พูดถึงชื่อ Lexus ภาพที่เรานึกถึงคือความหรูหรา นุ่มนวลสะดวกสบาย คงไม่มีใครคาดคิดที่จะได้เห็นค่ายรถสุดหรูจากญี่ปุ่นจะออกมาดีไซน์ยานพาหนะสไตล์ Buggy สำหรับลุยป่าลุยเขาที่ดูดิบโหดพร้อมลุย เรียกว่า Lexus ROV (Recreational off-highway vehicle) นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา จุดเด็ดที่สำคัญที่สุดของรถคันนี้ต้องยกให้เทคโนโลยีเครื่องยนต์เผาไหม้ที่ใช้ไฮโดนเจนเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมัน ทำให้มันปล่อยไอเสียในระดับ “near-zero emissions” ซึ่งเป็นครั้งแรกของ Lexus ต่างจากใน LF-FC concept ที่ใช้เทคโนโลยี fuel cell electric vehicle (FCEV) เพราะใน Lexus ROV จะใช้การฉีดไฮโดนเจนเข้าไปจุดระเบิดในเครื่องยนต์ 1 ลิตรแทนที่น้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง โดยมีถังแรงดันสูงสำหรับบรรจุไฮโดนเจนอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นหลักการทำงานของรถยนต์ปกติ ที่เปลี่ยนเชื้อเพลิงและลดมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเหตุผลในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้มีข้อดีคืออารมณ์การขับขี่ที่ได้ฟิลลิ่งการขับขี่ การตอบสนอง และเสียงเครื่องยนต์เหมือนรถยนต์ปกติที่ทุกคนคุ้นเคย ต่างจากการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่ทุกประสาทสัมผัสจะถูกทิ้งหายไปหมด “the exciting sound of an ICE and the responsive rise in torque
ด้วยกระแสความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนที่มีสูงมาก แม้ Tesla จะยอมลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประเทศจีน ก็ยังไม่สามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้เต็มความต้องการที่มีมหาศาล จึงเป็นช่องว่างที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีนต่างสนใจในการพัฒนาค้นคว้า Electric Car ของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่กับทาง Huawei โดยผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า “Aito M5” ไม่ใช่รถยนต์จากค่ายเก่าแก่ของจีน แต่เป็นผลงานระดับ masterpiece ของเจ้าพ่อ Tech giant อย่าง Huawei หากใครติดตามข่าวคราวอย่างใกล้ชิด จะทราบว่า Huawei นั้นแซง Apple ในด้านการพัฒนา Electric Car ไปแล้ว โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Huawei ได้เปิดตัวรถยนต์คันแรก “SF5” ที่พัฒนาร่วมกับ Cyrus ล่าสุดเป็นผลงานคันที่สองของ Huawei “Aito M5” มันไม่ใช่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% แต่ยังมีแหล่งพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย (PHEV) ซึ่งข้อดีที่ Huawei บอกก็คือมันจะให้สมรรถนะที่สูงกว่าจากการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานเผาไหม้ รวมถึงสามารถขับใช้งานได้ระยะทางมากกว่า Tesla Model Y เพราะแม้แบตเตอรี่จะหมด ก็ยังสามารถขับต่อได้ด้วยพลังงานเชื้อเพลัง โดยหวังว่าจะจับกลุ่มลูกค้าจีนส่วนใหญ่ที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุดเมื่อเทียบบรรทัดต่อบรรทัด
ปีหน้าจะเป็นปีที่ Subaru มีความเคลื่อนไหวคึกคักที่สุดแบรนด์นึงแน่นอน หลังเผยแนวทางอย่างชัดเจนว่าค่ายดาวลูกไก่เตรียมก้าวเข้าสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าเต็มตัว และการเผยภาพ teaser ภาพแรกของ electric STI ก่อนเผยโฉม concept car ในงาน Tokyo Auto Salon เดือนมกราคมที่จะถึงนี้ ท่ามกลางข่าวลือว่า Subaru เตรียมขนทีเด็ดไว้เปิดตัวในงาน Tokyo Auto Salon 14 มกราคมนี้ โดยหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือการหย่อนภาพ STI E-RA แม้จะเป็นเพียงภาพกระจังและไฟหน้า แต่ก็เผยให้เห็นรายละเอียดที่น่าสนใจหลายอย่าง จากที่เคยคาดว่าอาจจะเป็น WRX STI ที่นำมาใส่แบตเตอรี่ แต่จากภาพนี้ชัดเจนว่าเป็นคนละโมเดลกัน โคมไฟหน้าของ STI E-RA ถูกดีไซน์ให้มี C-shaped LED daytime running lights ขนาดใหญ่กว่า ฝากระโปรงหน้าเจาะช่องระบายอากาศสองช่อง ซึ่งต่างจาก WRX STI เราคาดว่าจะเป็นช่องระบายความร้อนให้มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า แน่นอนว่าต้องมีมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังอีกตัวสำหรับการส่งกำลังแบบ AWD ซึ่งเป็น signature ของ
ถ้าจะหา classic Mini Cooper สภาพนางฟ้าในบ้านเรา ต้องเตรียมเงินค่าสินสอดไว้ไม่ต่ำกว่าสองล้านบาท แต่ถ้าการเงินไม่ใช่ปัญหา และหัวใจเรียกร้องหา classic Mini สภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน อีกไม่นานเราอาจจะมีทางเลือกจาก Mini Remastered Oselli Edition หนึ่งในผลงานชื่อดังจาก David Brown Automotive Mini Remastered Oselli Edition คันนี้คือผลงานชิ้นแรกที่ผลิตและส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งมี waiting list ยาวเป็นหางว่าว แม้จะมาพร้อมราคาที่สูงถึงคันละ $140,000 หรือราว 5 ล้านบาท ราคาระดับนี้ ย่อมหมายถึงรายละเอียดที่เรียกว่า “ทำถึง” รถ Mini Remastered Oselli Edition คันนี้ต้องใช้เวลาถึง 1,400 ชั่วโมงในการผลิต ภายนอกมาในสี Carbon Grey ตกแต่งด้วย Heritage Green accents ดีไซน์ ลาย graphic
โอกาสสำหรับนักสะสมรถยนต์ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์น่าสนใจติดตัว เมื่อผู้กำกับ Michael Bay จับมือกับ Curated supercar dealership ใน Miami นำรถยนต์ 4 คัน ดาวดังจาก Transformers จากหลายภาค มามัดรวมชุดเพื่อให้นักสะสมได้ประมูลกันไปในราคาราว $2 million USD การจัดชุดประมูลรถยนต์เป็นล็อต ช่วยเพิ่มเสน่ห์และมูลค่าให้นักสะสมได้เป็นอย่างดี โดยใน collection นี้ประกอบไปด้วยคันแรก ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “Bumblebee” 2010 Chevrolet Camaro เวอร์ชั่นจากภาค Transformers 3: Dark Side of the Moon ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่ใช้ในการถ่ายทำ มีทั้งกันชนหน้า ฝากระโปรง สปอยเลอร์หลัง และสติกเกอร์ตกแต่งที่ใครเห็นก็ต้องจำได้แน่นอน ตามมาด้วยคันท่ีสองจากภาคเดียวกัน เป็นรถยนต์ Mercedes-Benz SLS AMG ที่ขับโดย Rosie Huntington ซึ่งแม้จะไม่ได้มีการตกแต่งเป็นพิเศษอะไร แต่แค่ความเป็น SLS AMG
ความฝันและแรงบันดาลใจ เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนให้ผู้คนนำความชอบออกมาใช้เป็นไอเดียสร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญ โดยเฉพาะในโลกแห่งการ custom ที่แต่ละสำนักต่างใช้ความชอบที่ติดตรึงใจในอดีตของแต่ละคน นำมาใช้ดีไซน์รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เป็นลายเซ็นที่ดึงดูดผู้คนที่มีความชื่นชอบเหมือนกันเข้าหากัน ในหมู่นักสะสมและวงการมอเตอร์ไซค์คลาสสิก จะมีคำพูดติดปากกันอยู่ว่า “รถเลือกคน” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ คุณสัน สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี แห่ง SMITHS VINTAGE CLUB ชายผู้หลงใหลในเสน่ห์ความสวยงามของ BMW R50 ที่จอดอยู่ในร้านตั้งแต่แรกพบ แม้ในตอนนั้นราคา 75,000 บาท จะสูงจนเกินเอื้อมสำหรับวัยรุ่นที่พึ่งจะเริ่มใช้ชีวิต แต่มันก็กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้คุณสันพยายามทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ และแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ภาพของมอเตอร์ไซค์ถังดำก็ไม่เคยเลือนหายไป ซึ่งคุณสันก็ไม่ลืมที่จะกลับมาไล่ตามความฝันในการครอบครอง BMW Motorrad คันแรกของตัวเอง สไตล์ความเท่และเสน่ห์ของ BMW Vintage ทำให้คุณสันเดินหน้าเก็บสะสมมอเตอร์ไซค์คลาสสิกได้จำนวนนึง ก็ตัดสินใจเปิดคลับเพื่อใช้ในการรวบรวมเหล่า Biker คอเดียวกันเอาไว้ในพื้นที่ ๆ ตั้งชื่อว่า “SMITHS VINTAGE CLUB“ สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ออกมาผ่าน BMW Motorrad รุ่นคลาสสิกมากมาย เสื้อผ้า รวมถึงแผ่นเสียงที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งเกี่ยวกับที่มาของชื่อคลับนี้ด้วยเช่นกัน ชื่อ “SMITHS VINTAGE
เรียกว่า ‘คุณปู่’ ก็สมฐานะ สำหรับ Nissan Bluebird ที่ทำตลาดในประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี 1986 ถึงวันนี้ก็มีอายุขัยอยู่ในวัย 35 ปี จึงเป็นโอกาสพิเศษที่ Nissan U.K. นำเสนอ edition สุดพิเศษ ‘Newbird’ Nissan Bluebird ‘Newbird’ ชื่อสุดเท่ที่มาจากการชุบชีวิตให้สุดเก๋าด้วยสไตล์ restomod คืนสภาพให้สดใหม่ พร้อมใส่เทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าจาก Nissan LEAF เข้าไปแทนที่เครื่องยนต์เผาไหม้ แบตเตอรี่ขนาด 40kWh สามารถขับได้ระยะทางไกล 208 กิโลเมตร ทำความเร็ว 0-100 km/h ภายใน 15 วินาที ช่วงล่างออกแบบใหม่เพื่อรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เรียกว่าไม่เน้นแรง แต่เน้นฟิลลิ่งที่คลาสสิคตรงยุค ’80s ความเป็น ’80s ยังมีให้เห็นชัดเจนในดีไซน์ภายนอกที่รายละเอียดโดยรวมยังคงความเดิมไว้ครบถ้วน มีเพิ่มเติมไฟ LEDs เข้าไปในจุดต่าง ๆ รวมถึงหลังโลโก้ Nissan บนกระจังหน้า ด้านข้างพ่นสี rainbow
Ken Block ตำนานนักขับ Gymkhana ที่ยังหายใจ ผู้มาพร้อมรถประจำการคันใหม่ทุกปี และล่าสุดก็เป็นผลงานที่ถือว่าเดือดจัดใน Audi S1 e-tron Quattro Hoonitron ตัวแรงพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ใน Ken Block’s Elektrikhana video ช้ินล่าสุด Audi S1 e-tron Quattro Hoonitron รถยนต์ที่ Audi พัฒนาขึ้นเพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าสร้างบันทึกหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ ได้แรงบันดาลใจจากตำนาน Iconic S1 จากการแข่งขัน Pikes Peak ซึ่งทีม Audi ใช้เวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ตั้งแต่การเริ่มต้นดีไซน์ โดยทำงานร่วมกับ Ken Block ตั้งแต่แรก เพื่อให้ได้รถแข่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด ดีไซน์ภายนอกของ Audi S1 e-tron Quattro Hoonitron นั้นมีความใกล้เคียงกับตัวแข่ง Group B Rally ปี 1980s และ
ไม่มีรถยนต์ที่มีพร้อมทั้งความเป็น Off-roader สุดเก๋าพ่วงความ Luxury เทียบเท่า Supercar ได้มากกว่า Mercedes-Benz G-Class และสำหรับคนที่ต้องการความเป็นที่สุดอย่างไม่ซ้ำใคร อาจจะต้องหันไปมองหา Mercedes-AMG G63 6×6 รถยนต์ SUV ที่มีผลิตออกมาเพียง 100 คันในโลก มีเพียง 15 คันที่เป็นพวงมาลัยขวา แต่ที่เป็นตำนานและเป้าหมายของนักสะสมตัวจริงคือรุ่นพิเศษที่มีน้อยกว่านั้น นั่นคือ Brabus B63S-700 edition ที่ผ่านการปรับจูนจนสามารถพารถยนต์ขับเคลื่อน 6 ล้อให้พุ่งทะยานด้วยขุมพลังมากถึง 700 แรงม้า Mercedes-AMG G-Wagon เดิม ๆ จากโรงงานมากับขุมพลัง 5.5-liter twin-turbocharged V8 536 horsepower, 560 lb-ft of torque และรุ่นพิเศษที่ผ่านการปรับแต่งโดย Brabus จะถูกเรียกด้วยรหัส B63S-700 engine package อัพเกรด turbocharger ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมระบบความเย็นใหม่หมด
การเปิดตัวโมเดลสำคัญในประวัติศาสตร์ BMW นี่คือรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นแบบ standalone BMW M ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับ M โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับการสร้าง BMW M1 ในตำนานนับตั้งแต่ปี 1978 และยังเป็นการสร้างบนตัวถัง SUV แทนที่จะเป็นตัวถังสปอร์ตคูเป้ ยิ่งทำให้ BMW XM คันนี้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ดีไซน์ภายนอกของ Concept XM สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทักคือกระจังหน้าใหม่ขนาดใหญ่พิเศษในทรงแปดเหลี่ยม มีแถบไฟคอนทัวร์ในขอบกระจังหน้า ช่วยสร้างมิติที่ทันสมัย ไฟหน้าออกแบบเป็นด้านละสองดวงเล็กแยกออกจากกัน เพิ่มรายละเอียดที่โดดเด่น มองแวบแรกอาจจะแปลกตา แต่ยิ่งมองนาน ๆ ยิ่งรู้สึกถึงได้ถึงเสน่ห์ของการดีไซน์ที่บาลานซ์ได้ครบทั้งความสปอร์ตดุดัน ความหรูหรา ความแข็งแกร่ง และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า รายละเอียดรอบคันก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน บอดี้รถเลือกใช้สี two-tone ระหว่างสี gold-bronze ที่ส่วนบนของรถ และใช้สี Space Grey Metallic บริเวณด้านล่าง มีไฟช่องไฟ LED อยู่เหนือเสา A-pillars สีดำ blacked-out ด้านหลังมีไฟท้ายลากยาวดวงใหญ่สีดำ blacked-out