ปี 2022 คนรักษ์โลกมีโอกาสรวย เพราะ Environment, Social and Governance หรือ ‘ESG’ กลายเป็นเทรนด์ระดับโลกที่ทุกธุรกิจต้องจับตามอง เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นสร้างกระแสความกดดันให้คนทั่วโลกต้องเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต และผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบต่อสังคมและสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ESG ย่อมาจาก Environment, Social and Governance หรือ แนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนใช้พิจารณาประกอบการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ โดยปัจจุบันแต่ละองค์กรอาจใช้รูปแบบการวัดผลแตกต่างกัน แต่ทุกเกณฑ์ควรครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ สิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือเป็นเกณฑ์ที่วัดว่า โลกต้องอยู่ดี คนในองค์กรกับสังคมต้องอยู่ดี และบริษัทต้องอยู่ดี จึงจะเกิดความเข้มแข็งตามหลัก ESG โลกอยู่ดี – วัดการดูแลโลกผ่านการดำเนินการต่าง ๆ ของบริษัทว่าลดการปล่อยคาร์บอนฯ หรือไม่ สร้างมลภาวะกับโลกหรือเปล่า ใช้ทรัพยากรคุ้มค่าไหมทั้งการใช้น้ำ ไฟ หรือบางบริษัทอาจนับถึงปริมาณกระดาษที่ใช้ในองค์กร สังคมอยู่ดี – วัดจากมาตรฐานการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงาน พนักงาน ความเคารพสิทธิมนุษยชนตลอดระบบนิเวศทางธุรกิจและส่งเสริมให้พนักงานเข้าใจผลกระทบที่ของ ESG ที่ส่งผลต่อธุรกิจ
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ‘รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน’ อาจกลายเป็นของล้าสมัยไป เพราะตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่ต่างประกาศว่าจะหันมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) แบบเต็มตัวในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Jaguar ที่จะขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2025 หรือ Volvo ที่จะเริ่มในปี 2030 ไปจนถึง General Motors (GM) ที่จะเริ่มให้ได้ภายในปี 2035 แต่การเปลี่ยนแปลงอาจมาถึงเร็วกว่าที่เราคาดกันไว้ เพราะตอนนี้ภาคธุรกิจกำลังรีบนำรถไฟฟ้ามาใช้กันแล้ว อย่าง Hertz ธุรกิจเช่ารถยนต์รายใหญ่ของโลก ได้ทำการสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากเทสลาจำนวนกว่า 100,000 คัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2022 เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Tesla ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12% จน อีลอน มัสก์ กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกภายในวันเดียว ด้วยอิทธิพลของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน หรือ มลพิษทางอากาศ ทั่วโลกจึงตระหนักถึงเรื่องการรักษาสภาพภูมิอากาศกันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักรได้ประกาศจะเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิลภายในปี 2030 หรือ
เวลาอยู่คนเดียวนาน ๆ เรามักจะทำอะไรตามใจตัวเองมากเสียจนลืมใส่ใจกับเรื่องยิบย่อยไปบ้าง ยิ่งหนุ่มโสดที่ไม่มีใครมาคอยชักชวนให้ลุกขึ้นมาทำนู่นนี่ ก็คงเคยชินกับชีวิตที่ Depend On ความพอใจของตัวเองเป็นหลัก เราไม่ได้จะมาชวนให้หาคนรู้ใจมาละลายพฤติกรรมหนุ่มโสดแต่อย่างใด แต่เรามาชวนหนุ่ม ๆ หันมาตระหนักกับกระแสที่มาแรงแซงทางโค้งในปีนี้ อย่างเรื่องปัญหาขยะพลาสติก ที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจและขับเคลื่อนแคมเปญหลายอย่างเพื่อลดจำนวนขยะพลาสติกลง ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องไกลตัว เพราะหนุ่มโสดอาจรู้สึกว่า ลำพังการใช้ชีวิตของตัวเองคนเดียวคงไม่ได้เพิ่มขยะพลาสติกอะไรนักหนา แต่อย่าลืมว่าคนละนิดคนละหน่อยสะสมมาก ๆ เข้า มันก็แทบจะหาที่ระบายไม่ทันอยู่แล้ว UNLOCKMEN อยากชวนหนุ่ม ๆ มาทำความเข้าใจเรื่องขยะที่ไม่ใช่แค่พลาสติก เพื่อเริ่มต้นแยกขยะเสียตั้งแต่วันนี้ รวมทั้งวิธีลดจำนวนขยะลง เพื่อให้โลกใบนี้ไม่ถูกปกคลุมไปด้วยถุงพลาสติกเสียก่อน ทำความรู้จัก 4 ประเภทง่าย ๆ ของขยะ อยากจะเริ่มต้นแยกขยะ ก็ต้องรู้ก่อนว่าควรจะแยกกี่ประเภท เอาอะไรไว้ด้วยกันได้บ้าง จริง ๆ ประเภทของขยะ แบ่งได้ตั้งแต่ง่าย ๆ ไปจนถึงละเอียดยิบ แต่สำหรับมือใหม่ เราขอแนะนำกันแบบเบสิกไปก่อน นั่นก็คือแยกตามสีของถังขยะที่เราเห็นกันได้ทั่วไป 4 สี มาดูกันว่าแต่ละสีนั้นเอาไว้ทิ้งขยะประเภทไหนบ้าง เวลาเราแยกแล้วเอาออกไปทิ้ง จะได้ไม่ยืนงงกันอยู่หน้าถังขยะ สีน้ำเงิน – ขยะทั่วไป เหมือนจะเป็นตัวเลือกอันดับแรกเวลาไม่รู้จะยัดขยะลงประเภทไหน ทั่วไปนี่ทั่วไปแค่ไหนกันนะ
‘ดาวเคราะห์สีน้ําเงิน’ คือชื่อเล่นของโลกเรา ซึ่งที่มาก็ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนไปกว่าการที่พื้นผิวของโลกกว่า 71% ถูกปกคลุมด้วยน้ำ ส่วนพื้นดินที่มนุษย์อาศัยอยู่และเรารู้สึกว่ากว้างใหญ่มาก ๆ นั้นเป็นเพียงแค่ 29% เท่านั้น ‘แค่พื้นที่ 29% ยังไม่สามารถทำให้สะอาดได้เลย แล้วจะสนใจอะไรกับพื้นที่สีน้ำเงินอีก 71% ที่เหลือ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำให้มันสะอาด’ แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่คิดเช่นนั้น ย้อนไปเมื่อปี 2013 Boyan Slat เด็กหนุ่มจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 17 ปี ได้ออกมาประกาศเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของเขาให้ชาวโลกได้รู้ด้วยการเปิดบริษัท The Ocean Cleanup จุดประสงค์เพื่อกำจัดขยะออกจากมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ในที่สุดหลังจากใช้เวลา 5 ปีในการระดมทุนและศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด ในที่สุด Boyan และบริษัท The Ocean Cleanup ของเขาก็พร้อมสำหรับการทำภารกิจนี้ให้เป็นความจริงแล้ว ความฝันอันทะเยอทะยานของ Boyan ใช้เงินกว่า 20 ล้านเหรียญเพื่อเป้าหมายการกำจัดขยะจำนวน 1.8 ล้านล้านชิ้นออกจาก Great Pacific Garbage Patch ซึ่งเป็นบริเวณที่การไหลเวียนของน้ำมีลักษณะวน จึงทำให้เกิดการสะสมของขยะจำนวนมหาศาลในท้องน้ำระหว่าง California ยาวไปถึง Hawaii อ่าว San Francisco คือจุดเริ่มต้นของภารกิจนี้ก่อนที่จะค่อย ๆ