หากใครเคยดู The Great Gatsby คงพอจะจำได้ว่ามหาเศรษฐีอย่าง Gatsby ไปไม่เป็นขนาดไหน เมื่อ Nick เพื่อนบ้านตัวจ้อยของเขา รับปากที่จะช่วยเป็นพ่อสื่อ แบบไม่หวังผลตอบแทนอะไร ช่วยเพราะต้องการที่จะช่วยแค่นั้นเอง อาจเพราะ Gatsby อยู่ในแวดวงธุรกิจ เรื่องของการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จึงแฝงอยู่ในทุกสิ่ง แม้จะมองเรื่องราวในชีวิตจริง มิตรภาพที่จริงใจก็ไม่ใช่สิ่งที่หาจากใครได้ง่าย ๆ และเราเองก็ไม่ได้มีให้ใครง่าย ๆ เช่นกัน UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาเรียนรู้บทเรียนมิตรภาพลูกผู้ชาย จาก 5 หนังหลากรส หลากเหตุการณ์ ที่ให้ข้อคิดในเรื่องของความสัมพันธ์ ความจริงใจ และมิตรภาพ เหมือนทุกครั้งที่เราอยากบอกเสมอว่า นี่ไม่ใช่การจัดอันดับหนังดี เราไม่ได้แนะนำด้วยคะแนนวิจารณ์ หรือตัดสินด้วยอะไรทั้งนั้น นี่เป็นเพียงลิสต์หนังที่เราอยากบอกต่อเหมือนเพื่อนแชร์หนังหรือชวนกันดู อย่าได้หัวเสียถ้าหากไม่มีหนังที่ตรงใจคุณในลิสต์นี้ Forrest Gump (1994) Director: Robert Zemeckis เรื่องราวชีวิตแสนพิเศษจากหนุ่มอัจฉริยะปัญญานิ่ม (ตามชื่อเรื่องไทย ไม่ได้เป็นการใช้ Hate Speech แต่อย่างใด) Forrest Gump (Tom Hanks) ที่เราจะได้เห็นชีวิตของเขาตั้งแต่เป็นเด็กน้อยในอ้อมอกของแม่ผู้คอยปกป้องเขาจากทุกอย่าง เขาถูกหล่อหลอมให้มีทัศนคติเชิงบวกอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ใช่แค่คิดบวกแล้วจะกลายเป็นคนโง่
เวลาที่ผ่านไปปีแล้วปีเล่า ตั้งแต่วัยหนุ่มเลือดร้อน เราอาจจะมีเพื่อนกลุ่มใหญ่ พอแยกย้ายกันไปทำงาน อาจจะหล่นหายจนเหลือคนที่เจอหน้าประจำอยู่ไม่กี่คน เปลี่ยนที่ทำงานไปก็ต้องเปลี่ยนเพื่อนกลุ่มใหม่ไปด้วย กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เพื่อนหล่นหายไประหว่างทางไม่รู้เท่าไหร่ นั่นทำให้เราพอจะรู้สึกตัวแล้วว่ายิ่งอายุมากขึ้น เรายิ่งมีเพื่อนน้อยลง แถมการสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ ๆ ยิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้น มาดูเหตุผลของเรื่องเหล่านี้กันว่าทำไมยิ่งแก่แต่เพื่อนกลับน้อยลง เพื่อที่เจอสาเหตุแล้วจะได้หาทางแก้กันได้ทัน ทุกคนต่างทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัว สุดท้ายแล้วการมีครอบครัวคือฝั่งฝันของชีวิตคนเรา เราต่างทุ่มเทเวลา พัฒนาตัวเอง มีหน้าที่การงานที่ดี วางรากฐานชีวิตให้พร้อม เมื่อมีถึงเวลาที่ต้องมีครอบครัวทุกอย่างจะได้ออกมาสมบูรณ์แบบ และเป็นครอบครัวที่ไม่มีจุดบกพร่อง เรื่องของเรื่องคือจะชี้ให้เห็นว่าทุกคนต่างก็ทุ่มเทกับครอบครัวของตัวเองกันทั้งนั้น เพราะพวกเขาคือคนที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต จนบางทีหลายคนอาจทุ่มเทเวลากับครอบครัวมากจนไม่เหลือเวลาให้กับความสัมพันธ์อื่นอย่างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน อะไรทำนองนั้นเลย ยิ่งคนไหนที่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ซะจนไม่จำเป็นต้องมีอย่างอื่นมาเติมเต็มแล้ว ทำงานเสร็จก็คงอยากกลับบ้านไปพักผ่อน ไปกินข้าวฝีมือแม่บ้านคนสวยที่รออยู่ Cuddle กันให้หายเหนื่อย หรือไปทำหน้าที่สามีที่ดี พ่อที่ดี เพราะนั่นก็คืออีกหน้าที่หลังเลิกงานเหมือนกัน เท่านี้ชีวิตก็แทบจะไม่เหลือเวลาให้อย่างอื่นแล้ว ความสัมพันธ์ของเพื่อนจึงอาจถูกลดบทบาทลงไปบ้างนั่นเอง More than one thing to make friends ในตอนที่อายุยังน้อย เรามีเพื่อนเยอะแยะไปหมด เพื่อนสนิท เพื่อนห่าง ๆ เพื่อนของเพื่อน เดินเข้าร้านเหล้าทีทักกันตั้งแต่โต๊ะหน้าร้านไปยันโต๊มุมมืด หรือมีเพื่อนที่เล่นดนตรีเหมือนกัน เล่นบอลเหมือนกัน แค่คอเดียวกันก็พร้อมจะกอดคอเป็นเพื่อนกันได้แล้ว
“Hater gonna be Hater – คนที่เกลียดย่อมเป็นคนที่เกลียดอยู่วันยังค่ำ” มันต้องมีกันบ้าง คนที่เกิดมาเกลียดเราโดยเฉพาะ คนที่ไม่ชอบเราไปเสียทุกอย่างแบบไม่มีเหตุผล คนที่มาพร้อมกับอคติซึ่งผู้ชายอย่างเรา ๆ ต้องรับมือในชีวิตประจำวัน คนหรือคนเหล่านั้นคือ hater(s) ที่เราอาจต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แค่เราหายใจอยู่ในสายตา ขยับตัวท่าไหน จะไปทำอะไร ก็โดนแซะไปซะทุกอย่างแบบไม่ต้องถามไถ่กันสักนิด (อย่างนี้ก็ได้เหรอ !? ) สร้างความหงุดหงิดใจให้เราสุด ๆ จนแทบอยากจะใช้คำพูดหรือพละกำลังทำอะไรสักอย่างให้ hater คนนั้นหยุดพฤติกรรมน่าเบื่อแบบนี้ซะ ! ใจเย็น ๆ ก่อนครับ เราเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงหรือการโต้ตอบแบบ action = reaction นั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย การจะรับมือกับ hater เราต้องใช้ความใจเย็นและความเข้าใจ อย่าไปเล่นตามเกม สูดหายใจลึก ๆ แล้วลองใช้วิธีเหล่านี้ที่ UNLOCKMEN แนะนำ รับรองว่าได้ผลไม่มากก็น้อยครับ มองลึกลงไปด้วยความเข้าใจ อย่างแรก เราต้องพยายามก้าวข้ามความรู้สึกแย่ ๆ ที่มีต่อบุคคลช่างแซะคนนั้น แล้วแทนที่ด้วยการทำความเข้าใจความเจ็บปวดของเขา บางครั้งเราอาจทำอะไรที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของคนนั้นโดยไม่รู้ตัว อาจมาจากการที่เราได้ครอบครองสิ่งที่เขาอยากได้ หรือได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำจนสำเร็จ
“เห้ย แป๊ปนึงเดะ อีกครึ่งชั่วโมงค่อยกลับ” “อีกแก้วก่อน ๆ โถ่ จะรีบไปไหน นาน ๆ เจอที” “เดี๋ยวนี้เห็นหญิงดีกว่าทีมเวิร์กเหรอวะ ! ” นี่คือตัวอย่างประโยคกระแทกใจที่ผู้ชายอย่างเรามักจะได้ยินในปาร์ตี้เวลาจะขอลี้กลับก่อน ส่วนเพื่อนฝูงก็ช่างสรรหาสารพัดวิธีรั้ง เราเองก็ต้องไปแล้วจริง ๆ บางทีก็มีหญิงรออยู่ มีงานค้างบ้าง พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า แต่ดูเหมือนว่างานเลี้ยงย่อมไม่มีวันเลิกราง่าย ๆ และการจากไปด้วยดีก็ดูทำยากเหลือเกิน ทีมงาน UNLOCKMEN เห็นว่าการ “ขอตัวกลับก่อน” ยังคงเป็นปัญหาสุดคลาสสิคของหนุ่ม ๆ เลยอยากจะนำเสนอทางออกที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเวลาไปปาร์ตี้กับเพื่อน แล้วจะรู้ว่าการชิ่งแบบมีศิลปะนั้นมีอยู่จริง ! รู้ว่าควรปลีกตัวตอนไหน แม้ว่าคุณจะเนียนเก่งขนาดไหนแต่ก็อาจจะต้องอยู่ยาวได้ถ้าผิดจังหวะ แม้ว่างานปาร์ตี้นั้นคุณจะฝืนใจเมาแค่ไหนก็ตาม เราแนะนำให้คุณอยู่ร่วมงานอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือรอให้ปาร์ตี้เริ่มมันส์ เพื่อนคุณเริ่มมึน บรรยากาศเริ่มได้ที่ จังหวะนี้แหละค่อย ๆ ชิ่งเลย ผมนี่ยืนขึ้นบอกลาเลย หลายคนพอเริ่มอยากกลับก็จะเริ่มโชว์ท่าทีนั่งไม่ติด ดูนาฬิกาบ่อย บางทีก็บ่นออกมากลางวงว่า “โอ่ห์ ดึกแล้วนะเนี่ย” จากนั้นก็นั่งอยู่ต่อแบบอึดอัด ไม่เอาหน่า แมน ๆ พูดกับทุกคนไปตรง ๆ เลยว่าจะกลับแล้ว ค่อย
การมีเพื่อนที่ดีถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของชีวิต แต่ใครจะไปคิดว่าเพื่อน มิตรภาพ ความสัมพันธ์มันเชื่อมโยงสัมพันธ์ไปจนถึงสุขภาพกาย สุขภาพใจ ไปยันวิถีชีวิตของเราตอนแก่ตัวไปอีกด้วย ที่สำคัญมิตรภาพที่ว่านี้อาจจะมีอิทธิพลต่อสุขภาพและความสุขในชีวิตของเราตอนแก่ยิ่งกว่าครอบครัวเสียอีก ก่อนจะเชื่อ ไม่เชื่อ หรือร่วมถกเถียงว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริงอย่างไร เราลองมาอ่านไปพร้อม ๆ กันว่าที่เขาว่ามิตรภาพสำคัญนั้นมันสำคัญแค่ไหนกัน William Chopik คือนักจิตวิทยาจาก Michigan State University เจ้าของงานวิจัยที่ชื่อว่า Associations among relational values, support, health, and well-being across the adult lifespan ซึ่งศึกษาเรื่องมิตรภาพความสัมพันธ์ มันส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างไร William Chopik เปิดเผยว่าการมีเพื่อนดี ๆ อยู่รอบ ๆ ตัวมันสามารถทำให้ชีวิตและสุขภาพเราดีงามตามไปได้จริง ๆ โดยการมีมิตรภาพที่ดีอาจจะสำคัญกว่าคนในครอบครัว (เมื่อเราแก่ตัวลง) อีกด้วย เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? เนื่องจากเพื่อนคือความสัมพันธ์ที่เราสามารถเลือกได้ ยิ่งเราโตขึ้น แก่ขึ้นอยู่บนโลกมานานมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีแนวโน้มจะเลือกคบเพื่อนที่เข้ากันได้กับชีวิตของเรามากขึ้นเท่านั้น ความชอบที่ใกล้เคียงกัน เรื่องราวที่สนใจเหมือนกัน ๆ กัน กิจกรรมที่ทำร่วมกัน