หากจะให้จัดอับดับการ์ตูนกีฬาในดวงใจที่ผู้ชายอย่างเราโตมาด้วยกัน การ์ตูนบาสเก็ตบอลอย่าง Slam Dunk นั้นถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าติดโผส่วนตัวของผู้ชายวัยเราทุกคนแบบนอนมาแทบไม่ต้องลุ้น ด้วยคาแรคเตอร์ตัวละครที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น Sakuragi Hanamichi เจ้าลิงผมแดงพระเอกของเรื่อง รวมถึงตัวละครหลักอื่น ๆ ที่สามารถสร้างภาพจำมีฐานแฟนคลับส่วนตัวไม่ใช่น้อย ผนวกกับเรื่องราวที่ทั้งฮา และสามารถสร้างแรงบันดาลใจปลุกไฟฝันให้กับเหล่าวัยรุ่นยุค 90s และรุ่นต่อ ๆ มา ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่อาจารย์ Takehiko Inoue เจ้าของผลงานเลือกตัดจบขณะที่เรื่องราวกำลังพีคมันซะดื้อ ๆ ด้วยเหตุผลที่ต่างลือกันไปหลากหลายเสียง แต่ที่ค่อนข้างชัดเจน และดูมีน้ำหนักที่สุดคือเหตุผลที่ว่าอาจารย์ Inoue นั้นไม่พอใจทางกองบ.ก. Shonen Jump ที่เข้ามาจุ้นจ้านบงการทิศทางของเนื้อเรื่องให้เป็นไปตามต้องการ ::: หากบังเอิญใครยังไม่เคยอ่าน Slam Dunk และยังไม่อยากโดนสปอยล์ตอนจบโปรดข้ามย่อหน้านี้ไปได้เลย ::: จากเดิมที่ได้วางโครงเรื่องไว้แล้วว่าจะให้ทีม Shohoku นั้นพ่ายแพ้ทีมเทคโน Sannoh ในการแข่งขันรอบสองของการชิงแชมป์ระดับประเทศ แต่ทางสำนักพิมพ์ได้กดดันอาจารย์ให้เขียนเรื่องให้ทาง Shohoku เป็นฝ่ายชนะ และหลังจากถูกกดดันอย่างหนักหน่วงอาจารย์ Inoue ก็จัดให้ ด้วยการเขียนให้ Shohoku เฉือนเอาชนะยอดทีมอย่างเทคโน Sannoh ไปแบบสุดประทับใจในวินาทีสุดท้าย
One Piece เป็นการ์ตูนอีกหนึ่งเรื่องที่อยู่คู่กับนิตยสาร Shonen Jump และผู้อ่านมาอย่างยาวนาน การ์ตูนที่ว่าด้วยโจรสลัดและการผจญภัยในท้องทะเลอันกว้างใหญ่โดยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา One Piece มีอายุครบ 21 ขวบเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะผ่านวัยบรรลุนิติภาวะมาแล้วกว่า 1 ปี แต่ One Piece ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบง่าย ๆ แถมเนื้อเรื่องช่วงนี้ยังกลับมาเข้มข้นแบบสุด ๆ ชนิดที่ว่าพลาดไม่สักตอนเดียว อย่างไรก็ตามวันเกิดอายุ 21 ปีมาเยือนทั้งทีก็ต้องมีอะไรมาฝากแฟน ๆ หน่อย ซึ่ง อ.เออิจิโระ โอดะผู้เขียนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ล่าสุด อ.ได้เปิดเผยออกมาว่าในตอนนี้เนื้อเรื่องดำเนินมาแล้วกว่า 80% ดังนั้นตอนจบที่แฟน ๆ หลายคนรอคอย บางคนตั้งธงไว้ด้วยซ้ำว่าการได้อ่าน One Piece ตอนจบคือ Bucket List ที่ต้องทำให้สำเร็จคงใกล้มาถึงแล้ว (คาดการณ์กันว่าคงอีกประมาณ 7-10 ปี ถึงจะฟังดูไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเร็ว ๆ นี้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้เลยว่ามันจะจบเมื่อไร) วันนี้ผู้เขียนในฐานะที่เป็นโอตาคุคนหนึ่งและติดตาม One
“ปีใหม่ ฟ้าใหม่ เริ่มต้นใหม่” หลายๆ คนน่าจะคิดแบบนี้ แต่เราก็เจอมาหลายคนที่คิดว่า “ถ้าจะเริ่มใหม่ก็เริ่มเลยไม่ต้องรออะไร” เราเห็นด้วยกับทั้งสองฝั่งนะ เพราะสิ่งที่สำคัญของการเริ่มอะไรใหม่ มันไม่จำเป็นต้องเป็นวันหรือเวลาหรอก แต่การเห็นกำหนดชัดๆ (อย่างวันปีใหม่) มันก็ทำให้เราเห็นภาพการเริ่มต้นได้ดียิ่งขึ้น ไหนๆ ก็พูดถึงเห็นภาพแล้วครับ ณ จุดๆ นี้ เราเลยนึกถึงหนังสือการ์ตูนหลายเรื่องที่ทำให้เห็นภาพของ ‘การเริ่มต้นใหม่’ ในหลายๆ แบบที่เราเชื่อว่าถ้าคุณได้ไปอ่าน หรือเคยอ่านแล้วย้อนนึกถึงเรื่องเหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกว่าการเริ่มใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อยู่ที่ใจคุณต่างหากว่าพร้อมจะเปิดใจเปลี่ยนสถานะเดิมของตัวเองหรือเปล่า Real เรียล – เริ่มใหม่ด้วยการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ งานของอาจารย์อิโนอุเอะ ทาเคฮิโกะ ที่ใช้ชื่อสั๊นสั้น แต่ได้ใจความเรื่องนี้ ถึงจะยังเล่นบาสเก็ตบอลเหมือนสแลมดังค์ แต่พลิกมุมมาคุยเรื่อง ‘จริง’ ของกลุ่มคนอื่นบ้าง นับตั้งแต่ คนที่ออกจากโรงเรียนเพราะมีปมในใจ, อดีตนักกีฬากรีฑาที่กลายเป็นคนพิการ, วัยรุ่นที่เคยอยู่ชั้นแนวหน้าแต่กลายเป็นอัมพาตช่วงเอวลงไป ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นชีวิตที่สิ้นหวังแต่สุดท้ายพวกเขาก็กลับเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งในกรณีนี้ไม่ใช่การรอเข้าวันปีใหม่ แต่เป็นกีฬา บาสเก็ตบอล ที่ตัวละครแต่ละตัวต่างหลงใหลเหมือนกัน จนพวกเขาได้มีโอกาสลุกขึ้นยืนใหม่จากจุดที่ชีวิตพังแหล่มิพังแหล่ จริงๆ การเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ชอบ เป็นอะไรที่เห็นได้ง่ายๆ นะ คนดังหลายคนก็จับต้องงานอะไรใหม่จากการทำสิ่งที่ชอบเช่นกัน แล้วทำไมคนทั่วไปจะเริ่มจับต้องประเด็นที่น่าทำจากสิ่งที่ชอบไม่ได้ล่ะ Rainbow 7