หากไม่ได้เห็นหน้า แค่เพียงเอ่ยถึงชื่อของ ‘มอร์-วสุพล เกรียงประภากิจ’ หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อนี้มากนัก แต่ถ้าเอ่ยชื่อของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ ภาพของหนุ่มมาดเซอร์นักร้อง, นักแต่งเพลงจากวง Ten to Twelve นั้นคงชัดเจนขึ้นมา ซึ่งก่อนหน้านี้ UNLOCKMEN เคยได้มีโอกาสพูดคุยกับมอร์มาแล้วถึง 2 ครั้งโดยแต่ละครั้งของการพูดคุย สิ่งที่เราสัมผัสได้คือความสามารถที่ล้นเหลือ และพลังงานในการสร้างสรรค์ที่เข้มข้นจากผู้ชายคนนี้ วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดี เพราะเรามีนัดพูดคุยกับเขาอีกครั้งที่ LHONG 1919 กับการอัพเดทเรื่องราวชีวิตในขวบปีนี้ของ ‘มอร์-Ten to Twelve’ พร้อมทำความรู้จัก ‘มอร์’ ในมุมมองใหม่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับความหลงใหลในการถ่ายรูป และสไตล์การถ่ายรูปในแบบฉบับเฉพาะตัว จนทำให้เขาได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็น Brand Ambassador ของ FUJIFILM ซึ่งถือเป็นอีกบทบาทใหม่จากอีกหลากหลายบทบาทในชีวิตของเขา และเราจะล้วงลึกเข้าไปปลดล็อคที่มาของแรงบันดาลใจซึ่งดูเหมือนจะไร้ขีดจำกัดของผู้ชายคนนี้ ว่าทำไมมันยังดูเหมือนเป็นพลังที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา มันมีหมดบ้างมั้ย แล้วอะไรที่ทำให้เขายังคงควบหน้าที่หลายบทบาท ตั้งใจสร้างงานทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่าชีวิตของมอร์มีหลายบทบาทเหลือเกิน ช่วยอัพเดทให้เราฟังหน่อยว่า ตอนนี้กำลังเน้นหนักไปที่บทบาทไหนเป็นพิเศษ ? หลัก ๆ ตอนนี้เราก็ทำผู้กำกับ เป็นผู้กำกับหนังโฆษณา
ขึ้นชื่อว่าการประกวดภาพถ่าย นอกจากรางวัลที่ได้รับ สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าคือความภาคภูมิใจในผลงาน ที่ไม่ใช่แค่เจ้าของภาพคิดว่าสวย แต่เป็นการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ไม่ว่าจะระดับสากล ระดับประเทศ หรือระดับแบรนด์ที่ UNLOCKMEN เองก็เคยจัดมาแล้วอย่างยิ่งใหญ่ แต่บางรายการ ความยาก มาตรฐาน และความภูมิใจยิ่งมากเป็นร้อยเท่า โดยเฉพาะรายการประกวดภาพถ่ายใหญ่ ๆ อย่าง Hasselblad Masters Awards 2018 ที่เพิ่งจะประกาศผู้ชนะเลิศออกมาเป็นที่เรียบร้อย และแน่นอนว่าภาพถ่ายที่ได้รับการคัดเลือกนั้น สวยงามและสมบูรณ์แบบทุกภาพ สำหรับการประกวดรายการ Hasselblad Masters Awards 2018 จะให้ตากล้องส่งภาพที่คิดว่าดีที่สุด 3 ภาพ และจะมีกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง บวกกับ Public Vote ร่วมกันเพื่อคัดเลือกผู้ชนะใน 11 Categories ครอบคลุมหัวข้อน่าสนใจหลายอย่าง ตั้งแต่ Street, Wild Life, Architecture, Art, Product, Beauty, Wedding และอีกมากมาย ซึ่งนอกจากความภูมิใจแล้ว ผู้ชนะเลิศยังได้เป็น Hasselblad Brand Ambassador เป็นเวลา
UNLOCKMEN ขอพนันได้เลยว่าผู้ชายแทบทุกคนต้องเคยเห็นรูปของ Bob marley หรือชายผิวสีท่าทางโคตรเท่แบกทรงผมขดยาวพร้อมมาดนักดนตรีผู้ทรงพลัง มากไปกว่านั้นหลายคนอาจจะรู้ว่าเขาเป็นราชาเร็กเก้ชื่อก้องโลกที่เราต่างเคยฟังเพลงของเขามาแล้วทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอพนันอีกว่ารูปที่พวกเราเคยเห็นผ่านตานั้นถ้าไม่ใช่รูปที่แปะอยู่บนพื้นหลังเขียวแดงเหลือง ก็คงเป็นรูปจับไมค์ร้องเพลงอยู่บนเวที แต่คราวนี้นิทรรศการรูปถ่ายที่ถูกจัดแสดงที่ London’s Dadiani Fine Art ประเทศอังกฤษ นำภาพถ่ายของราชาเร็กเก้ช่วงปี 1973 มาจัดแสดง โดยรูปถ่ายส่วนใหญ่เป็นอิริยาบถธรรมดาสามัญที่ทำให้เราเห็นตัวตนของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น Bob Marley: A Rebel Prophet หรือนิทรรศการภาพถ่ายสุดเสรีของราชาเร็กเก้เป็นนิทรรศการที่ถูกจัดขึ้นโดย Esther Anderson ช่างภาพชาวจาไมก้า รวมถึงเป็นคนทำหนังและเป็นเพื่อนกับ Marley อีกด้วย Esther Anderson โชว์ภาพพอร์เทรตที่เขาเป็นคนถ่ายภาพ Marley กับมือก่อนที่ราชาเร็กเก้จะมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยภาพเหล่านี่ถ่ายใน Kingston ไม่ว่าจะเป็นที่ชายหาด บนถนนหนทาง หรือแม้แต่ที่บ้าน ภาพเหล่านี้สุดท้ายกลายเป็นภาพที่ Marley ใช้เสนอตัวเองกับค่ายเพลง Island Records ด้วยซ้ำ Esther Anderson ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า Bob Marley ก้าวข้ามเขตแดนของการเป็นนักดนตรีไปแล้ว แต่เขาเป็นเหมือนคนส่งสารที่สามารถสัมผัสได้ถึงผู้คนทั่วโลก เป็นบทกวีทั้งในอดีตและในอนาคต
หลายคนคงเคยเห็นภาพการวาดเส้นแสงไฟ หรือ Light Painting ที่สร้างความแปลกใหม่ และความน่าตื่นตาตื่นใจ ให้กับภาพถ่ายกลางคืนได้เป็นอย่างดี ด้วยสีสัน และความพลิ้วไหวของแสงไฟ ที่เราสามารถลากเส้นสร้างสรรค์ลวดลายได้ตามจินตนาการ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีถ่ายภาพที่สนุก และน่าสนใจ ที่สำคัญคือสามารถถ่ายเล่นเองได้ไม่ยากอย่างที่คิด เหมาะที่จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับใครที่อยากลองเริ่มต้นทำอะไรสนุก ๆ ปลุกไฟให้กับชีวิตที่ไม่ต้องการหยุดนิ่งอยู่กับอะไรเดิม ๆ สำหรับวิธีการถ่าย Light Painting อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่ามันไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น สามารถเริ่มต้นจนจบกระบวนการได้ด้วยการโซโลเดี่ยวคนเดียวด้วยซ้ำ แค่เข้าใจหลักการถ่าย เตรียมอุปกรณ์ และความสนุกในหัวใจให้พร้อมก็พอ ซึ่งวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จะมาแนะนำหลักการถ่าย Light Painting ให้ไปลองทำตามกันดู เมื่อรู้หลักแล้วหลังจากนี้คงไม่ใช่เรื่องยากในการนำไปต่อยอดจนเกิดเป็นภาพถ่ายที่สวยงามแปลกใหม่ตามสไตล์ที่ชอบได้เลย เตรียมอุปกรณ์ กล้อง: สำหรับกล้องในที่นี้ จะใช้กล้อง DSLR ระดับโปร, กล้อง Compact ขนาดกะทัดรัด หรือแม้กระทั่งกล้องจากโทรศัพท์มือถือก็จัดมาได้ตามสะดวก ขอเพียงแค่กล้องเหล่านี้รองรับการตั้งค่าสปีดชัตเตอร์ (ในโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่มีโหมด Pro) เพราะการลากเส้นแสงไฟให้มีความสวยงาม จำเป็นต้องเปิดชัตเตอร์ค้างไว้นานกว่าปกติ ขาตั้งกล้อง: อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญไม่แพ้กล้องถ่ายภาพ เพราะเมื่อเราเปิดชัตเตอร์ค้างไว้นาน ๆ จำเป็นต้องหาที่วางกล้องให้มีความมั่นคง เพื่อให้ภาพไม่สั่นไหว หากใช้มือจับกล้องเอาไว้ตามปกติ แม้จะมั่นใจว่ามือนิ่งแค่ไหน
“Life Begins at Night” สำหรับตากล้องสาย Street Photography ช่วงเวลากลางคืนถือเป็นโอกาสดีในการถ่ายรูป ที่มักจะมีจังหวะน่าประทับใจพร้อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ผู้คนที่ออกมาทำกิจกรรมหลังเลิกงาน ร้านผับบาร์ที่เปิดทำการรอต้อนรับผู้คนเฉพาะยามค่ำ รวมถึงแสงหลากสีที่สวยงามสาดออกมาจากหลอดไฟจำนวนมาก ราวกับจะแข่งกันกวักมือเรียกร้องความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทั้งหมดเป็นวัตถุดิบที่หาไม่ได้ในช่วงเวลากลางวัน เปรียบเสมือนโลกคนละใบสำหรับคนถ่ายรูปก็ไม่ผิดนัก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอุปสรรคใหญ่หลวง นั่นคือแสงสว่างจากธรรมชาติที่หายไป ต้องอาศัยแสงจากหลอดไฟ รวมถึงความสามารถในการรับแสงของ Sensor กล้องที่แตกต่างกันออกไปตามขนาดและราคา ถ้าจะปล่อยให้แสงสว่างเป็นอุปสรรคในการถ่ายรูปก็คงจะน่าเสียดาย สำหรับตากล้องที่อยากได้ภาพยามค่ำคืน วันนี้เราจะมาแนะนำไอเดียง่าย ๆ ในการถ่าย Street Photography ในสภาพแสงน้อย เพื่อให้ได้ภาพเท่ ๆ พร้อมใช้งานโดยเน้นที่ความคล่องตัวจากกล้องตัวเดียว ไม่ต้องพกแฟลช ไม่ต้องแบกขาตั้ง Go Black & White if you have to เรื่องของแสงในเวลากลางคืน มีอุปสรรคหลายอย่าง จากต้นกำเนิดของแสง ไปถึงความสามารถของกล้อง โดยเฉพาะกล้องตระกูล Sensor เล็ก ทำให้ความสามารถในการถ่ายรูปตอนกลางคืนค่อนข้างจะลำบาก ถ่ายเป็นมืด ถ่ายเป็นมืด ต้องลด Shutter Speed จนช้าเกินความสามารถมนุษย์ธรรมดาจะถือได้โดยไม่สั่นไหว