หากคุณนึกถึงยุค 90’s คุณจะนึกอะไรเป็นอย่างแรก เชื่อว่าสิ่งที่ป๊อปอัพขึ้นมาในหัวแบบไว ๆ มากที่สุดของใครหลาย ๆ คนน่าจะต้องเป็นเทปอย่างแน่นอน มันคือฟอร์แมตการฟังเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น แต่แล้วเมื่อการเวลาเปลี่ยนไปเข้าสู่ช่วงยุค 2000’s ความสำคัญของเทปก็ค่อย ๆ หดหายไป จนในที่สุดมันก็ได้ตายไปจากอุตสาหกรรมดนตรี แต่แล้วในช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา กระแสของเทปก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง มีทั้งศิลปินอิสระและศิลปินมีสังกัดต่างผลิตเทปกันออกมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเด็กรุ่นใหม่ที่แทบไม่คุ้นเคยกับมันเลย และชายผู้อยู่เบื้องหลังผู้ปลุกกระแสเทปให้กลับมา ก็มีนามว่า “เจ-ณัฐพล สว่างตระกูล” เจ คือเจ้าของร้าน Cassette Shop ย่านประดิพัทธ์ ผู้เคยสะสมไว้หลายพันม้วน มีไลฟ์สไตล์ที่ไปไหนมาไหนต้องพกวอล์กแมน, หูฟัง, พร้อมเทปคู่ใจ 5-6 ม้วนอยู่เสมอ แถมยังเคยซื้อเทปด้วยการจ่ายเงินมากถึง 10,000 บาทภายในครั้งเดียวอีกด้วย จนสุดท้ายเขาก็ได้เปลี่ยนแพชชั่นให้กลายเป็นธุรกิจ และจากธุรกิจก็กลายเป็นการปลุกวัฒนธรรมยุค 90’s ให้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เรามาทำความรู้จักเรื่องราวของเขาให้มากขึ้นกันดีกว่าครับ สัมผัสเทปม้วนแรกของคุณพ่อ ชีวิตวัยเด็กของทุก ๆ คนก็มักจะสัมผัสประสบการณ์และเรียนรู้ทุกเรื่องราวจากคนในครอบครัว ไม่ต่างจากเจที่มีความทรงจำการสัมผัสเทปม้วนแรกมาจากคุณพ่อ “จุดเริ่มต้นตั้งแต่เด็ก ๆ เลยครับ ผมโตมากับเทปเลย เกิดมาก็เห็นเครื่องเล่นเทปเลย
ในยุคปัจจุบัน ฟอร์แมทในการฟังเพลงนั้นมีรูปแบบมากมาย แต่หนึ่งในฟอร์แมทที่สำคัญที่คนยุค 80s-90s ต่างพากันรู้จักกันดีนั่นก็คือการฟังเพลงผ่านคาสเซ็ทท์เทปนั่นเอง หลายท่านที่ผ่านยุคนั้นต่างนึกถึงอดีตอันงดงามไม่ว่าจะเป็นการใช้ปากกาในการกรอเทป / อัดเพลงที่ชอบให้คนที่แอบรักฟัง หรือจับมันโยนใส่ตู้เย็นเมื่อฟังจนเทปยาน แต่ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของวงการเพลงนี้หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเป็นใคร อีกทั้งเราเพิ่งทราบข่าวร้ายถึงการจากไปในวัย 94 ของปู่ Lou Ottens บุคคลผู้เปรียบได้ดั่งบิดาของคาสเซ็ทท์เทป จึงอยากจะขอใช้พื้นที่นี้ทำการอำลาอาลัย และถ่ายทอดเรื่องราวต้นกำเนิดของตลับเทปจากอดีต รวมถึงบทบาทของมันในโลกยุคดิจิทัล ณ ปัจจุบันนี้ให้ได้อ่านกัน จากการฟังเพลงอันเทอะทะ ปฏิวัติสู่การฟังเพลงแบบพกพา ในยุคแรกเริ่มของการฟังเพลงในยุค 50s-60s หลายคนน่าจะคุ้นเคยการฟังเพลงจากแผ่นเสียง Lou Ottens วิศวะกรชาวดัตช์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เองก็เช่นกัน ที่เขารู้สึกว่าการฟังเพลงในยุคนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบาก กว่าจะได้ฟัง หากคุณไม่นั่งฟังนอนฟังอยู่ที่บ้านจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือวิทยุเครื่องใหญ่โตมโหฬาร คุณก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสอรรถรสแห่งเสียงดนตรีนี้ กระทั่งเขาได้ทำงานที่บริษัท Philips ในปี 1952 เขาเห็นเครื่องบันทึกเสียงที่ชื่อ “Magnetophon” ของประเทศเยอรมัน ที่เป็นเครื่องอัดเสียงแบบ Reel-to-Reel แต่ก็มีขนาดที่ใหญ่และราคาค่อนข้างสูงเช่นกัน โดยแรกเริ่มนั้นมาจากความบังเอิญที่เครื่องอัดเสียงนั้นพังจนไส้เทปรีลนั้นพันกันยุ่งเหยิงเขาจึงค้นคว้าหาทางจัดระเบียบเจ้าเครื่องเทอะทะนี้ให้สะดวกและเล็กที่สุดให้จงได้ เขาจึงใช้เวลานานถึง 8 ปี เพื่อคิดค้นเครื่องบันทึกเสียงแบบพกพาจนเทปคาสเซ็ทท์ม้วนแรกได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกในงานแสดงสินค้าที่กรุงเบอร์ลินในปี 1963 ด้วยสโลแกนที่ว่า “เล็กกว่าซองบุหรี่” ซึ่งแน่นอนมันได้สร้างความตื่นตะลึงอย่างมาก ในฐานะอุปกรณ์บันทึกเสียงที่จิ๋วแต่แจ๋ว