ‘Horizon Blue Editon’ สีฟ้าพิเศษพร้อมเพิ่มความแรง ปรับช่วงล่าง และล้อลายพิเศษ สำหรับทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น จากเดิมที่เคยวางขายสีพิเศษ Matte Storm Gray เมื่อปีที่แล้ว Toyota Supra edition พิเศษนี้จะมีเฉพาะในรุ่น RZ (ที่ญี่ปุ่นจะแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น SZ, SZ-R, RZ) ความแตกต่างคือ SZ และ SZ-R จะใช้เครื่องยนต์ 2.0-liter twin-turbo 255 แรงม้า ส่วนในรุ่น RZ จะมากับเครื่องยนต์ 3.0-liter twin-turbo 335 แรงม้า 2021 Toyota Supra Horizon Blue Edition เป็นรุ่นที่อัพเกรดจาก RZ ภายนอกมากับสีฟ้า Horizon
ผู้ชายอาจจะหลงใหลผู้หญิงแตกต่างกันไป แต่จะมีผู้หญิงที่ผู้ชายพร้อมใจละลายได้ นั่นคือผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งทักษะการทำงาน ทัศนคติที่ดี และมีความเป็นตัวเองอันโดดเด่นจนผู้ชายอย่างเราต้องยอมให้ “สู่ขวัญ บูลกุล” คือหนึ่งในผู้หญิงมากความสามารถที่เรายกให้เป็นหนึ่งใน Hero ตัวจริง พวกเราจดจำเธอในหลายบทบาท ทั้งผู้ประกาศข่าวฝีมือเยี่ยม พิธีกรมากความสามารถ รวมถึงนักแสดงเจ้าบทบาท และหลายคนคงรู้จักเธอในฐานะ Celebrity Blogger ที่รสนิยมเรียบง่ายแต่หรูหรา และน่าจับตามองที่สุดในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะนัดพูดคุยกับคุณสู่ขวัญได้ ต้องขอขอบคุณโอกาสดี ๆ ครั้งนี้จาก BMW Thailand ภายใต้แคมเปญ “EXPERIENCE THE 7 : THE 7 STORIES” ที่ช่วยให้เราได้สนทนากับเธอภายใต้นิยามคำว่า ” THE LUXURY ” อย่างใกล้ชิด ไปค้นหาตัวตนของเธอพร้อมกันกับเรา แล้วคุณจะหลงรักเธอมากกว่าที่ผ่านมา นิยามคำว่า The Luxury ของ สู่ขวัญ บูลกุล คืออะไร ? “ถ้าตามความหมายของคำนี้ The Luxury หมายถึงความหรูหรา สวยงาม
ย้อนกลับไปในปี 2013 ถือเป็นอีกหนึ่งยุคทองของรถยนต์สมรรถนะสูงหรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่าซูเปอร์คาร์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ค่ายรถยนต์น้อยใหญ่ทั่วโลกต่างแข่งขันกันสร้างรถยนต์ความเร็วสูงที่สมบูรณ์ที่สุดออกมา แต่คงไม่มีรถยนต์คันไหนจะโดดเด่นไปกว่า Ferrari LaFerrari, McLaren P1 และ Porsche 918 Spyder ที่ถูกยกให้เป็น The Holy Trinity หรือ 3 สุดยอดซูเปอร์คาร์ของช่วงเวลานั้น ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักเจ้าแห่งท้องถนนเหล่านี้อีกครั้ง สำหรับผู้ชายที่หลงใหลในความเร็ว ซูเปอร์คาร์หรือไฮเปอร์คาร์แต่ละคันเป็นเหมือนกับผลงานชิ้นเอกที่ถูกสร้างขึ้น และถ้าย้อนกลับไปดูประวัติความเป็นมา จะทราบว่ามีค่ายรถยนต์หลายค่ายพยายามหาทางสร้างรถยนต์ที่เรียกว่าซูเปอร์คาร์มาตั้งแต่ช่วงปี 1960 ตัวอย่างคือ Alfa Romeo Tipo 33 หรือในปี 1970’s กับ Lamborghini Countach แต่ยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดคงจะเป็นช่วงต้นยุค 2000 ในช่วงเวลาที่ Ferrari Enzo, Porsche Carrera GT และ Mercedes-Benz SLR McLaren ถูกปล่อยออกสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเหมือนกับสัญญาณการแข่งขันของตลาดซูเปอร์คาร์สมัยใหม่ เพราะนับจากนั้นมาค่ายรถยนต์ทั่วโลกก็เร่งพัฒนาและผลิตรถยนต์ที่ชื่อว่าเป็นซูเปอร์คาร์ของค่าย รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีรถสูตร 1 และคาร์บอนไฟเบอร์ก็ทำให้หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เรามีโอกาสได้เห็น
คงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธว่า Porsche 918 Spyder นั้นคือหนึ่งในซูเปอร์คาร์ตัวแรงที่เป็นรถในฝันของใครหลาย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ Concept Artist ฝีมือเยี่ยมที่ชื่อว่า Khyzyl Saleem ซึ่งตัวเขาใช้เวลาถึง 4 ปีในการสร้างและจบโปรเจกต์เรนเดอร์ Porsche 918 Longtail ครั้งแรกที่เห็นภาพของรถยนต์คันนี้ หลายอาจคิดว่านี่คือรถยนต์คอนเซ็ปต์ที่ถูกสร้างขึ้นจริง แต่น่าเสียดายเพราะมันคือกราฟิกเรนเดอร์จากเซียนพิกเซลนามว่า Khyzyl Saleem ศิลปินผู้ชื่นชอบการออกแบบรถยนต์คอนเซ็ปต์ ที่เคยฝากผลงานไว้กับซีรีส์เกมอย่าง Need For Speed มาแล้ว Khyzyl Saleem เคยร่วมงานสร้างกราฟิกชุดแต่ง (Body-Kit) ให้กับ NFS ในภาค Playback และ Heat ก่อนจะผันตัวออกมาทำงานอิสระมากขึ้น ล่าสุดรถยนต์ PoleStar 1 Cover ที่ตัวเขาเคยออกแบบไว้ในเกมส์ก็สวยถูกใจขาซิ่งจนถูกสร้างจริงและขึ้นแสดงในงาน SEMA มาแล้ว มาครั้งนี้เจ้าตัวตัดสินใจหยิบหนึ่งในยนตรกรรมที่หลงใหลมานานอย่าง Porsche 918 Spyder มาโมดิฟายใหม่ให้เป็นสไตล์ Longtail ที่เห็นกันบ่อยในการแข่งขันสุดโหดอย่าง Le
ถือเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของ Jaguar ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง I-Pace ออกมาสู่ตลาด จากแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์รถยนต์หรูอย่าง XJ หรือรถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง F-Type คงไม่มีใครคาดคิดว่าอยู่ ๆ Jaguar จะควักเงินลงทุนหลายพันล้านปอนด์เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ผ่านการทดสอบเป็นระยะไกลนับล้านกิโลเมตร จนสามารถสร้างสรรค์ I-Pace ออกมาได้ ค่ายรถที่ไม่เคยผลิตรถยนต์ EV มาก่อน แต่กลับทำได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ครั้งแรก การันตีด้วยรางวัลมากมายทั้ง 2019 World Car of the Year, World Car Design of the Year, World Green Car awards, European Car of the Year นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้สำเร็จเพราะโชคช่วย สื่อหลายสำนักจึงเห็นตรงกันว่า Jaguar I-Pace เป็นรถที่มีความสำคัญสำหรับทั้งอนาคตของ Jaguar และอุสาหกรรมรถยนต์ เพราะ I-Pace
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้เห็นคน กลุ่มคนหรือองค์กรต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อนแบบถ้วนหน้า แต่สำหรับหนุ่มที่หลงใหลในรถยนต์โดยเฉพาะโมเดล Porsche 911 คงไม่มีการช่วยเหลือครั้งไหนน่าสนใจไปกว่า 911 Speedster คันสุดท้ายของเจน 991 ที่หลงเหลืออยู่ กำลังจะถูกนำออกประมูลออนไลน์เพื่อนำเงินไปสนับสนุนองค์กรที่กำลังต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ Porsche จับมือกับ RM Sotheby’s จัดการประมูลการกุศลเอาใจคนรักโมเดล 911 ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเป็น Porsche 911 รุ่นเปิดประทุนคันสุดท้ายของเจเนอเรชันที่ 7 ซึ่งถือเป็นอีกโมเดลไอคอนิกที่หนุ่ม ๆ หลายคนอยากครอบครอง 911 Speedster ในรหัส 991 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งปีที่ Porsche ฉลองครบรอบ 70 การเปิดตัวโมเดล Speedster ในรุ่น 911 โดยรถคันสุดท้ายที่กำลังถูกนำมาประมูลคือหนึ่งเดียวที่ยังไม่มีเจ้าของจากจำนวนทั้งหมด 1,948 คัน 911 Speedster เจเนอเรชันนี้ยังเป็นรถยนต์ที่ผสมผสานจุดเด่นของยนตรกรรมจาก Porsche เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแซสซีจาก Porsche
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์ของค่ายรถยนต์สุดแรงจากอิตาลีอย่าง Ferrari คงจะตื่นเต้นไม่น้อยกับงานเรนเดอร์คอนเซ็ปต์คาร์คันล่าสุดที่ว่ากันว่ามาจะพร้อมเครื่องยนต์ V12 ที่ใช้ชื่อว่า STALLONE STALLONE คือคอนเซ็ปต์ซูเปอร์คาร์ผลงานการออกแบบของ Murray Sharp นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตั้งใจดีไซน์รถคันนี้ขึ้นมาเพื่อสืบทอดตำนานความยิ่งใหญ่ของ LaFerrari ด้วยงานออกและระบบอากาศพลศาสตร์ใหม่ที่ลงตัว งานดีไซน์ตั้งแต่หัวจรดท้ายของ STALLONE ได้แรงบันดาลใจดีไซน์โค้งมนสุดคลาสสิกของ Ferrari 250 GTO ผสมรวมกับกลิ่นอายสปอร์ตของ Ferrari F40 ออกมาเป็นรถดีไซน์แห่งอนาคตที่มาพร้อมช่องลมขนาดใหญ่ด้านหน้า และ 2 ช่องเล็กบนฝากระโปรง ทั้งหมดวางอยู่ในตัวถังแบบ Monocoque ด้านข้างตัวรถโดดเด่นด้วยกระจกมองข้างที่ใช้กล้องความละเอียดสูงดีไซน์ยื่นออกจากตัวรถ พร้อมช่องลมด้านข้างขนาดใหญ่ ในขณะที่ส่วนท้ายของตัวรถทั้งกระจกและชุดแต่งได้แรงบันดาลจากโมเดลในตำนานอย่าง Ferrari Rosso Corsa มาพร้อมท่อไอเสียคู่ที่ถูกเอาวางไว้ด้านหลังของหลังคา โดยงานดีไซน์ที่สมบูรณ์แบบของมันทำให้หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือรถที่จะเข้ามาแทนที่สานต่อตำนานของ LaFerrari ให้กับค่ายม้าคะนอง ด้าน Murray Sharp ตั้งใจให้รถคันนี้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับวางเครื่องยนต์ตัวแรงของค่ายกับเครื่องยนต์ V12 ซึ่งเป็นระบบเครื่องยนต์ที่ถูกใช้มาตั้งแต่รถรุ่นเก๋าของค่าย ไม่ว่าจะเป็น 125 S หรือใน 250 GTO ในเวลาต่อมาเครื่องยนต์ V12 ยังถูกพัฒนาและใช้ในซูเปอร์คาร์ตัวกลั่นทั้งในโมเดล