คุณว่าการใช้ชีวิตในเมืองเป็นอย่างไรบ้าง? เชื่อว่าคำถามนี้คงทำให้ผู้ชายหลายคนฉุกคิดและย้อนไปลำดับภาพการใช้ชีวิตที่รีบเร่งในแต่ละวัน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในหัวอาจเป็นทัศนียภาพป่าคอนกรีตที่อบอวลด้วยฝุ่นควัน ทรัพยากรจำนวนจำกัดที่สวนทางกับจำนวนประชาชน หรือแม้แต่ผังเมืองที่ไม่เคยเอื้อประโยชน์ต่อแผนพัฒนาในอนาคต แม้ปัญหาและข้อจำกัดมากมายจะทำให้เรากุมขมับทุกครั้งที่เรียกตัวเองว่า “คนเมือง” แต่ UNLOCKMEN อยากให้หนุ่ม ๆ ได้สัมผัสอีกแง่มุมหนึ่งผ่านคอลเลกชันภาพถ่ายบุคคลแนวสตรีต ที่บอกเล่าทุกอณูชีวิตคนเมืองอย่างแท้จริง Urban Street Portraits เป็นคอลเลกชันภาพถ่ายสีขาวดำของช่างภาพชาวสวิส Jens Krauer ที่ใช้กล้องตัวโปรดลั่นชัตเตอร์ในจังหวะที่พอเหมาะ และเก็บบันทึกภาพความทรงจำตลอดจนความรู้สึกของคนเมือง ทั้งความกลัว ความเศร้า ความเหงา ความกังวล หรือแม้แต่ความสุขที่ปะปนอยู่บ้าง แม้ Jens Krauer จะไม่ได้พยายามซ่อนตัวเองหรือซ่อนกล้องของเขาจากสายตาผู้คน แต่ภาพถ่ายของเขากลับดูเป็นธรรมชาติและถ่ายทอดทุกอารมณ์ความรู้สึกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จนเขาได้รับฉายาว่าเป็นช่างภาพที่พกเสื้อคลุมล่องหนติดตัวไปด้วยทุกที่ ภาพถ่ายของเขาไม่เพียงบันทึกความทรงจำในขณะนั้น หากยังสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของคนเมืองที่ไม่ได้สุขหรือทุกข์เพียงด้านเดียว หรือบอกชีวิตเป็นส่วนผสมของความสุขและทุกข์คงจะเหมาะสมกว่า Jens Krauer หวังว่าทุกคนในคอลเลกชันภาพถ่ายนี้จะมีชีวิตอยู่แบบนี้ไปตลอด ไม่ต้องเพิ่มความสุข ไม่ต้องลดความทุกข์ เพียงแค่ให้พวกเขาอยู่ได้เหมือนตอนที่เขายังอยู่ในภาพถ่ายของ Jens Krauer เราเชื่อว่าบางครั้งชีวิตคนเมืองอาจไม่ได้แออัดยัดเยียดเสมอไป ถ้าเลือกมองสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและเก็บมันมาเป็นพลังบ้าง เหมือนกับภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ที่แม้จะมีเพียงภาพเดียวจากทั้งหมด แต่ทันทีที่เห็นก็รับรู้ได้ถึงมวลความสุขที่อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม Photographs by Jens Krauer COVER
เราเชื่อว่าหนุ่ม ๆ สายเกมเมอร์ มังงะ หรือคอหนัง sci-fi หลาย ๆ คนคงพอได้ยินชื่อเมือง ‘ไซเบอร์พังก์ (Cyberpunk)’ ผ่านหูกันมาบ้าง จุดเริ่มต้นของเมืองนี้เกิดจากนวนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Cyberpunk ที่บอกเล่าเรื่องราวแห่งโลกอนาคตอันไกลโพ้น จริงอยู่ที่สภาพแวดล้อมของเมืองนี้อาจห้อมล้อมไปด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทค หากคุณภาพชีวิตของคนในเมืองกลับตกต่ำ เพราะมีสงครามระหว่างแฮกเกอร์และความขัดแย้งทางการเมืองพ่วงมากับความเจริญ นับตั้งแต่นวนิยายเรื่อง Cyberpunk ถูกตีพิมพ์ในปี 1983 ก็มีวิดีโอเกม ภาพยนตร์ และศิลปะแขนงอื่น ๆ ที่กล่าวถึงเรื่องราวของเมืองนี้ด้วยเช่นกัน แม้แต่ศิลปะการถ่ายภาพของยุคปัจจุบัน บางผลงานยังได้อิทธิพลมาจากเมืองแห่งโลกอนาคตเมืองนี้ Tom Blachford ช่างภาพชาวออสเตรเลียใช้เวลาตั้งกล้องและจดจ่ออยู่กับการหมุนเลนส์ เพื่อให้ได้ซีรีส์ภาพถ่ายแบบกลับหัว (Upside-down) จากเส้นขอบฟ้าของเมืองเมลเบิร์นที่สะท้อนถึงเมือง Cyberpunk ในเวลาเดียวกัน “Impossible Dystopia” เป็นซีรีส์ภาพถ่ายของ Tom Blachford ที่บันทึกภาพจากดาดฟ้าความสูง 55 ชั้นใจกลางเมืองเมลเบิร์นของประเทศออสเตรเลีย เขาใช้เทคนิคการถ่ายภาพเฉพาะตัวเพื่อเพิ่มเลเยอร์ให้ตึกระฟ้าสีนีออน และสร้างภูมิทัศน์ของเมืองแบบใหม่ที่แปลกตาไปจากเดิม ช่างภาพรายนี้รู้สึกทึ่งที่ซีรีส์ภาพถ่ายของตนสามารถทำให้มุมมองภาพของผู้ชมเปลี่ยนแปลงไป ทั้งการหยอกล้อกับความลึก หลักความเป็นจริง หรือแม้แต่ยุคสมัยที่ลั่นชัตเตอร์ รวมทั้งโทนสีและองค์ประกอบต่าง ๆ ก็ทำให้ภาพที่เห็นไม่เหมือนกับเมืองเมลเบิร์น ราวกับเป็นฉาก
‘ญี่ปุ่น’ ประเทศเมืองเกาะที่เป็นดินแดนในฝันของผู้ชายหลายคน ห้อมล้อมอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติตั้งแต่ภูเขายันท้องทะเล มีอาหารเลิศรสและจารีตประเพณีงดงามทรงเสน่ห์ ทั้งยังผู้คนที่มีระเบียบ ใส่ใจรายละเอียด และขยันขันแข็งกับแทบทุกเรื่องในชีวิต หากคุณเคยไปเยือนประเทศญี่ปุ่นมาบ้าง คงจะพอคุ้นชินกับเหตุการณ์หยุดรถไฟกะทันหัน เนื่องจากมีคนกระโดดลงรางรถไฟความเร็วสูงเพื่อปลิดชีพ และมันเป็นอีกวิธีฆ่าตัวตายยอดนิยมของคนที่นี่ จริง ๆ แล้วการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นมีมาตั้งแต่สมัยหลังสงคราม เนื่องด้วยชาวญี่ปุ่นต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและไม่อาจทนทุกข์ทรมานอยู่บนโลกนี้ได้ จึงตัดสินใจยุติลมหายใจเฮือกสุดท้ายด้วยวิธีการฆ่าตัวตายในรูปแบบต่าง ๆ การผูกคอตายครองแชมป์มาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยการกระโดดลงรางรถไฟ และการปล่อยให้ร่างกายซึมซับแก๊สพิษตามลำดับ สาเหตุการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นก็หนีไม่พ้นเรื่องการทำงานที่เคร่งเครียด ปัญหาทางเศรษฐกิจ อาการเจ็บป่วยที่ไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลาน หรือแม้แต่ปัญหาชีวิตวุ่น ๆ ของเหล่าวัยรุ่น Kenji Chiga ช่างภาพหนุ่มชาวญี่ปุ่นจึงถ่ายทอดเรื่องราวการฆ่าตัวตายของคนในประเทศตนด้วยคอลเลกชันภาพถ่ายที่แฝงความโศกเศร้าไร้ทางออก และมีเพียง ‘การฆ่าตัวตาย’ เท่านั้นที่อาจทำให้ใคร (บางคน) พ้นจากความทุกข์ได้จริง ๆ การฆ่าตัวตาย อาจเปรียบดั่งโรคติดต่อของคนในประเทศนี้ แพร่กระจายอย่างรวดเร็วราวไวรัสจากสมองของคนหนึ่งไปสู่สมองอีกคน บางครั้งผู้ตายอาจไม่ได้มองหาความตายเสมอไป หากมองหาการปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจที่ถูกพันธนาการ ความตายจึงเป็นวิธีปลดปล่อยอย่างง่ายและชัดเจนที่สุด ยิ่งในช่วงที่สื่อและเทคโนโลยีผลัดกันนำเสนอเรื่องราวของคนตาย ไวรัสที่ชื่อ ‘Werther Effect’ ก็ค่อย ๆ รุนแรงและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังมียาต้านไวรัสที่จะสร้างขึ้นเมื่อคุณ เขา เธอ หรือใครก็ตามเห็นคุณค่าของชีวิตและคนรอบตัวมากพอ นำความรักและการเห็นคุณค่านั้นหล่อเลี้ยงความคิดเพื่อการใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข แม้การฆ่าตัวตายจะเป็นคำตอบสำหรับบางคน
ถ้าพูดถึงประเทศอังกฤษ เชื่อว่ารายชื่อสโมสรฟุตบอล ภาพหอนาฬิกา Bigben และอุณหภูมิเย็นยะเยือกคงละเลียดเล็ดเข้ามาในหัวของผู้ชายหลายคน แล้วนั่นคงทำให้หนุ่ม ๆ บางคนพอระลึกได้ว่าอีกสมญานามของเกาะอังกฤษแห่งนี้คือ ‘เมืองผู้ดี’ เนื่องจากอังกฤษเป็นประเทศที่เก่าแก่และนับเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองในอดีต มีพระมหากษัตริย์ คนชนชั้นสูง และขนบธรรมเนียมประเพณี ตั้งแต่การแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ คำพูดคำจา หรือมารยาทบนโต๊ะอาหารที่แม้แต่คนไทยสมัยก่อนก็หยิบนำมาสร้างเป็นบรรทัดฐานของสังคมและวัฒนธรรมบ้านเรา แต่ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีมารยาททางสังคมสูงส่ง ได้ซุกซ่อนโลกใต้ดินที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์และวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้ประเทศเกาะของทวีปยุโรปแห่งนี้มีสีสันและชีวิตชีวามากกว่าแค่เป็น ‘เมืองผู้ดี’ ที่เรารู้จักคุ้นเคย UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ ไปสำรวจอีกด้านของกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ ผ่านคอลเลกชันภาพถ่ายของ Bob Mazzer ชายที่ถ่ายภาพผู้โดยสารในขบวนรถไฟใต้ดินจนเคยชิน ความเคยชินก่อตัวเป็นนิสัย นิสัยที่ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้จ้องมองผู้คนผ่านเลนส์ ก่อนจะลั่นชัตเตอร์ ลอนดอน ถือเป็นอีกเมืองที่รวบรวมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้าไว้ด้วยกัน และชาวลอนดอนก็ใช่จะเคร่งเครียดและเจ้าระเบียบอย่างที่ใครหลายคนคิด พวกเขากลับดูเป็นธรรมชาติ มีความสุข และมีความทุกข์ไม่ต่างผู้คนในประเทศอื่น ๆ เลย Bob Mazzer ช่างภาพชาวอังกฤษรายนี้จึงใช้กล้องเป็นสื่อบันทึกเศษเสี้ยวและรายละเอียดของความหลากหลายในชีวิตมนุษย์ ลั่นชัตเตอร์ในสภาพแวดล้อมแห่งความเป็นจริง ทำให้ได้ภาพที่พิเศษธรรมดาและไม่ได้ถูกปรุงแต่งจนเกินความเป็นภาพถ่าย ทั้งยังนำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งของลอนดอนที่มีเสน่ห์และมีชีวิตชีวา ไม่แพ้วัฒนธรรมแห่งเมืองผู้ดีที่ขึ้นชื่อเลย Photography by Bob Mazzer. COVER
ภาพถ่ายคือการเก็บเรื่องราวในช่วงเวลาที่เราลั่นชัตเตอร์เพื่อเป็นตัวแทนของความทรงจำ ช่วงเวลา หรือแม้แต่ชั่วขณะหนึ่งของผู้คนตรงหน้า แท้จริงแล้วภาพถ่ายไม่ได้เป็นเพียงแค่ไทม์แคปซูลเท่านั้น แต่ยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายนับไม่ถ้วน Richard Sandler คือช่างภาพชาวอเมริกันผู้ชื่นชอบถ่ายภาพแนวสตรีทและเป็นผู้กำกับสารคดีชื่อดัง เขามีผลงานมากมายเผยแพร่อยู่ทั่วเมืองนิวยอร์ก ไม่ว่าจะไปห้องสมุดสาธารณะ มหาวิทยาลัยแอริโซนา พิพิธภัณฑ์นิวยอร์ก หรือสมาคมประวัติศาสตร์นิวยอร์ก ก็จะต้องพบเห็นผลงานภาพถ่ายของเขาอยู่เสมอ ริชาร์ดกับเพื่อนนักเขียนของเขาเกิดความคิดที่จะรวบรวมรูปถ่ายจำนวนกว่า 200 รูป มาทำเป็นสมุดภาพ บอกเล่าเรื่องราวบนถนนย่านบอสตันในกรุงนิวยอร์กช่วงปี 1977 -2001 ผ่านหนังสือชื่อว่า The Eyes of the City ที่สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในมุมของแฟชั่น ภาพถ่ายเหล่านี้ได้สะท้อนถึงชีวิตเหล่าชายหนุ่มกลางนครนิวยอร์กที่มักแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าโทนสีเข้ม และนิยมใส่หมวกกันอยู่บ่อย ๆ นั่นเป็นเพราะอิทธิพลจากศิลปินชายที่โด่งดังในช่วงเวลานั้นอย่างไมเคิล แจ็คสัน แฟชั่นไอคอนมาแรงที่ไม่ว่าเขาจะสวมใส่อะไรผู้คนก็มักทำตาม อย่างเช่นหมวกทรง Panama ที่ MJ ใส่ในเพลง Billie Jean ก็ทำให้ชายหนุ่มนิยมสวมหมวกกันอย่างแพร่หลาย นอกจากหมวกสไตล์ Panama ที่หนุ่ม ๆ ฮิตใส่กันแล้ว แฟชั่นของผู้สูงอายุก็นิยมใส่หมวกด้วยเช่นกัน แต่จะเป็นหมวก Flat
หลังจากที่ “คนพิเศษ” คนล่าสุดออกไปจากชีวิต คุณใช้ชีวิตแบบไหน อยู่ด้วยความรู้สึกเช่นไร และใช้วิธีเยียวยาตัวเองอย่างไร เชื่อว่าแต่ละคนคงมีคำตอบที่ต่างกันไป แน่นอนว่าถ้าการยุติความสัมพันธ์ในครั้งนั้นลงเอยด้วยการที่คุณไปมีคนใหม่ทันที ทุกอย่างมันคงง่ายขึ้นเพราะความรู้สึกเศร้าสร้อยมันจะเบาบางลงจากการที่คนใหม่เติมเต็มความว่างโหวงในใจ แต่สำหรับบางคนที่ไม่ยอมให้ใครเข้ามาแทนที่คนเดิมได้ อาจต้องวนเวียนกับการคิดถึง “อดีตคนพิเศษ” แบบเขาคนนี้ Yosuke Morimoto ช่างภาพชาวญี่ปุ่นจาก Kagawa วัย 36 ปีที่ใช้เวลาเยียวยาตัวเองหลังจากอกหักจากแฟนสาว ด้วยการถือกล้องออกไปถ่ายรูปสาวคนอื่นกว่าพันคนตลอดสิบปีตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ถึง พ.ศ. 2560 ในคอนเซ็ปต์ที่ฟังแล้วเต็มไปด้วยความเวิ้งว้างในใจอย่างการ “ถ่ายภาพสาวที่ให้ความรู้สึกคล้ายแฟนเก่า” บ้านขนาด 27 ตารางเมตรของช่างภาพชายโสดคนนี้ส่วนใหญ่ถูกแปรเป็นห้องมืด และห้องน้ำก็ได้รับการแปรเป็นที่เก็บฟิล์มที่ล้าง SOME OF HIS PHOTOS แม้หลายกระแสวิจารณ์ว่าการกระทำของเขาว่ามันช่าง creepy ดูน่าแขยง แต่เราไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะจากภาพจะเห็นการ eye contact ระหว่างตัวแบบกับเลนส์อย่างชัดเจน บางรูปเองก็มีรอยยิ้มกลับมาให้ด้วย เราจึงคิดว่าเขาไม่ได้คุกคามแบบเหล่านั้น แต่เป็นการขออย่างสุภาพจนได้กดชัตเตอร์มา นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบำบัดที่เรามองว่าไม่ค่อยเหมือนใคร แต่ก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เพราะอย่างน้อยการออกถ่ายภาพ portrait ซ้ำ ๆ เพื่อซ้อมมือนับพันครั้งน่าจะเป็นประโยชน์กับอาชีพช่างภาพอย่างเขา ชาว UNLOCKMEN
ถ้าพูดชื่อ Harry Benson ขึ้นมา คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการถ่ายรูปคงขมวดคิ้วและถามกลับมาว่าเขาคือใคร แต่ถ้านำผลงานภาพถ่ายของ Harry มาให้ดูแล้วล่ะก็เชื่อว่าทุกคนต้องร้องอ๋อแน่นอน เพราะเขาคือเจ้าของภาพถ่ายประวัติศาสตร์มากมาย เป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการถ่ายภาพยุคบุกเบิก และเราเชื่อว่าผลงานของเขาเป็นอมตะทุกยุคสมัย ไม่หายไปตามกาลเวลา วันนี้เราจึงนำภาพถ่ายฝีมือ Harry Benson มาให้ชมพร้อมร่วมรำลึกประวัติศาสตร์ไปด้วยกัน 1964: The Beatles หนึ่งในภาพถ่ายอมตะของ The Beatles เกิดขึ้นในปี 1964 เวลาตี 3 หลังจากจบการแสดงคอนเสิร์ตในปารีส ผู้จัดการวงสี่เต่าทองเดินมาบอกทั้ง 4 หนุ่มว่าเพลง ‘I Want to Hold Your Hand’ ขึ้นอันดับ 1 Billboard ชาร์ตอเมริกา ทันใดนั้นทุกคนก็ดีใจกระโดดโลนเต้นพร้อมปาหมอนใส่กันทันที และแน่นอนว่า Harry ซึ่งอยู่ในเหตุการ์ณนั้นด้วยไม่พลาดที่จะเก็บภาพดังกล่าว 1964: The Beatles and Muhammad Ali อีกหนึ่งในภาพถ่าย Iconic ของวงสี่เต่าทองคือครั้งที่พวกเขาร่วมซีนกับ Muhammad Ali ยอดนักสู้บนผืนผ้าใบผู้ยิ่งใหญ่ เป็นการโคจรมาเจอกันของ
สงครามคือสิ่งเลวร้าย คือสัญลักษณ์แห่งความสูญเสีย นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสงครามมีอยู่จริงและเกิดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เพียงแต่คนในสังคมส่วนใหญ่พยายามจะไม่ยอมรับการมีอยู่ของมันและเลือกซุกมันไว้ใต้พรม แต่ Margaret Bourke White กลับทำตรงกันข้าม เธอคือช่างภาพผู้หญิงคนแรกที่ได้เข้ามาทำหน้าที่สื่อมวลชนในสงคราม Margaret Bourke White เริ่มต้นชีวิตช่างภาพด้วยการเป็นช่างภาพให้กับนิตยสาร Life ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้ตระเวนเดินทางไปสหภาพโซเวียต เยอรมัน อิตาลีและประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในภาวะสงครามเพื่อถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามออกมาในรูปแบบภาพถ่าย จนเธอได้ฉายาว่า ‘ผู้ที่ไม่สามารถทำลายล้างได้’ แม้ว่าเธอจะเสียชีวิตไปแล้วในปี 1971 ด้วยโรคพาร์กินสัน แต่ภาพถ่ายของเธอนั้นยังเป็นที่จดจำและพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้ UNLOCKMEN จึงรวบรวมภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงของเธอเพื่อตอกย้ำว่าสงครามนั้นโหดร้ายแค่ไหน และเราจะไม่ย้อนกลับไปสู่จุดนั้นอีก Buchenwald Concentration Camp นี่ไม่ใช่รูปจากภาพยนตร์แต่คือภาพถ่ายจริงของเหล่านักโทษการเมืองชาวยิวในค่าย Buchenwald ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายกักกันของนาซี และแน่นอนว่าจุดจบของนักโทษเหล่านี้คือการเข้าห้องรมแก๊ส Taxi Dancers ความรักและความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่แม้แต่ในภาวะสงครามอันโหดร้าย เหล่าหนุ่มสาวในภาพถ่ายของ Margaret Bourke White คือบรรดาคนขับรถแท็กซี่และแฟนสาวของเขากำลังเต้นรำกันอย่างมีความสุขในเมือง Frontier Mine Workers หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 Margaret Bourke White เข้าเยี่ยมชมสถานที่ทำงานของคนงานเหมืองในแอฟริกาใต้ เธอได้ถ่ายทอดความยากลำบากและงานอันหนักหนาผ่านภาพถ่ายออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม Bread Line
หลายครั้งที่เรื่องราวไม่อาจบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรหรือคำพูดได้เท่ากับภาพที่เห็น การถ่ายภาพจึงเป็นเหมือนการเก็บความทรงจำในวินาทีนั้นเอาไว้ให้มันคงอยู่ไปอีกแสนนาน การถ่ายภาพจึงมีการเล่าเรื่องในตัวของมันเองอยู่เสมอ จากมุมมองของผู้ถ่ายภาพ จากมุมมองของคนดู ต่างเป็นมุมมองที่ได้รับจากภาพที่มันเล่าเรื่องในตัวมันเองทั้งนั้น UNLOCKMEN หยิบเอาผลงานเจ๋ง ๆ ในคอลเลคชั่น “The New York Chronicles” ผลงานการถ่ายภาพของ Luc Kordas ที่หยิบเอาเรื่องราวของ New York เมืองที่ไม่เคยหลับใหลมาเล่าเป็นเรื่องราวผ่านภาพถ่าย ในช่วงเวลาสี่ปีที่เขาอาศัยอยู่ใน New York เรื่องราวการใช้ชีวิตของผู้คนตามท้องถนน การรอคอย ความเร่งรีบ ความสับสนวุ่นวาย ความเงียบสงบในบางมุม แล้วแต่ว่าเราจะหามันเจอได้ในมุมไหนของเมือง ใครที่อยากติดตามผลงานดี ๆ ของเขา สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ ที่จะมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมายของเรา รอเล่าเรื่องราวดี ๆ ให้คุณได้ฟัง
เราอยู่ในโลกที่การถ่ายภาพเต็มไปด้วยการสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย การถ่ายภาพอาจเป็นได้ทั้งงานศิลปะ เป็นได้ทั้งเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ทำขึ้นเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่างสู่สังคม และงานที่ UNLOCKMEN เอามาอวดสายตาผู้ชายทุกคนวันนี้ก็เช่นกัน นี่คือศิลปินสาวที่ถ่ายภาพจากช่องคลอดของเธอเอง! มันจะหวือหวาขนาดไหนกัน แค่ฟังก็ตื่นเต้นแล้วสิ Dani Lessnau คือ visual artist จาก Brooklyn ผู้หาญกล้าฉีกขนบการถ่ายภาพและสรรค์สร้างงานศิลปะ แต่ถ้าใครคิดว่านี่เป็นแค่ความพิเรนทร์ สักแต่ว่าจะสร้างความแตกต่างโดยไม่มีแก่นสารอะไรเลยก็เห็นทีจะคิดผิด เพราะภายใต้การสอดกล้องเข้าไปในส่วนลึกลับและถ่ายออกมาเป็นรูปภาพนั้น คือความเป็นเฟมินิสต์ที่เชื่อมโยงกับการลุกขึ้นสู้เพื่อสิทธิของผู้หญิง ผ่านเรื่องของความเปราะบางของเรือนร่างผู้หญิงและการล่วงละเมิด แน่นอนว่าการถ่ายภาพครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก และโคตรจะท้าทาย (ก็แน่ล่ะ เพราะไม่มีใครเคยทำมาก่อน) โดยมีทั้งข้อจำกัดทางกายภาพ การควบคุมแสง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ Dani Lessnau มองว่าเป็นการท้าทายขนบเดิม ๆ เกี่ยวกับถ่ายภาพ การตีความรูปภาพ การสื่อสารที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน “extimité” คืองานเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ใช้เรือนร่างของ Dani Lessnau กับพาร์ตเนอร์ของเธอ โดยไต่ระดับเล่นกับพื้นที่ของเส้นแบ่งระหว่างความอีโรติคกับเรื่องของสรีระทั่ว ๆ ไปของมนุษย์ แถมยังเล่นกับความเลื่อนไหนแปลกประหลาดระหว่างความรู้สึกแห่งการตรวจตราระวังระไวกับความใกล้ชิดระหว่างเธอกับพาร์ตเนอร์เธอเอง ส่วนวิธีการสรรค์สร้างผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้หนุ่ม ๆ อย่างเราคงแอบสงสัยใคร่รู้กันเป็นอย่างมาก เธอก็อธิบายว่ากล้องที่เธอใช้เป็นกล้องรูเข็มที่เธอประดิษฐ์ขึ้นเอง จากนั้นก็สอดเข้าไปในอวัยวะเพศ ก่อนจะดึงเทปเปิดออกเพื่อเปิดรูรับแสง แคปเชอร์! เธอต้องทำอย่างนั้นอาจจะสักนาทีสองนาทีขึ้นอยู่กับคุณภาพแสง