ในโลกที่นาฬิกาจักรกลถูกนิยามด้วยคำว่า “คลาสสิก” Rolex กลับเลือกจะเขียนคำว่า “อนาคต” ให้ชัดขึ้นกว่าที่เคย และ Land-Dweller คือการประกาศทิศทางใหม่ของแบรนด์ที่ไม่ต้องประกาศ แต่เริ่มจากกลไกที่เดินอยู่เงียบ ๆ ใต้หน้าปัด ชื่อ Land-Dweller ถูกจดทะเบียนตั้งแต่กลางปี 2023 การกลับมาอีกครั้งของแนวทางการออกแบบ ตัวเรือนแบบ integrated Flat Jubilee bracelet รื้อฟื้นภาพจำของยุค Oysterquartz ดีไซน์จาก Datejust ref. 1530 ในปี 1975 เป็นแกนกลางในการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยตัวเรือนทรง barrel เปิดตัวพร้อมกันถึง 10 references โดยมีทั้งตัวเรือน steel, Everose gold และ platinum ในขนาด 36mm และ 40mm บางเพียง 9.7mm กับหน้าปัด honeycomb ลายรังผึ้ง ประกบด้วยกระจก sapphire ทั้งหน้าและหลัง —
ในยุคที่เทคโนโลยีและสไตล์ต้องมาพร้อมกัน เวสป้าพร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับด้วย Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS ยานพาหนะที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านการดีไซน์ เวสป้าไม่เคยหยุดที่จะพัฒนา Vespa Sprint Tech รุ่นใหม่นี้จึงเป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของเวสป้าดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา โฉมใหม่ของ Vespa Sprint Tech 150 i-Get ABS มาพร้อมการผสมผสานสีที่สื่อถึงความทันสมัย ด้วยโทนสีดำ Black Convinto (Matt) สีเทา Grey Entusiasta และจุดเด่นด้วยสีเขียวฟลูออเรสเซนต์ที่เพิ่มความมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ส่วนไฟ LED ดีไซน์ใหม่บนแผ่นบังโคลนทั้งสองข้างไม่เพียงเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังสร้างความโดดเด่นในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่ม “ค้นหารถ” หรือขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ หน้าจอ TFT ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในทุกสภาวะ ด้วยการแสดงผลสีคมชัดทั้งในโหมดกลางวันและกลางคืน พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะที่ช่วยให้การเดินทางของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยเเชื่อมต่อกับ Vespa MIA** และ Vespa
อัพเดทข่าวดี เมื่อ Seiko Prospex Alpinist Series เรือนเวลาสุดเท่ สำหรับผู้หลงใหลในเสน่ห์แห่งผืนป่าและเหล่านักผจญภัยภาคพื้นดิน ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ ยกขบวนพร้อมให้เป็นเจ้าของกันหลายรุ่น แต่สำหรับรุ่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของคอลเลกชันนี้คือ Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills รหัส SPB493J ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนทั่วโลก เปิดตัวพร้อมให้เป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวัน ‘Love Hornbills Day’ หรือ ‘วันรักนกเงือก’ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของนกเงือก ที่เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเป็นนักปลูกป่าที่อบอวลไปด้วยความรักอันน่ายกย่อง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรือนเวลาเรือนนี้ โดย Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills มาพร้อมกลไกการทำงานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 6R54
“We heard you” เพราะลูกค้าคือหัวใจสำคัญ เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามา Maurice Lacroix ก็รับฟัง feedback มาโดยตลอด นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้แบรนด์นำ Calypso จากปี ’90s มาตีความใหม่กลายเป็น AIKON ที่เปิดตัวในปี 2016 และขึ้นแท่น best-selling ของแบรนด์นับแต่นั้นมา ในปี 2022 Maurice Lacroix ได้เปิดตัวหนึ่งในโมเดลที่สำคัญมากใน AIKON collection โทนสี monochromatic grey โชว์กลไกที่สวยงามของ openworked movement ML115 calibre ที่พัฒนาร่วมกับ Sellita จากสวิตเซอร์แลนด์ ในตัวเรือน stainless steel case ขนาด 39 mm ที่ผ่านการขัดเงาและขัดด้าน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ AIKON ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน แบรนด์นาฬิกาจาก Swiss แห่งนี้ก็เก็บรวบรวมสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพื่อนำมาพัฒนาจนเป็นที่มาของการเปิดตัว AIKON
รหัส m79360n-0024 ของซีรีส์ Black Bay คือการตอกย้ำการเป็นเรือนเวลาระดับประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Tudor ซึ่งเป็นการจับส่วนผสมของนาฬิกาดำน้ำระดับโปรเข้ากับ Sports Chronograph ผสมผสานอย่างลงตัวทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre MT5813 (COSC) สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง มาพร้อมกลไก Column Wheel & Vertical Clutch ที่ให้เราใช้งานได้แบบ Everyday Watch ด้วยสายนาฬิกาตัวล็อค TUDOR “T-Fit” สุดปลอดภัยใส่ On Hand ได้ตลอดวัน และด้วยไซส์ซิ่งตัวเคสความกว้างขนาด 41 มม. / ความหนา 14.4 มม. ของนาฬิกา Stainless Steel ตัวนี้ ก็เหมาะกับทุกสไตล์ มาพร้อมฟังก์ชันกันน้ำลึกถึง 200 เมตร ว่ากันด้วยไฮไลต์ความงดงามบนหน้าปัดของ Flamingo Blue ที่เป็นการตอกย้ำจิตวิญญาณแห่งการแหกฏของแบรนด์ Tudor อีกครั้ง
นอกจาก Moonwatch ที่โด่งดัง หลายคนอาจลืมไปว่าก่อนที่จะมาเกี่ยวข้องกับ Apollo program และ Moonlanding ที่จริงแล้วในอดีตปี 1957 Speedmaster มีต้นกำเนิดมาจากการเป็น racing chronograph ออกแบบมาเพื่อจับเวลา lap time และ average speed ในสนามแข่งด้วยการออกแบบ tachymeter scale ให้อยู่บนขอบหน้าปัดเป็นครั้งแรก และ Omega ก็ยังเคยมี Flightmaster pilot watch 12 Hour-GMT complication ที่แตกไลน์จาก Speedmaster ในปี 1969 นาฬิกาเรือนนี้จึงเป็นการนำตำนานที่หลายคนอาจจะหลงลืมไปให้กลับมาอีกครั้งในชื่อ Speedmaster Pilot Flight Qualified Omega Speedmaster Pilot Flight Qualified นาฬิกา pilot ที่มีกลิ่นอายของการเป็น military-tool ตัวเรือน fully brushed ปัดลายเต็มเรือนขนาด
เมื่อแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส อย่าง MAURICE LACROIX ออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งการรังสรรค์เรือนเวลาภายใต้ความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนาน และเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดพิเศษของทางแบรนด์รวมไปถึงแฟน ๆ MAURICE LACROIX ในไทยหลายต่อหลายคน และเพื่อเป็นการส่งต่อช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ให้กับแฟน ๆ ชาวไทย ดั่งคำมั่นสัญญาที่ว่า “Your Time Is Now” ทาง MAURICE LACROIX ประเทศไทย รวมถึงบรรดาสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง MAURICE LACROIX Club Thailand ก็ได้เริ่มมองหาเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ควรค่าแก่การเป็นที่ระลึกสำหรับเหล่านักสะสมที่หลงใหลใน MAURICE LACROIX มาโดยตลอด แน่นอนว่าเรือนเวลาที่ถูกคัดเลือกมา จะต้องเป็นเรือนที่ถือเป็น “ยอดสุดของสุดยอด” กับ AIKON Mercury นาฬิกาชั้นสูงระดับ Masterpiece ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการแสดงเวลาอันซับซ้อนที่สุดของ MAURICE LACROIX ซึ่งใช้เวลาพัฒนากลไกยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งรูปแบบการอ่านค่าเวลาที่แสนมีเสน่ห์ ซึ่งสะท้อนผ่านเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เป็นการสอดประสานการทำงานร่วมกันระหว่างกลไกที่สลับซับซ้อนเอกสิทธิ์เฉพาะของ MAURICE
สำหรับแฟนพันธุ์แท้ G-SHOCK รวมถึงใครที่หลงใหลในนาฬิกาพันธุ์แกร่งดีไซน์เท่ พร้อมขึ้นข้อไปด้วยกันได้กับทุกไลฟ์สไตล์ น่าจะเคยประทับใจในโมเดล GA-2100 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นตระกูลแกร่งอย่าง G-SHOCK DW-5000 กับงานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างระบบอะนาล็อก และดิจิตอลเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และต้องบอกว่าความโดดเด่นของ GA-2100 ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ G-SHOCK GM-2110D นาฬิกา G-STEEL ที่ถ่ายทอดทุก DNA มาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของกรอบทรงแปดเหลี่ยม และงานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแกร่ง ขาดไม่ได้กับเทคโนโลยีบอกเวลา 2 ระบบทั้งอะนาล็อก และดิจิตอล พร้อมแสดงข้อมูล World Time ได้มากถึง 31 เขตเวลา ซึ่งใจความสำคัญทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ได้ถูกนำเสนอใหม่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูล้ำสมัย ด้วยกรอบสเตนเลสสตีลทรงแปดเหลี่ยมที่ได้รับการหลอมและขัดเงาอย่างพิถีพิถัน เข้ากันได้ดีกับสายโลหะดีไซน์เท่ และแน่นอนว่าตัวเรือนภายใน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความทนทานระดับตำนานนั้นผลิตขึ้นจากเรซินคุณภาพดีเสริมใยแก้วความแข็งแกร่งสูง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ด้วยคุณสมบัติกันน้ำลึกที่ระดับ 20 บาร์ (200 เมตร) และถึงแม้จะทนทานขั้นสุด แต่ต้องบอกว่า G-SHOCK GM-2110D นั้นไม่ได้มีบอดี้ที่ใหญ่โตเทอะทะจนเกินไป เพราะนาฬิกาเรือนนี้คือเจ้าของตำแหน่งนาฬิการุ่นผสมของ G-SHOCK ที่บางที่สุด กับความบางเพียง 11.8 มม.
สำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์แห่งเครื่องบอกเวลา น่าจะรู้จักถึงชื่อเสียงเรียงนามของ ORIENT เป็นอย่างดี ในฐานะแบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นที่ได้รังสรรค์เรือนเวลาระดับสูงให้กับโลกนี้มาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี กับความโดดเด่นในเรื่องของการผสมผสานกลไกอันละเอียดอ่อนอย่างประณีตให้เข้ากับการออกแบบที่เป็นดั่งนวัตกรรมด้วยตัวเอง พร้อมทั้งนำเสนอคุณค่าในแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ความประทับใจและสร้างการจดจำให้กับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาทั้งในประเทศญี่ปุ่น และทั่วโลกเสมอมา และหากพูดถึง ORIENT เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คือหนึ่งในตระกูลซีรีส์นาฬิกาสปอร์ตดำน้ำอย่าง ORIENT Diver Design ที่มีเอกลักษณ์เป็นรูปปลาโลมาประดับอยู่บนฝาหลัง ซึ่งได้รับการขนานนามในอีกชื่อหนึ่งว่า ORIENT Mako ถือเป็นรุ่นที่มีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1960 พร้อมรับการพัฒนาในส่วนของสีหน้าปัดและรายละเอียดที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2004 เป็นต้นมา จนกระทั่งในปี 2023 กลไกระบบโซลาพาวเวอร์พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกใน ORIENT Diver Design ซึ่งกลไก in-house ระบบโซล่าพาวเวอร์นี้จะเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือแหล่งกำเนิดแสงต่าง ๆ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เหมือนนาฬิกาควอต์ซทั่วไป จึงช่วยเพิ่มความสะดวกของการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะกับการใช้ฟังก์ชั่นโครโนกราฟสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ล่าสุดในปี 2024 แบรนด์ ORIENT ได้เปิดตัว ORIENT Diver Design รุ่นพิเศษ Limited Edition เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20
จากโควทของ Pelé (เปเล่) นักเตะทีมชาติบราซิลตำนานแชมป์โลก 3 สมัย ‘ไข่มุกดำ’ ผู้ล่วงลับ คำพูดเปี่ยมพลังที่ทำให้พวกเรารวมถึงแฟนลูกหนังทั่วโลกต่างเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอในโลกของกีฬาฟุตบอล คือเรื่องของ ‘เวลา’ สำหรับ Pelé เขาพูดถึงการใช้เวลาไปกับชั่วโมงฝึกหนักอย่างบ้าคลั่ง และการเสียสละเวลาในชีวิตบางส่วนเพื่อมอบให้กับสิ่งที่ตัวเองรักตลอดชีวิต ในโลกแห่งการแข่งขันของเกมฟุตบอล ความสำคัญของเวลา 90 นาที สำหรับผู้เล่นทั้ง 22 คนในสนาม เพียงเสี้ยววินาทีก็ส่งผลถึง ‘ชัยชนะ’ และประวัติศาสตร์ที่แฟนบอลจะจดจำและเล่าขานตลอดไป สมการของ ‘เวลา’ + ‘ฟุตบอล’ จะต้องมีชื่อของ HUBLOT (อูโบลท์) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับวงการฟุตบอลระดับโลกมาตั้งแต่ปี 2006 และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวงการลูกหนังอย่างเหนียวแน่นไม่ว่าจะในสนามหรือบนข้อมือของนักเตะระดับโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และช่วงเวลาที่ทัวร์นาเมนต์การแข่งขันฟุตบอลอันยิ่งใหญ่ UEFA EURO 2024 (ยูฟ่า ยูโร 2024) ได้วนกลับมาถึงอีกครั้ง ทีมที่ดีที่สุดจากยุโรปต่างเข้ามาลงเตะชิงชัยชนะกันผ่านสนามทั้ง 10 เมืองของประเทศเยอรมนีตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม นาฬิกา Hublot ยังคงเป็น Official